ตอนที่ 7

1075 คำ
เสียงทุ้มลึกดังอยู่เกือบชิดผิวแก้มอันร้อนผ่าวของมุจลินทร์ หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นใบหน้าของผู้ที่กำลังใช้ร่างหนาเบียดแนบเธอในตอนนี้........อนาคิน                 “ปล่อย!....คุณอนาคิน....ฉันไม่ได้..............”                 “ฉันเห็นเธอเดินตามฉันมา.....เธอมีแผนอะไร มุจลินทร์”                 ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวที่เขายังคงจดจำแววตาอันอ่อนโยนนั้นได้ หากแต่ความชิงชังที่ยังติดลึกตั้งแต่รู้สถานะการเป็นบุตรสาวของผู้จะมาเป็นแม่ใหม่ทำให้น้ำเสียงทุ้มหนักดุดันกว่าที่ต้องการจะให้เป็น                 “ฉันไม่ได้มีแผนอะไร ฉันจะมาคุยกับคุณ”                 เสียงพูดปนหอบของเธอทำให้อนาคินเริ่มรู้สึกตัวว่าร่างสูงใหญ่นั้นเบียดชิดร่างบอบบางมากเกินไปแล้ว ชายหนุ่มขยับตัวออกเพียงน้อยเพื่อให้เธอได้หายใจสะดวกบ้างแต่มือทั้งสองยังคงกอบกุมต้นแขนของเธอไว้ราวยังคงต้องการบีบบังคับและคาดคั้นสิ่งที่เธอกำลังจะพูด                 “จะคุยอะไร.....ฉันไม่อยากคุยกับเธอ เธอดูไม่ออกรึไงว่าฉันรังเกียจแม่เธอมากแค่ไหน รึที่อยากมาคุยกับฉันก็เพราะเรื่องนี้”                 มุจลินทร์จ้องลึกเข้าไปในแววตาคมกล้าซึ่งอยู่ห่างเพียงคืบ ยามอยู่ในระยะประชิดเช่นนี้ความร้อนในกายของหญิงสาวก็แล่นปรี่ขึ้นมาจนใบหน้าเป็นสีแดงเรื่อ เธออับอายลึก ๆ ที่มิอาจเก็บซ่อนความรู้สึกของผู้หญิงที่ไม่เคยชิดใกล้ชายใดมากเพียงนี้ หากเพียงครู่เดียวความพยายามหักห้ามหัวใจกลับเตือนว่าเธอมาที่นี่ก็เพื่อพูดคุยหาใช่ต้องการให้เขามาเห็นความนัยที่เธอไม่ปรารถนาให้ใครล่วงรู้                 “ฉันอยากพูดกับคุณ.....เรื่องครอบครัวของคุณกับครอบครัวของฉัน ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบแม่ของฉัน แต่ท่านก็ไม่เคยทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำใจ ฉะนั้นฉันก็อยากบอกคุณว่าควรจะให้เกียรติท่านบ้าง”                 “แม่เธอไม่เคยทำอะไรให้ฉันเจ็บช้ำหรอก แต่แม่ของเธอ....อยากแต่งงานกับพ่อของฉันก็แค่คิดจะหาผลประโยชน์เท่านั้น”                 “คุณรู้ได้ยังไง....คุณอนาคิน.....คุณไม่เคยรู้จักแม่ฉัน”                 มุจลินทร์ตาวาวและเริ่มมีอาการแข็งขืนต่อมือหนาใหญ่ที่เกาะกุมไหล่ทั้งสองจนแน่น                 “ฉันไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกที่ชอบแก้ปัญหาให้ตัวเองไปวัน ๆ อย่างพวกเธอหรอก ทำไมเธอไม่ลองกลับไปถามแม่เธอดูล่ะ.....ว่าหนี้ที่ตัวเองมีอยู่ท่วมหัวน่ะ....พ่อฉันสางให้หมดรึยัง!”                 คำพูดเยือกเย็นแต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงเยาะหยันทำให้หญิงสาวถึงกับนิ่งอึ้ง มุจลินทร์เม้มริมฝีปากแน่น หนี้เช่นนั้นหรือ?.......มารดาของเธอเป็นหนี้เหตุใดเธอไม่เคยรู้ ชายหนุ่มค่อยคลายมือออกเพื่อปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ ใบหน้านั้นสำแดงความสะใจที่เห็นความตระหนกฉายชัดในดวงตาของหญิงสาว                 “อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้เรื่อง ใครจะไปเชื่อว่าเธอไม่รู้ว่าแม่ตัวเองเป็นหนี้ตั้งสิบล้าน หรือว่าที่เธออยากมาคุยกับฉันก็เพราะอยากรู้เรื่องนี้ รึเธอแกล้งโง่ที่ทำเป็นไม่รู้ว่าครอบครัวตัวเองมีปัญหายังไง แม่เธอก็ไม่ต่างจากพวกผู้หญิงหากินสักเท่าไหร่ พ่อฉันน่ะเป็นคนบ้างานไม่มีวันรู้ทันพวกไก่แก่แม่ปลาช่อนอย่างแม่เธอแน่....มุจลินทร์!”                 หญิงสาวรู้ตัวว่าสติขาดผึงก็เมื่อใช้ฝ่ามือเรียวบางฟาดลงบนใบหน้าราวรูปสลักนั้นเต็มแรง ชายหนุ่มค่อยหันกลับมามองด้วยสีหน้าเครียดจัด อนาคินขบกรามแน่น ดวงตายาวรีจ้องเขม็งมายังผู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง                 “เธอท้าทายฉันหรือมุจลินทร์ เธอรู้จักฉันน้อยเกินไปแล้ว!”                 สิ้นคำมือหนาก็กระชากร่างนั้นเข้าสู่อ้อมกอด อนาคินใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบลำคอระหงและแขนอีกข้างรัดเอวบางไว้ก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากของหญิงสาว มุจลินทร์สิ้นทางจะเบี่ยงหลบได้แต่ปล่อยให้ลิ้นของชายหนุ่มฉกเข้ามาในโพรงปากด้วยมิอาจขัดขืน จูบอันรุนแรงนั้นเนิ่นนานจนมันสิ้นสุดลงและร่างของเธอถูกผลักออกห่างจนชนผนังตึก ชายหนุ่มมองดูใบหน้าที่แสดงความตื่นตระหนกและดวงตาวับวาวที่เริ่มมีน้ำรื้นขึ้นมาก่อนเหยียดยิ้มหยามหยัน                 “นี่เป็นบทเรียนแรกที่เธอจะได้รับ ฉันอาจจะห้ามพ่อไม่ได้เรื่องแต่งงานใหม่ แต่เธอกับแม่ของเธอก็อย่าหวังเลยว่าจะอยู่อย่างมีความสุข ฉันจะขอเตือนเธอไว้ว่าอย่าได้อวดดีกับฉัน เพราะถ้าฉันเอาจริงมันคงไม่ใช่แค่นี้แน่”                 มุจลินทร์ยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากอันรุมร้อนของตัวเองแล้วปาดน้ำตาที่ไหลลงมา หญิงสาวโกรธจนเลือดขึ้นหน้าหากก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้น อนาคินมองตามจนร่างบางลับไปจากมุมตึก แววตาเครียดขึ้งและสาแก่ใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความสำนึกได้ นัยน์ตาสีนิลอ่อนแสงลงพร้อมกับเสียงทอดถอนใจราวเหนื่อยหนักชายหนุ่มหันหลังพิงผนังแทนที่ผู้จากไปพลางยกมือขึ้นเสยเรือนผมดำขลับด้วยใจระย่อ ไม่รู้ทำไมยามอยู่ใกล้ชิดเจ้าของแววตาอันนุ่มนวลคู่นั้นหัวใจของเขาจึงเต้นรัวเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกเช่นนี้แตกต่างจากสำนึกยามมีผู้หญิงเข้ามาอยู่เคียงข้างอย่างพราวพิลาศ ผู้หญิงคนนั้นมีแค่ความสวยฉาบผิวงามภายนอกและเป็นได้แค่เพื่อนคลายเหงาเวลาที่ไม่ปรารถนาจมจ่อมอยู่กับตัวเอง อนาคินหลับตาลงและรำลึกถึงจุมพิตที่เพิ่งพ้นผ่านเมื่อครู่ราวกับร่องรอยอันอ่อนนุ่มบนกลีบปากบอบบางยังคงประทับอยู่ในห้วงฝัน ในความรุนแรงเขายังรับรู้ได้ถึงความละมุนละไมที่ทำให้ความรู้สึกบางอย่างเริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาจากส่วนลึกมากทุกขณะ หากเขาไม่ยับยั้งไว้มันอาจทำลายสำเหนียกแห่งความชิงชังที่เร่งเร้าอยู่ในทุกนาทีจนหมดสิ้น 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม