“ข้าว่าอนุภรรยาทั้งสองของใต้เท้าเสิ่น ฝีเท้าเบา ท่านั่งร่างตรง พวกเขาดูไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด แม้ข้าจะพูดคุยกับพวกนางอยู่นาน ข้าว่าดูๆ ไป พวกนางน่าจะเป็นผู้คุ้มกันมากกว่าสาวใช้”
หลิวเฉิงยืนฟังที่ชิงเว่ยเว่ยกำลังวิเคราะห์ด้วยความตั้งใจ คุณหนูสี่แห่งสกุลชิงทั้งชาญฉลาดและวรยุทธ์ล้ำเลิศ นางได้เดินทางมาเมืองฉู่จิ้งพร้อมกับบิดาผู้เป็นเจ้ากรมกลาโหม
ช่วงนี้กำลังจะเกิดสงคราม ใต้เท้าชิงต้องเดินทางมาเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เมืองใหญ่แถบชายแดน เขาจึงนำเอาบุตรสาวคนเล็กติดตามมาด้วย ชิงเว่ยเว่ยที่เป็นเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดขวบ นางเก่งกาจและรอบคอบราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่สำคัญนางคือนักสืบอันดับต้นๆ ของสำนักข่าวนกกระจิบ ซึ่งเป็นสำนักข่าวอันดับหนึ่งของแคว้นหมิง
“คุณหนูขอรับ ข้าไปสืบมาแล้ว พวกนางมีวรยุทธ์” ไห่ฮ่าวองครักษ์หนุ่มประจำตัวชิงเว่ยเว่ยรีบรายงาน
ในจวนเจ้าเมืองฉู่จิ้งแห่งนี้ เดิมทีใต้เท้าชิงจะต้องพักอยู่ด้วยแต่เพราะมีเหตุฉุกเฉินในค่ายทหารที่อยู่นอกเมือง บิดาของชิงเว่ยเว่ยและองครักษ์ส่วนหนึ่งจึงได้เร่งเดินทางไปตรวจการและพักอยู่ในค่ายสักระยะ
คุณหนูสี่แห่งสกุลชิงเห็นความผิดปกติในจวนแห่งนี้ นางคิดว่าใต้เท้าเสิ่นกับคนในจวนดูมีลับลมคมในจึงมิได้ตามบิดาไป
ส่วนจ้งซูกับจ้งหนิงสาวใช้คนสนิทของชิงเว่ยเว่ยที่หายไปตลอดเช้า พอจวนใกล้เที่ยงพวกนางก็กลับมารายงานเรื่องที่คุณหนูให้ไปสืบ
“บิดาของเสิ่นฮูหยินเมื่อครึ่งปีก่อนเกิดล้มป่วยเจ้าค่ะ เสิ่นฮูหยินจึงกลับไปเมืองหลวงเพื่อดูแลบิดา และเพิ่งกลับมาเมื่อเดือนก่อน พร้อมกับนำอนุภรรยาทั้งสองมาด้วย แต่ก็น่าแปลกนะเจ้าคะ ตั้งแต่พวกนางมาที่นี่ก็ไม่เคยร่วมห้องกับใต้เท้าเสิ่นเลยเจ้าค่ะ”
ทุกคนที่อยู่รายรอบชิงเว่ยเว่ยต่างพากันขมวดคิ้ว
“สถานะของพวกเขายิ่งดูก็ยิ่งแปลก ใต้เท้าเสิ่นผู้นี้มีคนเล่าว่าเขารักใคร่ ฮูหยินยิ่งนักก็ไม่น่าจะยอมรับอนุภรรยา อีกอย่างหลังกลับจากเมืองหลวง สองสามีภรรยาไม่ยอมอยู่ร่วมห้องกันเลยด้วยซ้ำ เสิ่นฮูหยินเองก็มีท่าทางห่างเหินกับสามี แค่จับมือกันพวกเขาก็แทบจะไม่ทำ”
“เรื่องในจวนนี้มันดูผิดที่ผิดทางไปหมด เห็นทีเราต้องไม่ปล่อยให้สิ่งใดรอดหูรอดตาไปแม้สักนิด”
“เรื่องไปสอดแนมในเรือนอนุทั้งสองปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเองขอรับ”
“ดี! ฝากท่านด้วยนะหัวหน้าหลิว”
หลิวเฉิงไปแอบซ่อนอยู่ใต้ขื่อห้องนอนของหว่านอิ๋งอิ๋งตั้งแต่หัวค่ำ ไม่นานนักอนุเจียงก็เดินตามมาใกล้ แต่สิ่งที่หัวหน้าองครักษ์หลิวคาดไม่ถึงก็คือ เสิ่นฮูหยินก็เดินตามมาด้วย
“เดือนกว่าแล้ว เรายังหาตัวท่านพี่ไม่เจอ ข้าอยากรู้นักว่ามันเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ใด?”
“เจ้าเสิ่นตัวปลอมนั่นมันระวังตัวแจเลยนะเจ้าคะ ไม่เปิดโอกาสให้พวกเราได้เข้าใกล้ คงเกรงพวกเราจะรู้ความลับ”
“ตั้งแต่ได้พบท่านหมอผู้นั้น ข้าก็ไม่เคยนอนหลับได้สนิทได้สักคืน ไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านพี่ถูกพวกมันจับไปซ่อนไว้ที่ใด”
“ใต้เท้าตกจากหน้าผาหมายฟ้าสูงชันเช่นนั้น ไม่สิ้นชีวิตก็นับว่าสวรรค์เมตตาแล้วนะเจ้าคะ ที่กระดูกหักไปทั้งตัวก็นับว่าไม่แปลก”
เสิ่นฮูหยินพยักหน้า น้ำตาของนางจวนเจียนจะหยดเมื่อนึกถึงตอนที่ไปตามหาสามีในหลายอำเภอละแวกนั้นแต่ก็ไม่พบ
“คนชั่วพวกนั้น มันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่? เหตุใดจึงได้คิดฆ่าท่านพี่?”
“หากพวกเราจับมันได้คาหนังคาเขาเมื่อใด ข้าจะเป็นคนกรีดเนื้อเถือหนังมันเองเจ้าคะคุณหนู” หว่านอิ๋งอิ๋งเอ่ยด้วยความเคียดแค้น
เสิ่นฮูหยินเชิดหน้าขึ้น “ข้าจะต้องเข้มแข็งและเร่งมือควานหาท่านพี่ให้เจอให้จงได้ ถึงวันนั้น ข้าจะต้องแทงคนชั่วพวกนั้นสักพันแผล”
หลินเฉิงตกตะลึงไปกับสิ่งที่พวกนางคุยกัน ใต้เท้าเสิ่นตัวจริงคงจะถูกคนร้ายวางแผนฆ่าคนตกหน้าผา พอมีคนช่วยชีวิตเอาไว้ได้ พวกโจรก็ยังตามหาเขาจนพบแล้วเอาตัวเขาไปจนได้
...ตอนนี้ชะตากรรมของเขาไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร?...
หัวหน้าองครักษ์หนุ่มรอจนสตรีทั้งสามเดินตามกันออกไปนอกห้องนอนอีกคราจึงได้หลบออกจากห้องนอนของอนุหว่าน
คืนพระจันทร์มืด ในจวนเทียนโต่วมีคนร้ายบุกรุกมาในเรือนนอนหลังใหญ่ของใต้เท้าเสิ่น ทว่าเวรยามที่เสิ่นฮั่นเหลียงจัดไว้แน่นหนามาก องครักษ์ของเสิ่นฮั่นเหลียงไล่ล่าคนร้ายทั้งสามออกจากเรือน มีการต่อสู้กันเสียงดัง คนสกุลชิงจึงพากันออกไปดู
“เป็นอย่างไรบ้างหัวหน้าหลิว?”
“เป็นพวกนางสามคนขอรับ ตอนนี้หลบเข้าเรือนไปแล้ว”
“ดี! ในที่สุดพวกนางก็แสดงตัว ข้าคิดแล้วเชียวว่าพวกนางต้องมีแผน แต่ไม่คิดว่าแผนของพวกนางก็คือการบุกเข้าไปในเรือนนอนของใต้เท้าเสิ่น”
หัวหน้าองครักษ์หลิวที่ซุ่มดูอยู่รู้ว่าเป็นเสิ่นฮูหยินและอนุภรรยาทั้งสองที่ปลอมตัวเป็นคนร้ายบุกเข้าไปในจวนก็รีบไปแจ้งให้ชิงเว่ยเว่ยได้ทราบ
“ข้างใต้เรือนนอนหลังใหญ่น่าจะมีห้องใต้ดิน เล่ากันว่าท่านอ๋องสี่เคยว่าจ้างช่างมาทำห้องพิเศษในวังเทียนโต่ว ทว่าช่างพวกนั้นกลับถูกฆ่าตายหมดหลังจากที่รับค่าจ้างแล้วออกจากวังไป” เด็กหญิงสีหน้าตรึกตรอง “ข้าว่าอ๋องสี่คงจะต้องการปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
“คุณหนูขอรับ หรือว่าพวกนางอยากจะบุกเข้าไปในห้องใต้ดินนั่น”
“เป็นไปได้! ความสงสัยของพวกนางย่อมมีมูลเหตุ ในเมื่อพวกนางทำไม่สำเร็จ การบุกเรือนนอนของเสิ่นฮั่นเหลียงคราวนี้ เราต้องลงมือแทน”
“แล้วเจ้านักแปลงโฉมแซ่เหมาเล่าขอรับ?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่ของข้าไปจัดการแล้ว”
ชิงเว่ยเว่ยได้รับความร่วมมือจากเถ้าแก่ซิวหรือซิวหลวนซานแห่งเมืองฉู่จิ้ง ในการออกไปไล่ล่าเหมาชุ่นนักแปลงโฉม ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าใต้เท้าเสิ่นตัวปลอมคงจะว่าจ้างนักแปลงโฉมให้ทำหน้ากากหนังมนุษย์เพื่อเข้ามาอยู่แทนที่เสิ่นฮั่นเหลียง
ซิวหลวนซานผู้นี้คืออดีตคุณชายใหญ่แห่งสกุลชิง ภายหลังเขาพบว่าตนเองเป็นลูกชู้มิใช่บุตรของใต้เท้าชิงจึงได้กลับไปใช้สกุลเดิมของมารดาและย้ายหนีมาจากเมืองหลวง ทว่าชิงเว่ยเว่ยก็ยังนับถือเขาเป็นพี่ชายอยู่เช่นเดิม
“หัวหน้าหลิว ท่านรับหน้าที่ไปจับตามองเสิ่นฮูหยินกับอนุทั้งสองเอาไว้ หากมีความผิดปกติใดก็รีบรายงานข้า”
“ขอรับ”
หลิวเฉิงนึกถึงตอนที่อนุเจียงกับอนุหว่านวิ่งเข้ามาจับมือของเสิ่นฮูหยินแล้วแสร้งตกใจกลัวก็นึกขำ พวกนางสามคนวางแผนกันไว้ หากแต่ทำไม่สำเร็จจึงต้องเล่นบทสตรีที่หวาดกลัวโจรร้าย สุดท้ายเสิ่นฮูหยินก็ยังหันมาขอบคุณ ชิงเว่ยเว่ยและบอกว่าพวกนางจะอยู่รวมกลุ่มกันไว้
...กลายเป็นว่าอนุภรรยาทั้งสองไปพักรวมกับฮูหยินเอก...
หลังจากเหตุการณ์ในจวนสงบลง หลิวเฉิงจึงแอบเล็ดลอดไปยังเรือนของเสิ่นฮูหยิน เขาคิดว่าพวกนางต้องมีเรื่องหารือกันอีกแน่ๆ หัวหน้าองครักษ์หนุ่มแอบย่องเข้าไปเรือนใหญ่ของเสิ่นฮูหยิน
หลิวเฉิงยังไม่ได้สำรวจแต่ละห้องว่าเป็นของผู้ใด ขณะที่เขากำลังย่างเท้าขึ้นบนระเบียงเรือน เสียงฝีเท้าคนสองสามคนก็เข้ามาใกล้ ชายหนุ่มรีบผลักประตูห้องนอนที่อยู่ใกล้เข้าไปซ่อนอยู่ข้างใน
“ให้ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราไปประชุมกันที่ห้องของคุณหนู”
เสียงนั้นหลิวเฉิงจำได้อย่างแม่นยำ เป็นเสียงของหว่านอิ๋งอิ๋ง แสดงว่านี่ก็คือห้องนอนชั่วคราวของนาง ชายหนุ่มรีบกระโจนขึ้นไปบนขื่อ แล้วแนบร่างนิ่งไว้
อนุหว่านเดินตรงมาที่หน้าตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ นางถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่เอี๊ยมตัวน้อยกับกางเกงสั้นแนบเนื้อ
หลิวเฉิงที่หลบอยู่บนขื่อเยื้องห่างไปมองเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวผ่องของนางแล้วพลันใบหน้าแดง องครักษ์หนุ่มอย่างเขาเคยสัมผัสหญิงคณิกามาบ้างก็จริง แต่ครั้งสุดท้ายก็นานมากแล้ว สองปีให้หลังนี้ใต้เท้าชิงต้องระวังภัยอย่างมาก เขาจึงไม่มีโอกาสเยื้องย่างเข้าไปในหอนางโลมอีก
พรึ่บ!
หว่านอิ๋งอิ๋งโยนเอี๊ยมตัวน้อยใส่ในตะกร้าผ้าแล้วยังถอดกางเกงด้วย คราวนี้บั้นท้ายกลมกลึงขาวผ่องของนางจึงเต็มอยู่ในสองตาขององครักษ์หนุ่ม หลังมือของเขารู้สึกถึงหยดน้ำเล็กๆ
‘แย่ล่ะ! ดันมาถอดหมดที่ตรงนี้ ข้าจะคงจะตามออกไปดูไม่ได้’
นอกจากเลือดกำเดาจะไหลแล้ว หลิวเฉิงยังรู้สึกถึงความตื่นตัวของร่างกายท่อนล่างอีก ชายหนุ่มรีบหลับตาท่องกฎของสำนักยุทธ์ของตนทันที
เสียงเคาะประตูดังจากนอกถี่ๆ
“เออๆ ข้าเสร็จแล้ว เร่งเสียจริง นี่ก็รีบมากแล้วนะ”
หว่านอิ๋งอิ๋งสวมเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วก็เดินออกจากประตูไป ทว่าหลิวเฉิงที่ตัวแข็งทื่อยังคงต้องสงบจิตสงบใจต่อไป
‘เป็นเพราะมิได้เจอกับสตรีนานกระมัง? ข้าจึงได้ตื่นเต้นกับแค่แผ่นหลังเปลือยของนาง’
************************