“อะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวก็รีดผ้า เดี๋ยวก็ห้องน้ำสกปรก อีตานี่จะให้เราอยู่เฉยๆไม่ได้เลยใช่ไหม?”
หลังจากจัดการกับเสื้อผ้าพวกนั้นได้แล้ว พริมาก็ต้องมาปวดหัวกับห้องน้ำอีก เธอถูกเขาเรียกให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำในห้องเขา ทั้งๆที่เมื่อวันก่อนบริษัทก็พึ่งเข้ามาทำให้แท้ๆ
“บ่นอะไร?”
“คะ? เอ่อ เปล่าค่ะ”
พอเดินเข้ามาในห้องของคาลวิน พริมาก็ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเดินตรงไปที่ห้องน้ำทันที และสิ่งที่เห็นก็ทำเอาเธออ้าปากค้างกว่ากองผ้าเมื่อเช้าอีก
“นี่มัน...คุณคาลทะเลาะกับตัวเองจนเละเทะขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
“จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ใช่คนบ้านะจะได้ทะเลาะกับตัวเองน่ะ”
คาลวินรีบพูดขึ้น พร้อมกับมองค้อนไปยังพริมาที่ยืนทำหน้าหงิกงออยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อด้านในมันเละเทะของกระจัดกระจายไปหมดเหมือนพึ่งผ่านสงครามมาก็ไม่ปาน
“คุณคาลช่วยออกไปรอนอกห้อง หรือไม่ก็นอกบ้านเลยได้ไหมคะ?”
พริมากัดฟันบอกขึ้น เมื่อเธอกำลังจะโมโหเขามากกว่าเรื่องรีดผ้าแล้วในตอนนี้
“ไม่ไป นี่บ้านฉัน ฉันจะทำอะไรอยู่ตรงไหนก็เรื่องของฉันสิ”
และพริมาก็ต้องเดินเข้าไปพร้อมกับปิดล็อกประตูห้องน้ำเสียงดัง ส่วนคาลวินก็ได้แต่มองตามอย่างนึกขำ เมื่อสามารถแกล้งเธอได้ โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้ตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รอยยิ้มที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เคยเห็นปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง เสียงหัวเราะที่ไม่เคยมีมาตลอดหลายปีก็โผล่ขึ้นมาทุกครั้งที่ได้แกล้งพริมา
แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก!
“เบาๆหน่อย เดี๋ยวพื้นเป็นรอย”
แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก!
“เด็กนี่จริงๆเลย ยิ่งห้ามยิ่งทำ”
เจ้าของห้องได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของพริมา แต่เขากลับไม่ได้คิดต่อว่าหรือด่าทอเธอเลยสักนิด กลับเอาแต่นั่งยิ้มพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่างรู้สึกผ่อนคลาย ต่างจากอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำ ตอนนี้กำลังโมโหจนเห็นพื้นเป็นหน้าของคาลวิน เธอเลยใช้แรงขัดจนมือแทบหักเมื่อรู้ว่าเขาจงใจเทครีมอาบน้ำพวกนี้ลงพื้น แถมยังสารพัดครีบนวดผมพวกนี้อีก เขาไม่รู้เลยรึไงว่ามันลื่นและอันตรายขนาดไหน
“ว๊าย!”
โป๊ก! ตุ๊บ! ตับ! พลั๊ก!
“โอยยยย...”
และเสียงในห้องน้ำก็ทำเอาคาลวินรีบวางหนังสือลงแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
“นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“อื้อ...เป็น...ฉันล้ม ช่วยฉันด้วย...”
แกร๊กๆๆ
“เปิดประตูสิ ล็อกทำไมกัน”
และพริมาก็ค่อยๆลุกมาเปิดประตูให้กับคาลวิน พอประตูเปิดออก ด้วยความกังวลเขารีบเดินเข้าไปโดยไม่ทันระวัง
โป๊ก! ตุ๊บ! ตับ! พลั๊ก! แอ๊ก!
“อ๊าาา ทำไมเธอไม่บอกว่ายังไม่ล้างเนี่ย...”
ร่างใหญ่ลื่นล้มจนหงายหลังลงไปบนพื้นห้อง ทำเอาพริมาที่เห็นถึงกับต้องหัวเราะลั่นออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ย สมน้ำหน้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
“นี่เธอ! โอ๊ย! ขาหักแล้วมั้งเนี่ย...โอยยย”
“ฉันรู้ว่าคุณแกล้งราดครีมพวกนี้พบพื้นใช่ไหมห๊ะ ดูสิ หัวปูดแล้วมั้งเนี่ย...”
พริมาพูดขึ้นพร้อมกับยกมือลูบไปบนหน้าผากของตัวเอง เพราะเธอนั้นแค่หัวชนผนัง แต่คาลวินนั้นล้มก้นจ้ำเบ้าและน่าจะเจ็บหนักกว่าเธอเยอะเลย
“ช่วยฉันก่อน โอ๊ยๆๆๆ ขา อ๊า เจ็บขา”
และพริมาก็ต้องเดินไปดูคาลวินที่ร้องโอดโอยเพราะเจ็บขา จากนั้นทั้งสองก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล ซึ่งพริมาหัวกระแทกมีรอยช้ำแต่ไม่ได้เป็นอะไร ส่วนคาลวินเส้นพลิกขาแพลงต้องงดเดิน ทำเอาป้าจันทร์ฉายต้องกุมขมับ
“ป้าไม่น่าให้พริมไปล้างห้องน้ำให้คุณคาลเลย รู้ทั้งรู้ว่าพริมล้างไม่เป็นจนเกิดเรื่องขึ้น เฮ้ออออ”
พอกลับมาถึงบ้าน ป้าจันทร์ก็เริ่มโทษตัวเองที่ทำให้ทั้งเจ้านายและหลานสาวเจ็บ
“อะไรคะ ไม่ใช่ความผิดของป้าสักหน่อย...เราก็แค่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวพริมจะช่วยดูแลคุณคาลเอง”
พริมาเสนอตัวทันทีเมื่อมันคือโอกาสทองที่เธอจะได้แวะไปอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือของเขาได้อย่างไม่ต้องหวาดระแวงอีก
เช้าวันต่อมา พริมาต้องถือถาดอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้กับคาลวินถึงบนห้อง เมื่อเขาขาบวมจนเดินแทบไม่ได้ และพอจัดการเขาเสร็จ เธอก็ย่องเข้าไปในห้องหนังสือ
“ทำไมที่นี่มีแต่หนังสือหายากเลยนะเนี่ย โหว เล่มนี้ก็มี สวรรค์ชัดๆ”
และพริมาก็เริ่มเดินสำรวจห้องหนังสืออย่างจริงจัง เมื่อครั้งก่อนมีคาลวินอยู่ด้วยเลยไม่กล้าสำรวจ
“ฉันอยากได้น้ำร้อน นี่! อยู่แถวนี้ไหม”
และยังไม่ทันได้หยิบหนังสือมาอ่าน เสียงตะโกนเรียกจากอีกห้องก็ดังขึ้น พริมาถึงกับถอนหายใจแล้วเดินไปหาคาลวินที่ห้องของเขา
“มีอะไรคะ?”
“น้ำ”
“ก็นั่นไงคะน้ำ”
“อยากได้น้ำอุ่น”
“ค่ะ!”
และพริมาก็เดินกลับออกไป ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมโถน้ำอุ่นอย่างที่เขาต้องการ
“จะไปไหน?”
พอจะเดินออกไปเขาก็เรียกเอาไว้
“ก็...ไปทำ...อย่างอื่นสิคะ”
“อย่างอื่นอะไรกัน ฉันเรียกเธอก็มาเลย หรือแอบไปสำรวจห้องอื่นอีกล่ะ”
รู้ดีอีก อีตานี่...
“เอ่อ เปล่าค่ะ แค่จะ...ไปห้องหนังสือ...”
และคาลวินก็เข้าใจ เขามองพริมาอย่างนึกแปลกใจ
“เธอชอบอ่านหนังสือเหรอ?”
“ค่ะ...”
“ทำไมล่ะ เด็กวัยรุ่นปกติก็เที่ยวเล่น หรือไม่ก็เล่นโทรศัพท์มือถือนี่”
“ก็...อ่านในโทรศัพท์มันปวดตาและไม่สนุกด้วย”
“งั้นก็มาช่วยพยุงฉันหน่อย ฉันก็อยากอ่านหนังสือเหมือนกัน นอนเฉยๆแล้วเบื่อ”
“จะเอาเล่มไหนก็บอก...”
“ไม่ล่ะ ฉันจะไปเลือกอ่านเอง”
เดี้ยงขนาดนี้ยังจะไปอีก เฮ้อ เป็นภาระจริงๆเลย
และพริมาก็ต้องเดินมาช่วยพยุงร่างใหญ่ ที่แตกต่างกับเธอจนแทบพยุงกันไม่ได้
“เดี๋ยวๆๆๆ คุณก็อย่าโถมน้ำหนักใส่ฉันนักสิ โอ๊ยๆๆๆ หนักนะ ขาเจ็บแค่ข้างเดียวเอง ไม้เท้าก็มี โอ๊ยๆๆๆ เดินดีๆหน่อยสิ”
หึหึหึ ยัยนี่ตัวเล็กกว่าที่คิด ตัวก็มีแต่กลิ่นแป้งเด็ก
คาลวินที่แกล้งลงน้ำหนักไปที่บ่าเล็กที่ช่วยพยุงเขาอยู่ แล้วอดที่จะสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของเธอไปด้วยไม่ได้
“เฮ้ออออ ทำไมตัวหนักหนาดนี้นะ...”
“แค่นี้ก็บ่น นั่นเก้าอี้ ฉันจะนั่งตัวนุ่มๆนั่น”
“ค่ะๆๆๆๆๆ”
คำพูดประชดดังขึ้นพร้อมกับพาเขาเดินตรงไปที่โซฟานั่งมุมห้อง
“ว๊ายยยยย”
หมับ!
“โอ๊ย...”
และด้วยเริ่มหมดแรง พริมาดันสะดุดขาตัวเองจนเกือบล้ม ดีที่คาลวินตวัดแขนไปโอบเอวของเธอไว้ทันพร้อมกับนั่งลงไปบนโซฟาตัวเล็กเมื่อขาที่เจ็บทำให้เขาเองก็เกือบล้ม โดยมีพริมานั่งทับบนตักของเขาอยู่
“ซุ่มซ่ามอีกแล้ว”
เขาบอกขึ้น แต่น้ำเสียงดันเบาราวกระซิบเมื่อหน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว
อะไรกัน...ทำไมร้อน...ทำไมใจเต้น...
ส่วนพริมา เธอมองจ้องหน้าคาลวินอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อเขาโอบเอวของเธอเอาไว้แน่นจนเธอหัวใจเต้นแรงกับความใกล้ชิดอย่างไม่ได้ตั้งใจครั้งนี้
“เอ่อ ปล่อย...ปล่อยพริมเถอะค่ะ...”
เสียงสั่นบอกขึ้นพร้อมกับดันร่างใหญ่ออกห่างเมื่อดันใกล้ชิดแนบสนิทเกินไปแล้ว
“ทำไม ปล่อยไปเดี๋ยวก็ล้มทับฉันอีก”
“ไม่...ไม่แล้ว...ปล่อยได้แล้ว...”
คาลวินไม่ยอมทำอย่างที่เธอบอกแถมยังกอดแน่นกว่าเดิมจนพริมาที่เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติของคาลวินค่อยๆมองเขา
“คุณ...จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”
“ทำไม หรือกลัวฉันแล้วเหรอ?”
ไม่พูดเปล่าแต่เขายังขยับหน้าเข้ามาใกล้อีก พริมารีบเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเขาเกือบจะจูบเธออยู่แล้ว
“คุณคาล...จะ...จะทำอะไรคะ ปล่อยพริมเถอะ...”
คาลวินที่ตอนนี้แทบหยุดตัวเองไม่ได้ เมื่อเวลาแค่ไม่กี่วันที่เขาเฝ้ามองเธออย่างจับผิดแต่มันกลับทำให้เขาเปิดใจให้เธอเข้ามาอย่างง่ายดาย ทั้งที่ไม่เคยเปิดมันให้ใครแม้แต่ภรรยาผู้ล่วงลับ เขารู้สึกดี สนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นเธอวนเวียนอยู่ไม่ไกล ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเขาคงตีความเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าเขากำลังแอบชอบเด็กสาวคนนี้เข้าให้แล้ว
ส่วนพริมา ตอนนี้หัวใจดวงน้อยเต้นจนแทบจะกระเด็นออกมาจากอกอยู่แล้ว เมื่อความใกล้ชิดแนบสนิททำให้เธอหวั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้เพราะคนตรงหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรขนาดนี้
“ล้อเล่นไม่ได้เลยรึไงกัน เด็กคนนี้”
และคาลวินก็กลับเข้ามาสู่ปัจจุบัน เขาคลายมือออกแล้วปล่อยเธอให้เป็นอิสระ พริมารีบลุกขึ้นยืน
“งั้นเดี๋ยวพริมไปเอาน้ำร้อนที่ห้องมาให้นะคะ”
เธอรีบหาข้ออ้างออกจากห้องหนังสือ เมื่อทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ส่วนคาลวินเองก็ไม่ต่างกัน พอเธอเดินออกไปเขาก็ถอนหายใจออกมาเมื่อความคิดของเขาดันเถลไถลไปไกลจนแทบกู่ไม่กลับแล้ว
“คิดบ้าอะไรกัน นั่นเด็กกว่าเราตั้งกี่ปี แถมเป็นหลานป้าจันทร์อีก คิดบ้าๆแบบนั้นได้ยังไง”
คาลวินต่อว่าตัวเองที่คิดไม่ดีกับพริมาแบบนั้น
“ตายๆๆๆ แบบนี้ได้ตายแน่ๆๆ โอ๊ย ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้”
ทางด้านพริมาพอเดินเข้ามาในห้องนอนของคาลวินแล้วเธอก็รีบผ่อนลมหายใจเข้าออก เมื่อดันตื่นเต้นจนหน้าแดงลามไปถึงลำคอแล้วตอนนี้
“ทำยังไงดี ไม่อยากเข้าไปในห้องนั่นแล้ว...”
พริมาเริ่มคิดหนัก เมื่อรู้สึกทำตัวไม่ถูกถ้าต้องอยู่กับคาลวินอีกแล้ว และเธอก็ตัดสินใจเดินลงไปหาป้าของเธอ เพื่อบอกให้ขึ้นไปดูแลคาลวินแทนเธอ
“คุณคาล เห็นว่าอยากได้น้ำอุ่น ป้าเอาน้ำอุ่นมาให้ค่ะ”
“อ่าว แล้วเด็ก...เอ่อ พริมล่ะครับ ทำไมป้าจันทร์มาเองล่ะ”
“เห็นบอกว่าปวดตรงหัวที่ชนผนังน่ะค่ะเลยให้ป้าขึ้นมาคอยดูแลแทน”
หึหึหึ ฉลาดหาข้ออ้างดีนี่ ดูซิจะหนีได้แค่ไหนกัน
“ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ ผมลืมหยิบมา”
“เดี๋ยวป้าไป...”
“เอาของป้านั่นแหละ ไม่นานหรอกครับ”
และป้าจันทร์ก็ยื่นโทรศัพท์ในถุงเสื้อเอี้ยมที่เธอใส่อยู่ไปให้เจ้านายหนุ่ม ก่อนที่คาลวินจะยื่นกลับคืนให้เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว
“ป้าไปพักเถอะ ผมจะอ่านหนังสือ อาหารเที่ยงผมขอแค่กาแฟก็พอ”
“ค่ะ”
และป้าจันทร์ฉายก็เดินกลับออกไป ส่วนคาลวินก็ค่อยๆหยิบโทรศัพท์ของเขาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา
“เบอร์จำง่ายดีนี่”
เขาบันทึกเบอร์โทรที่ได้มาจากโทรศัพท์ของป้าจันทร์ฉายลงไป ตอนนี้ชีวิตที่เคยเบื่อหน่ายกลับดูมีชีวิตชีวาขึ้น หัวใจที่เคยตายด้านกลับเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้พริมา
“นี่เราชอบเด็กนั่นจริงๆเหรอ...หึหึหึ”
คาลวินผู้ไม่เคยมีความรักกำลังตกหลุมรักเด็กสาวที่เขาเคยไม่ชอบ เธอไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาชอบได้เลยสักนิด ทั้งรูปร่าง หน้าตา การแต่งตัว กิริยามารยาทนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่กลับทำให้เขารู้สึกสนุกและตื่นเต้นได้ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว
ส่วนพริมา ตอนนี้เธอกำลังนอนมองเพดานด้วยหัวใจที่ทำยังไงก็ไม่หยุดเต้นรัว ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนกำลังทำให้เธอทำตัวไม่ถูกและทุกครั้งที่หลับตาก็มีแต่หน้าหล่อๆของคาลวินลอยมาจนต้องเบิกตากว้างเอาไว้
“อ๊ายๆๆๆๆ นี่เป็นบ้าอะไรเนี่ยยย ทำไมหัวใจเต้นแรงแบบนี้ ชอบอีตาขี้เก็กนั่นเหรอ? ไม่ๆๆๆ ไม่มีทางหรอก เราน่ะ...เกลียดเขาจะตาย...เกลียด...”
พริมาพยายามบอกตัวเองว่าเธอนั้นเกลียดคาลวิน แต่ดูเหมือนคำพูดนั้นมันเริ่มเบาลงเรื่อยๆ เมื่อความรู้สึกข้างในกำลังเปลี่ยนไป
ปิ๊บ!
‘เอากาแฟขึ้นมาให้หน่อย’
“หือ? ใครอ่ะ...บ้ารึเปล่าอยู่ดีๆมาบอกให้เอากาแฟไปให้ พวกหลอกลวงนี่หนักขึ้นทุกวันจริงๆ”
พริมาเปิดอ่านข้อความแล้วนึกว่าเป็นพวกที่ชอบโทรมาหลอกลวง ไม่นานข้อความนั้นก็ถูกส่งมาอีกครั้ง
‘ถ้าไม่มาใน 5 นาที ฉันได้เล่นงานเธอหนักแน่’
“ไอ้บ้าเอ้ย! คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่!”
พริมาเริ่มโมโหกับข้อความบ้าๆที่ส่งมา ก่อนจะกดเพื่อบล็อกเบอร์นั้นทิ้ง แต่กลับชะงัก เมื่อเริ่มคิดไปถึงคำพูดที่ถูกส่งมา มันเหมือนใครบางคนไม่มีผิด
“อย่าบอกนะว่า...”
ปิ๊บ!
‘ผ่านไป 2 นาทีแล้ว’
“เฮ้ย!! เวรแล้วไง!”
พอนึกได้ว่าคงเป็นคาลวิน พริมารีบเด้งตัวจากที่นอน แล้ววิ่งหน้าตั้งไปที่ครัว ก่อนจะเจอป้าจันทร์ฉายกำลังจัดถาดที่มีกาแฟและขนม
“อ่าวพริม มีอะไรรึเปล่า?”
“ป้าทำอะไร นี่กาแฟคุณคาลใช่ไหม? เดี๋ยวพริมเอาไปให้เขาเอง”
“อ่าว...อะไรกัน ไหนบอกปวดหัว...”
ป้าจันทร์ฉายถึงกับแปลกใจพร้อมกับมองตามหลังของพริมาที่วิ่งหายไปจากครัวพร้อมถาดกาแฟและขนม ซึ่งพริมานั้นแทบสะดุดขาตัวเอง กาแฟที่ถือมาหกเลอะเทอะไปหมด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
เสียงอนุญาตดังขึ้น ก่อนพริมาจะเดินหน้างอคอหักถือถาดกาแฟไปวางตรงหน้าของเจ้านายเจ้าปัญหา
“นี่ค่ะกาแฟ!”
เธอบอกขึ้นพร้อมตวัดตามองคาลวินอย่างไม่พอใจที่แกล้งเธออย่างนี้
“แอบดื่มเหรอ ดูสภาพไม่น่าดื่มต่อได้ ไปเอามาใหม่ เหลือแค่ก้นแก้วแบบนี้ใครจะไปดื่ม”
และถาดที่พึ่งวางก็ถูกยกขึ้นอีกครั้ง
“ 5 นาที ถ้าเกินฉันจะให้ไปชงมาใหม่เพราะมันจะเย็นจนกาแฟเปลี่ยนรสชาติ”
พริมาหันกลับมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เขาเกลียดเธอใช่ไหมที่พยายามแกล้งอยู่แบบนี้
แล้วทำไมไม่ลงไปดื่มที่ครัวเลยล่ะ! อีตาบ้าเอ้ย!
และพริมาก็ต้องรีบเดินกลับลงไป เพราะเวลาที่จำกัด ส่วนคนรอก็ได้แต่ยิ้มอย่างนึกสนุกที่ได้แกล้งเธอ ไม่นานพริมาก็ยกถามกาแฟขึ้นมาอีก เธอวางเอาไว้ตรงหน้าเขาแล้วแอบมองว่าเขาจะสั่งให้ไปเอามาใหม่รึเปล่า
“เกินเวลา แต่ก็พอได้”
คาลวินบอกขึ้นเมื่อเห็นเหงื่อบนหน้าของเธอ
“งั้นพริมขอตัว...”
“ไปไหน อยู่นี่แหละจะได้เรียกใช้ได้สะดวกหน่อย ใช้ป้าจันทร์ก็น่าสงสาร แก่แล้วเดินขึ้นเดินลงลำบาก ไปหาหนังสืออ่านสิไป”
อะไรของเขา...แต่ก็ดีจะได้อ่านหนังสือ
และพริมาก็เดินไปเลือกหนังสือมาอ่าน พร้อมกับหามุมนั่งหลบคาลวิน เพราะไม่อยากเห็นหน้าหล่อๆของเขาแล้วพาลใจเต้นไม่เป็นจังหวะตลอด
ส่วนคาลวิน เขาอยากบอกให้เธอมานั่งข้างเขาแต่ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยปล่อยให้เธอได้ทำอย่างที่เธอต้องการ เมื่อแค่รู้ว่าเธออยู่ในนี้ด้วยก็รู้สึกดีแล้ว