บทที่ 4 เกือบไปแล้ว

3016 คำ
บทที่ 4 เกือบไปแล้ว [Karn] ผมมองร่างบางที่อยู่ใต้ร่างของผมตอนนี้ เธออยู่ในชุดนักศึกษาที่คับแน่น แต่งตัวยั่วยวนเชิญชวนจนผมอยากจะตะครุบให้รู้แล้วรู้รอด ผมได้เพียงแต่คิดในใจ พลางกลั้นอารมณ์ความอยากที่ปะทุขึ้นมาเอาไว้ ผมรู้จุดประสงค์ของยัยนี่ที่กล้าแต่งตัววาบหวามแบบนี้ ตั้งใจมายั่วพี่ผมสินะ ผมคิดว่าถ้าพี่ผมเห็นเธออยู่ในชุดนี้คงจะอดใจไม่ไหวเหมือนกันนั่นแหละ คงจะแปลกใจใช่ไหมครับ ทำไมผมกับผู้หญิงคนนี้ถึงมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองในบ้านของผม ผมลากเธอเข้ามาเองนั่นแหละ เธอทำให้ผมโมโหจนเผลอพลั้งปากพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ใช่ครับ ผมเกลียดผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงที่พยายามจะจับพี่ชายของผมทำผัว! ผมไม่ได้รู้สึกมีความหึงหวงในตัวของพี่ชายเลยสักนิดนะครับ แต่ที่ผมรู้สึกเกลียดผู้หญิงที่เข้ามาด้วยเรื่องแบบนี้ เพราะมีอะไรบางอย่างในอดีตที่ทำให้ผมต้องฝังใจ พูดแล้วก็เจ็บปวด เอาไว้สักวันผมจะบอกแล้วกัน ผมกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อประมาณห้าวันก่อน เหตุผลที่ผมกลับมาไม่ใช่อะไรหรอกครับ พี่ชายสายเลือดแท้ๆของผมบังคับให้ผมกลับมาไทยพร้อมกับเขา แถมยังจะให้เรียนต่อที่ไทยจนถึงมหาลัย ถึงผมจะเคยอยู่ไทยตอนช่วงประถมก็เถอะนะ แต่ก็ไม่อยากมาอยู่อีก ผมชอบบ้านของคุณย่ามากกว่า ตอนแรกผมก็ไม่ยอม จะอยู่อเมริกาตกับคุณย่าให้ได้ แต่คุณย่าก็ดันผลักไล่ไสส่งผมให้มาอยู่ไทยเป็นเพื่อนกับพี่ชาย แถมคุณย่ายังไม่วายยื่นข้อเสนอสุดพิเศษให้ผมด้วยการยัดเงินผมครับ ผมมันก็เป็นแค่เด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ อยากมีเงินฟรีๆใช้เลยรับข้อเสนอไปอย่างง่ายๆ วันแรกที่ผมมาเมืองไทย ผมก็อยู่บ้านหลังใหญ่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่พี่ชายของผมอยากอยู่บ้านที่มันใกล้ๆกับมหาลัย ก็เลยตกลงใจกันว่าจะมาอยู่บ้านหลังนี้ที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อเอาไว้นมนาน แต่ไม่ได้ใช้สอยประโยชน์อะไร บ้านหลังนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันทุกอย่างเลยแหละครับ ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่มี คือของกิน ผมอยู่บ้านหลังนี้มาได้ประมาณสามวัน วันที่สองผมเริ่มสังเกตบ้านข้างๆที่แนบชิดติดกันว่ามีคนอาศัยอยู่รึเปล่า สรุปว่ามีครับ แถมยังเป็นสาวมหาลัยที่อยู่ตัวคนเดียวซะด้วย แต่ที่แปลกใจกว่านั้น คือทำไมสาวมหาลัยถึงมาอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ๆ ทำไมไม่ไปอยู่คอนโดกันนะ ดูจะสะดวกกว่าแท้ๆ ผมได้แต่คิดในใจ จนกระทั่งเมื่อเช้าของวันนี้เขาได้นั่งรถคันเดียวกับผม โดยที่พี่ชายของผมเป็นคนชักชวนเขาให้ขึ้นมา ด้วยเหตุผลที่เขาอ้างว่ารถเสีย ผมว่ารถเขาไม่ได้เสียจริงๆหรอก แค่ใช้เป็นข้ออ้างที่จะนั่งรถพี่ของผมไปเรียนจนถึงมหาลัยละมั้ง เมื่อคืนผมเห็นพวกเขาสองคนคุยผ่านหน้าต่างกันด้วยสิ... ตลอดทางผมนั่งนิ่งเงียบ มือก็พลางกดเล่นเกมในโทรศัพท์เพื่อฆ่าเวลา จนกระทั่งรถมาจอดหยุดอยู่ที่โรงเรียนเอกชนที่ผมเรียนกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ตอนนี้ ผมเอ่ยลาพี่ชายตัวเองก่อนจะสาวท้าวลงรถอย่างรวดเร็ว เดินดุ่มๆเข้าไปในโรงเรียนอย่างสบายๆ เพราะผมจำทางในโรงเรียนนี้ได้หมดแล้ว ถึงโรงเรียนนี้จะไม่ใหญ่เท่าไฮสคูลที่อเมริกา แต่ผมก็รู้สึกว่ามันกว้างขวางพอสมควรเลย “เฮ้ย ไอ้กานต์ ทำไมวันนี้มาเช้าจังวะ” เพื่อนชายของผมเอ่ยทักทายทันทีที่ผมเดินขึ้นมาถึงห้องเรียนซึ่งเป็นห้องโฮมรูม “พี่กูมีเรียนเช้าเลยต้องตื่น ห้าววว” ผมหาวออกมาก่อนจะเอามือปิดปากแสดงถึงความง่วงนอน พร้อมกับเอากระเป๋าเป้ที่สะพายหลังวางไว้ตรงข้างโต๊ะเรียน “พวกมึง วันนี้ไปดูหนังกันป่ะ กูทะเลาะกับแฟน เบื่อชิบหาย” เพื่อนชายของผมอีกคนกล่าวขึ้น พร้อมกับก้มหน้ามองจอโทรศัพท์แล้วสไลด์ขึ้นลงไปมา “เออๆ ไปดิ ” เพื่อนชายของผมที่มีชื่อว่า ‘เบส’ พูดพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะมองมาที่ผมอย่างต้องการคำตอบ “ ไอ้กานต์ มึงไปป่ะ” “เออๆ ไปก็ได้ แล้วแต่พวกมึงเหอะ” ผมบอกปัดๆ “มึงๆ ดูนี่ดิ คนนี้สวยป่ะ น่ารักเนอะ” เพื่อนชายอีกคนของผมที่ชื่อ ‘ภู’ กล่าวขึ้น พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้พวกผมดู ในโทรศัพท์ปรากฏเป็นแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค ผมย่นคิ้วมองหน้าจอก่อนจะเหลือบไปเห็นรูปผู้หญิงสองคน อีกคนหนึ่งอยู่ในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทพลิ้วๆช่างคุ้นตาจริงๆ นั่นมันผู้หญิงที่มาอ่อยพี่ผมเมื่อเช้านี่หว่า! “เด็กมหาลัยนี่น่ารักว่ะ... เฮ้ย แต่กูไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้เลยว่ะ ใครวะ ?” เบสถามออกมาก่อนจะขมวดคิ้วอย่างสงสัย พร้อมกับชี้ไปในรูปนั้น มีผู้หญิงอยู่สองคน คนหนึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาที่คับแน่น กระโปรงทรงเอรัดแน่นจนสั้นแค่คืบ กับอีกคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาพอดีตัว กระโปรงพลีทสั้นแค่เข่า ทั้งสองคนกำลังยืนถ่ายรูปกอดแขนกันอยู่ “อ๋อ คนที่ใส่กระโปรงเท่าเข่าอะเหรอ รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนสนิทของพี่มิวสิคว่ะ ชื่อพี่ต้นหอมมั้ง กูเคยเห็นอยู่” ภูอธิบายก่อนจะจ้องเข้าไปในรูป “เห้ยๆ แล้วมึงรู้จักพี่มิวสิคได้ไงว่ะ กูสงสัยมานานละ เห็นชอบอวดรูปพี่เขาเหลือเกิน” เบสถามออกไปอย่างสงสัยใครรู่กับความสัมพันธ์ของเพื่อนกับสาวมหาลัย ภูมักจะโชว์รูปของมิวสิคให้เพื่อนๆในกลุ่มดูประจำ ปกติแล้วเบสกับภูมันเป็นเพื่อนที่สนิทกันสองคน ในกลุ่มก็มีกันอยู่สองคนเนี่ยแหละครับตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพวกมันถึงมาตีสนิทกับผมได้ก็ไม่รู้ วันแรกที่ผมมาเรียน ผมก็นั่งเงียบทั้งวัน ไม่รู้จะคุยอะไรกับใครดี ถึงจะมีคนมาคุยกับผมมากมาย แต่ผมก็คุยตอบไปตามมารยาท แต่ผิดกับพวกมันสองตัวนี้ มันกวนผมตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน ทำให้ผมต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับพวกมันอย่างไร้เหตุผล “กูเรียนพิเศษกับพี่เขาอ่ะ แม่กูจ้างให้พี่เขามาสอน” ภูตอบไปตามความจริง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือยัดใส่กระเป๋าตามเดิม “ได้ข่าวว่าพี่เขาเป็นนางแบบด้วยไม่ใช่เหรอว่ะ มีเวลาว่างได้ไง” เบสถามด้วยความงุนงง ผมก็ได้แต่นั่งเงียบ กระพริบตาปริบๆก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เพื่อนทั้งสองถึงกับอึ้งตึง “เพื่อนของคนสอนพิเศษมึง ชื่อต้นหอมเหรอว่ะ บังเอิญชิบหาย อยู่ข้างบ้านกูเอง” “ห๊ะ! จริงดิ สวยเหมือนในรูปป่าววะ” เบสถามพร้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ไม่อ่ะ กูว่าแก่อ่ะ” ผมตอบออกไปอย่างชัดเจน ในใจพลางคิดถึงใบหน้าหวานสวยที่นั่งอยู่บนรถตรงเบาะหลัง ผมคอยแอบมองเธอเป็นระยะๆผ่านกระจกรถ ๆหน้าตาแก่ก็บ้าแล้วละครับ รายนั้นถือว่าหน้าเด็กเอามากๆ ถ้าผมเผลอไปตอบว่าสวยเพื่อนๆผมต้องแห่กันมาบ้านผมเพื่อดูหน้าพี่เขาแน่ๆ แต่เรื่องอะไรละ ผมจะสร้างความวุ่นวายให้กับตัวเอง “จริงอ่ะ กูอยากเห็นว่ะ ไว้พาไปบ้านมึงหน่อยนะ” เบสส่งเสียงออดอ้อนออกมา “เออ กูก็อยากเห็น อยากเห็นบ้านมึงด้วยอ่ะ” ภูกล่าวสมทบ “เออๆ ไว้กูจะพาไป” ผมตอบแบบปัดๆ พวกเราคุยเรื่องนี้กันอยู่นานจนกระทั่งเสียงประกาศเข้าแถวดังขึ้นทำให้พวกเราต้องรีบวิ่งแจ้นไปเข้าแถวหน้าเสาธงโรงเรียน ณ ห้างสรรพสินค้า แถวสยาม เลิกเรียนปุ๊ป พวกผมก็มาห้างแถวสยามกันอย่างโดยเร็ว แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด “เห้ย มึง กูขอโทษว่ะ วันนี้ซวยชิบหาย ต้องรีบกลับ ครูของน้องสาวกูโทรตามถี่เลยว่ะ สงสัยไม่มีคนไปรับ ร้องไห้หากูแน่ๆ” เบสบอกก่อนพร้อมกับยกมือไหว้ข้างเดียวอย่างขอไปที พร้อมกับก้าวเดินออกไปรับโทรศัพท์จากน้องสาว น้องสาวของเบสเรียนอนุบาล คงจะไม่แปลกนักถ้าไม่มีผู้ปกครองมารับกลับบ้าน คงจะร้องไห้งอแงน่าดู ทำให้เบสต้องรีบไปรับน้องสาวด้วยความเป็นห่วงโดยทันที “แล้วมึงอ่ะ เอาไง จะกลับไหม” ผมถามออกไปอย่างหน่ายๆ พลางเหลือบตามองเพื่อนที่เอาแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์ “กูว่าวันนี้คงไม่ได้ดูหนังกันแล้วว่ะ พอดีแฟนกูมา...” ยังไม่ทันที่ภูจะเอ่ยจบ จู่ๆก็ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาเกาะเข้าที่แขน “ภู !” เสียงแหลมเอ่ยขึ้น “แพตตี้ ทำไมมาเร็วจังอ่ะ” ภูยิ้มเจื้อนๆให้ผม ก่อนจะก้มมองคนที่มากอดแขน “แพตคิดถึงภูเลยรีบมาหาไง หายงอนนะ... อุ้ย! หล่อจัง” หญิงสาววัยมัธยมปลายกระโปรงนักเรียนลายสก๊อต คาดว่าคงเป็นเด็กนักเรียนม.ปลายโรงเรียนนานาชาติ เอ่ยขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อเงยมองคนที่อยู่ตรงหน้า “สรุปทิ้งกูหมดเลยใช่ป่ะ” “เออๆ มึงต้องอยู่คนเดียวแล้ววะ พรุ่งนี้เจอกัน กูขอตัวก่อนนะ ป่ะ! แพตตี้” ร่างสูงจูงมือร่างบางจนหายไปกับฝูงคน เฮ้อ สุดท้ายก็ทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ ไอ้เพื่อนเวร! ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านหนังสือแห่งหนึ่งภายในห้าง ผมเดินไปหมวดหนังสือการ์ตูนทั่วๆไป ก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มที่ถูกใจขึ้นมาไม่กี่เล่ม ผมชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปนั่นแหละครับ อย่าได้สงสัยเลยว่าผมอ่านของแบบนี้ด้วยเหรอ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลักษณะหน้าตาที่คุ้นๆเคย เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นั่นมัน ยัยป้าข้างบ้านผมนี่หว่า! ผมแอบเหลือบตามองสักพัก ทำเป็นไม่สนใจ แต่ไปสนใจกับหนังสือการ์ตูนมากมายตรงหน้ามากกว่า สมองของผมเริ่มประมวลผลอะไรบางอย่างขึ้นมา ทำไมยัยนี่ถึงใส่ชุดนักศึกษาที่แตกต่างออกไปจากเดิม ? เมื่อเช้ายัยนี่ยังไม่แต่งตัวเซ็กซี่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงใส่เสื้อรัดแน่นจนหน้าอกจะโผล่ แถมกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋จนจะเห็นกางเกงในอย่างนั้นหละ!? ผมได้เพียงแต่คิดในใจ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีเสียงเรียกชื่อผมออกมาจากปากของคนข้างหลัง ผมหันไปมองแวบนึ่งก่อนจะทำเป็นก้มหน้าก้มตาสนใจหนังสือการ์ตูนในมือต่อ เหมือนเธอจะไม่ยอมแพ้ที่ผมเมินเธอ เธอจึงพูดอะไรหลายๆอย่างมาเรื่อยๆ จนผมต้องยอมแพ้เปิดปากพูดกับเธอ ผมแอบเห็นใจเธอเล็กน้อยกับความพยายามของเธอเอง ผมพูดกับเธออย่างจำยอมใจ ที่นี่เป็นที่สาธารณะ ถ้าให้เธอเอาแต่พูดคนเดียว สงสัยคนรอบข้างคงคิดว่าเธอมันบ้า และผมเป็นคนใบ้ก็ได้ = =” ผมพูดอะไรต่อมิอะไรกับเธอไปเรื่อยๆ ผมก็จำความไม่ค่อยจะได้นะว่าพูดอะไรกับเธอไปบ้าง ที่รู้ๆผมเดินไปคิดเงินหน้าเคาท์เตอร์ชำระเงินเธอก็ยังคงเดินตามผม จนกระทั่งผมโบกรถแท็กซี่แล้วยัดตัวเองขึ้นมาบนรถเธอก็คงยังตามผมตัวติด ผมลงจากรถแท็กซี่ที่หยุดอยู่ตรงหน้าปากซอยบ้าน ก่อนจะส่งเงินไปให้คนขับตามจำนวนที่ถูกต้อง พร้อมกับก้าวขาลงจากรถ ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ทั้นใดนั้นผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เหตุผลที่ผู้หญิงคนนี้ตามผมมาก็เพื่อ... ตีสนิทกับผมเพื่อจับพี่ผมทำผัว! ผมพูดบางอย่างกับเธอเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องที่เธอตามผมมาจนถึงบ้าน ก็เข้าใจอยู่นะว่าบ้านอยู่ใกล้กัน แต่มันก็ไม่ควรจะตามผมมาแบบนี้รึเปล่าวะ ? ผมพูดกับเธอหวังว่าเธอจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แต่เธอก็เหมือนจะไม่เข้าใจอะไรเลย กลับเอาแต่เถียงดื้อๆซะอย่างงั้น อารมณ์ผมเริ่มปะทุด้วยความโมโหเรื่อยๆเมื่อเธอไม่ฟังในสิ่งที่ผมเตือน จนผมเผลอพลั้งปากพูดในสิ่งที่จี้ใจดำเธอออกไป เพลี้ยะ! มือเรียวยาวของเธอสาดลงมาที่ใบหน้าของผมอย่างแรงไม่ให้ทันได้ตั้งตัว อารมณ์โมโหร้ายของผมเริ่มกำเริบขึ้น เจ็บชะมัด! ผมโมโหร้ายจนต้องพยายามควบคุมอารมณ์สีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเสแสร้งแกล้งเป็นเด็กน้อยให้อีกฝ่ายสงสาร และมันก็ได้ผล เธอติดกับดักผมจนได้! หึ เสร็จผมละ! ผมลากร่างบางเข้ามาจนถึงในบ้าน ถึงพวกเรานั้นจะอายุห่างกัน แต่ส่วนสูงเธอก็น้อยกว่าผม แถมตัวเธอยังเบาหวิวอีกต่างหาก ผมผลักร่างบางลงบนโซฟาสีแดงสดในห้องรับแขก ก่อนจะจับแขนร่างบางเอาไว้อย่างหนาแน่น ผมพยายามเตือนเธอในสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับพี่ชายผม จนทำให้อารมณ์ของผมตอนนี้เริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแรงเถียงของเธอ ผมประกบจูบร่างบาง ก่อนจะสอดแทรกลิ้นร้อนเพื่อควานหาความหวานจากโพรงปากของสาวมหาลัย เธอไม่ใช่จูบแรกของผม ตอนผมอยู่อเมริกา ผมโดนผู้หญิงจูบมามากหน้าหลายตาจนเหมือนกับเป็นการทักทายปกติ มีทั้งจูบที่ดูดดื่ม จูบที่หยอกล้อ หรือแม้กระทั่งจูบอ่อนหวาน ถึงผมจะเคยจูบมาแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เคยมีอะไรกับใครนะครับ วัยของผมยังเด็กอยู่ ผมรู้ตัวดีว่าอะไรควรไม่ควร J จูบดูดดื่มผ่านริมฝีปากของเราทั้งคู่ดำเนินอยู่เนินนาน ผมถอนจูบออกอย่างอ้อยอิง ก่อนจะมองหน้าคนใต้ร่างอย่างไม่กระพริบ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงดูมีเสน่ห์ดึงดูดผมขนาดนี้วะครับ ใบหน้าที่แดงแจ๋ตอนนี้โคตรจะน่ารักเลย รวมถึงการแต่งกายที่ยังยั่วยวนผมอีก ถ้าผมมีอะไรกับเธอ มันจะเป็นอะไรไหมวะ ? อยากจัดให้ชะมัด... เอาละครับ มาเข้าเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันดีกว่า ตอนนี้ผมกับเธออยู่ในท่าทางที่ล่อแหลม ผมคล่อมเธอ เธออยู่ใต้ร่างผม ใครมาเห็นเข้า คงคิดว่าพวกผมกำลังทำอะไรกันแน่ๆ! ฮา... ยิ่งมองร่างบางตรงนี้เท่าไหร่ ผมก็เริ่มรู้สึกอยากจะสัมผัสเธอมากขึ้นเท่านั้น จุ๊บ! สิ้นเสียงประกาศก้าวของผม ผมก็เอาใบหน้าหล่อๆของตัวเองไปซุกไซร้ลำคอขาวเนียนของเธอ ทำให้ร่างบางดิ้นไปมา พยายามจะหนีให้ถึงที่สุด ผมค่อยๆเอาขาของตัวเองสอดแทรกเข้าไปตรงระหว่างขาของร่างบางที่มีกระโปรงทรงเอคับแน่นคอยกลั้นอยู่ ตอนนี้ร่างบางนอนยั่วผมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “อยะ...อย่านะ” เธอร้องห้ามเมื่อเห็นผมเริ่มใช้มือลูบไล้ไปตามขาของเธอ จนถึงสะโพกสวย “เลิกยุ่งกับพี่ชายฉันซะ” ผมเอ่ยเตือนเธออีกครั้ง ก่อนจะใช้มือขย้ำหน้าอกใหญ่ๆภายใต้ชุดนักศึกษาที่คับแน่นอย่างเผลอตัวไป นุ่มโคตร!!! อกผู้หญิงมันนิ่มขนาดนี้เลยเหรอว่ะ แถมยังล้นมือผมอีก ผมว่าในใจพลางขย้ำเบาๆเพื่อกระตุ้นเธอ ร่างบางที่นอนอยู่ตอนนี้กระสับกระส่าย ใบหน้าเริ่มแดงกล่ำ พรึ่บ! ผลัก! “ โอ๊ย!!! ” ผมร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด [Tonhom] “สมน้ำหน้า!” ฉันตะโกนใส่หน้าของคนตรงหน้าที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกุมเป้ากางเกงนักเรียนด้วยความเจ็บปวด เมื่อกี้เขากล้าดียังไงมาจับร่างกายฉันไปทั่วแบบนั้นกัน ถึงฉันจะแอบเคลิ้มกับสัมผัสของเขาเล็กน้อย แต่ก็พอจะตั้งสติให้กลับมาได้ ฉันรวบรวมสติทั้งหมด ก่อนจะยกขาเตะเข้าที่เป้ากางเกงของเขาแรงๆ ทำให้คนตรงหน้าถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด จนตอนนี้แทบทั้งลุกทั้งยืน “เธอกล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้!” ร่างสูงเอ่ยเสียงอวดครวญ ตัวฉันที่ไม่สนใจเสียงร้องนั้นจึงรีบลุกขึ้นมาทันที จัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบวิ่งออกไปทางประตูบ้าน ใครจะอยู่ให้เขาทำร้ายกันหละ! ตึก ตึก ตึก ตุ๊บ! “เฮ้ย!” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น พร้อมกับก้มมองบุคคลที่พุ่งเข้ามาชน ฉันรีบวิ่งออกมาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือจนถึงประตูบ้าน แต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อรู้สึกชนกับใครบางคนเข้า พอเงยมองเท่านั้นแหละ ใจฉันเผลอกระตุกวูบขึ้นมาทันที “ กะ...กันต์!!! ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม