ตอนที่ 14
“อย่าทําหน้าอย่างนี้สิ...แค่นี้ผมก็กลัวคุณจะแย่อยู่แล้ว”
“นายนี่นะ รู้จักกลัวกับเขาด้วย”
“อืม...กลัวครับกลัวใจตัวเอง” เว้นระยะนิดหนึ่งก่อนจะพูดประโยคต่อมา
“คุณรู้รึเปล่าว่าหัวใจมีกี่สถานะ”
“......” หญิงสาวทำหน้า งง ๆ แล้วก็เจอกับคำตอบที่ทำให้เธอหน้าแดงอีกครั้ง
“ของแข็ง ของเหลว และของคุณไง” พริมโรสหยุดเดินทันที แล้วหันมามองคนพูดทันที เพราะคําตอบที่แสนจะน่าหมั่นไส้ของชายหนุ่ม
เจอคารมจีบสาวของเจ้าพ่อจอมโหดเข้าไป ทําเอาสาวจอมดุตั้งตัวไม่ทัน
‘มุขก็เชยแถมยังไร้สาระ’
เขมชาติพยายามกลั้นหัวเราะอย่างชอบใจกับอาการเขินอายของหญิงสาว เขาคิดว่าเจ้าหล่อนจะกล้าจนลืมความอายไปหมดแล้วเสียอีก
“ยัยครูระเบียบจะรีบไปไหน...รอผมด้วยสิ” เขาเรียกพร้อมกับรีบเดินไปคว้าเอวบางมากอดอีกรอบ ก่อนจะพาเดินผ่านบรรดาพนักงานที่มองมาอย่างสนใจ
พนักงานที่ทํางานอยู่ชั้นล่างสุดของตัวตึกเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ และฝ่ายติดต่อประสานงาน แค่ชื่อฝ่ายก็คงบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่า ข่าวที่เจ้านายสูงสุดควงผู้หญิงเข้ามาที่ทํางานจะลุกลามไปมากขนาดไหน
แม้เจ้านายของพวกตนจะขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะควงผู้หญิงคนไหนมาที่ทํางาน จะพูดให้ถูกก็คือมีแต่ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายมาหาเอง แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นคนพิเศษและที่สําคัญที่สุด...วันนี้เจ้านายยิ้ม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกสําหรับคนที่นี่มาก ไม่ใช่ว่าเขมชาติจะไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะ แต่เขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างขรึม เวลามาทํางานจะรีบเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปทํางานที่ชั้นบนสุด โดยไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเดินแบบช้า ๆ ไม่รีบร้อน แถมยังกวาดสายตามามองพนักงานทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น ก่อนจะส่งยิ้มมาให้เป็นการทักทาย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก
ที่แปลกอีกอย่างสําหรับเขมชาติวันนี้ คงเป็นเรื่องเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มสวมใส่อยู่ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เจ้านายเข้าบริษัทแล้วไม่ใส่สูท แต่นี่มาในชุดสบาย ๆ กางเกงสแล็คสีดํา เสื้อเชิ้ตสีครีมถูกพับแขนขึ้นไปทั้งสองข้าง กระดุมบนปลดออกสองเม็ดเผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วย กล้ามเนื้อแข็งแรง สงสัยคงเป็นเพราะอิทธิของสาวหน้าหวานที่ควงมาด้วยแน่ ๆ ที่ทําให้เจ้านายอารมณ์ดีอย่างนี้
พริมโรสไม่รู้ตัวเลยว่าขณะนี้เธอกําลังเป็นความหวังเดียวของพนักงานที่นี่ ที่อยากให้เธอมาทุกวันเพราะว่าเจ้านายจะได้อารมณ์ดี เวลาเสนองานหรือมีประชุมจะได้ไม่โดนไล่บี้จนแทบอยากจะหนีออกจากห้อง
เขมชาติพาพริมโรสเข้าไปในลิฟต์สําหรับผู้บริหารซึ่งเป็นคนละตัวกับเมื่อวันก่อนที่เธอใช้ โดยมียักษ์คู่ตามเข้ามาด้วย ไม่รู้ว่าชงคมเอารถไปจอดตรงไหน เพราะใช้เวลาเพียงนิดเดียวก่อนจะตามมาสมทบกับคนอื่น
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง เสียงผู้หญิงที่รออยู่หน้าประตูก็เอ่ยขึ้นมาทันที เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าลิฟต์ตัวนี้มีแต่เขมชาติคนเดียวที่ใช้ได้ หญิงสาวคนนี้ต้องจัดว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ตอนนี้แพรวเตรียมเอกสารสําหรับการประชุมเรียบร้อยแล้วค่ะ สําหรับผู้ร่วมประชุมตอนนี้ทุกคนพร้อมที่ห้องประชุมเล็ก”
ชงคมยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาห้ามไว้ก่อนที่พรรณารายจะพูดจบ
“อีก 10 นาทีจะเริ่มประชุม คุณไปบอกทุกคนด้วย”
พูดจบเขมชาติก็พาพริมโรสเดินเข้าไปในห้องทํางานของตัวเอง โดยมีชงคมกับคาร์ลอตตามเข้าไปด้วย ขณะที่เดินผ่านผู้หญิงคนนั้นคนที่มาพร้อมกับเลขาฯของเขมชาติ พริมโรสมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกําลังถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เมื่อเธอหันไปสบตาด้วยก็พบสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจก่อนจะปรับให้เป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว
‘แปลก ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทําไมมองแบบนั้น...’
ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกตไม่แพ้กันกับเขมชาติ ทําให้ พริมโรสเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ดี โดยเฉพาะแววตาของหญิงสาวคนเมื่อครู่ แววตาที่มองเธอด้วยความไม่พอใจ และมองเขมชาติด้วยความตัดพ้อ แม้จะเป็นเพียงแค่แวบเดียว แต่ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของเธอไปได้ หรือว่า...
‘สมภารจะกินไก่วัด...’
ผู้ชายนี่ใช้ไม่ได้จริง ๆ ไว้ใจไม่ได้สักคน เธอนึกว่าเขมชาติจะเป็นข้อยกเว้นแล้วเชียว อารมณ์ที่ขุ่นมัวเมื่อกี้ก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“คุณรอผมที่นี่นะครับ ประชุมเสร็จเราไปกินข้าวกัน” พูดจบก็พลางดันตัวพริมโรสนั่งตรงโซฟาในห้องทํางานของเขา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง เบียดข้าง ๆ
“ถ้าคุณง่วงก็นอนได้นะ...ผมไม่ว่าอะไรคุณหรอก แต่คุณต้องรอผมนะ” ชายหนุ่มยํ้าอีกครั้งอย่างจะกลัวว่าหญิงสาวจะหนีเขากลับก่อน
พริมโรสพยายามจะขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขมชาติแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ เพราะยิ่งขยับเขายิ่งเบียดตาม
“รู้แล้ว...จะประชุมก็รีบ ๆ ไปสิ” หญิงสาวพูดขณะพยายามดันตัวชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขมชาติไม่ยอมแพ้ เขาใช้แรงที่มากกว่าดึงร่างบางเข้ามาปะทะกับอกแกร่ง แล้วกอดไว้อย่างกลัวว่าหญิงสาวจะหนีหายไปไหน
“ช่วยเป็นแรงใจให้ผมด้วยนะครับ” เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ริมหูให้ได้ยินแค่สองคน คงเพราะนํ้าเสียงที่เหมือนคนอ่อนแรงของนายเสาไฟฟ้าทําให้คุณนายระเบียบเธอยอมซบหน้าลงกับอกแต่โดยดี กอดแขนแข็งแรงนั้นยิ่งกอดกระชับมากขึ้นอย่างจะขอกําลังใจจากคนในอ้อมกอด
‘แค่นี้ก็พอ ขอแค่คุณอยู่กับผม..’
‘ทําไมต้องใจอ่อนให้ด้วย’
เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างของผู้หญิงสองคนเดินเข้ามา
“ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ...”
พรรณารายพูดแต่ต้องชะงักทันทีกับภาพที่เห็นตรงหน้า ก่อนจะหันมาสบตากับชงคมและคาร์ลอต ที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ในห้อง ทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับภาพดังกล่าว
“รีบไปเถอะ...พริมของีบสักพัก ไม่ไปไหนหรอก” หญิงสาวพูดหลังจากค่อย ๆ ผละออกจากอ้อมกอดแข็งแรงนั้น
ชายหนุ่มละจากโซฟานุ่ม ก่อนจะผลักร่างบางให้เอนตัวนอนลงไปกับโซฟา แล้วก้มหน้าจุมพิตที่หน้าผากมนเบา ๆ
“รอผมนะ” แล้วเดินนําคนอื่นออกไปจากห้องนั้น ปล่อยให้ร่างบางได้พักผ่อนอย่างสบาย
เมื่อทุกคนออกไปจากห้องนั้นหมดแล้ว ร่างบางที่ใครคิดว่ากําลังนอนหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น ความง่วงที่ปรากฏเมื่อครู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
พริมโรสยังจําแววตาของหญิงสาวอีกคนที่เดินตามคุณพรรณารายมาได้ดี แม้จะแค่เสี้ยววินาทีเดียว แต่ก็เป็นเสี้ยวเดียวที่แสดงถึงความไม่พอใจ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ ความไม่สบายใจ ความกังวลใจบางอย่างเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว
‘อย่าใจอ่อน...ท่องไว้ อย่าใจอ่อน ฉันต้องชนะเกมนี้...จําไว้’
พริมโรสยํ้ากับตัวเองอย่างมุ่งมั่น แม้ว่าจิตใจของเธอตอนนี้จะสับสนเพียงไหนก็ตาม เธอคิดขณะเดินสํารวจห้องทํางานใหญ่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น