อนาคินรู้สึกเหมือนมีอะไรแล่นมาจุกที่หน้าอก สำหรับเขาแล้วการเป็นทายาทคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเจ้าของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่และกิจการในเครืออีกมากมายอย่าง อนันต์ บริภัทรภูมินทร์ บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางเงินทองและความสะดวกสบายในชีวิตกลับต้องสูญเสียมารดาอันเป็นที่รักไปตั้งแต่วัยสิบขวบเศษจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ยังคงติดค้างอยู่ในความทรงจำว่าบิดาของเขาเองเป็นต้นเหตุของการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครานั้น ความฝันอันเปล่าดายในวัยเด็กมิอาจถูกเติมเต็มได้ด้วยวัตถุมีค่ามากมายที่บิดาเพียรหามาให้เพื่อเยียวยารอยแผลในหัวใจที่โหยหาความรักดวงนั้น
อนาคินกลายเป็นคนชอบเก็บตัวและอยู่อย่างเดียวดายเช่นนี้เสมอมา ชายหนุ่มดูห่างไกลจากบิดาแม้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันด้วยความเจ็บปวดในวัยเยาว์จากความฝันที่ขาดวิ่นทำให้หัวใจดวงนั้นแข็งกระด้าง ใบหน้าอันหมดจดราวรูปสลักดูเยียบเย็นอยู่เป็นนิจ หากทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือบิดาของเขาที่รู้ดีว่าภายใต้ความเยือกแข็งคือชายหนุ่มหัวขบถที่เก็บซ่อนความดุดันและดื้อรั้นไว้เบื้องหลังท่าทีเรียบเฉยที่ไม่เคยสนใจใคร
แวบหนึ่งที่อนาคินเหลือบมองหญิงสาวซึ่งนั่งผัดแป้งเติมลิปสติกอยู่ข้าง ๆ เขากลับมองไม่เห็นสาวสวยระดับดาวมหาลัยอย่างพราวพิลาศ ภาษกานต์ ลูกสาวของนักธุรกิจระดับพันล้านที่เพียงแค่ผ่านเข้ามาเป็นคู่ควงดูหนังฟังเพลงในห้วงเวลาเบื่อเหงา แววตาอันนุ่มนวลบนใบหน้าของใครอีกคนต่างหากที่เขาบังเอิญพบหน้าและเผลอไผลสบตาด้วยยังคงทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในสำนึกแทนความงามและท่าทีเสมือนฉาบฉวยของบุคคลซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง
รถมินิเปิดประทุนสีขาวผสมสีเงินเมทัลลิกแล่นเลียบไปตามถนนสายที่การจราจรเริ่มบางเบาลง เจ้าของรถใช้เท้าเหยียบคันเร่งพามันเคลื่อนตัวไปช้า ๆ หลังจากส่งพราวพิลาศที่หน้าอพาร์ทเม้นท์หรูของเธอแล้ว ความรู้สึกหลายอย่างประดังเข้ามาในความคิดของอนาคินขณะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่บิดานัดหมายเพื่อทำความรู้จักกับ ผู้หญิงคนใหม่ ของพ่อที่เขาได้รับรู้เบื้องหลังอันไม่โสภาก่อนหน้าเพียงไม่พ้นชั่วยาม
“ทำไมผมต้องไปครับคุณพ่อ.....ยังไง ๆ ผมก็ต้องรู้จักเขาอยู่แล้ว”
“แกต้องไป....อนาคิน การที่ฉันให้แกไปทำความรู้จักกับคุณณัฐญาณีก็เพื่อเป็นการให้เกียรติเขา”
“ผู้หญิงที่แต่งงานมีสามีมาแล้วและกำลังจะมีสามีใหม่....ยังเป็นผู้หญิงที่น่าให้เกียรติหรือครับคุณพ่อ”
“เจ้าคิน!.......ทำไมแกพูดแบบนี้ เมื่อไหร่แกถึงจะมองคนอื่นในแง่ดีบ้าง ฉันรู้....ว่าแกยังโกรธฉันเรื่องแม่แกและคงไม่พอใจนักหรอกที่ฉันจะมีเมียใหม่ แต่แกต้องเข้าใจฉันบ้าง แม่แกเขาก็จากไปนานแล้ว ฉันเองก็อยากมีเพื่อนไว้คุยคลายเหงา คุณณัฐญาณีไม่ใช่ผู้หญิงที่เลวร้ายอะไร เธอเป็นคนอัธยาศัยดี ถ้าแกได้รู้จักเขา.....บางทีแกอาจจะมองเขาในแบบที่ไม่เหมือนความคิดของแกในตอนนี้ก็เป็นได้”
“ผมจะไป.....ทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนั้น........ แต่ถ้าความคิดของผมไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พ่อก็อย่ามาว่าผมทีหลังแล้วกัน”
สำนึกของชายหนุ่มถูกดึงกลับมาอีกครั้งเมื่อเขามองเห็นสถานที่นัดหมายข้างหน้าซึ่งเป็นลานหินหน้าบริเวณภัตตาคารที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยเล็ก ๆ โดยรอบ ๆ ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับและดวงไฟแสงสีนวล ร่างสูงก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในภัตตาคารอย่างไม่เร่งรีบ ใจหนึ่งเขาก็อยากหันหลังกลับ แต่ในเมื่อมาถึงนี่แล้วเขาก็ให้นึกอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อ ณัฐญานี ดิษยฐานันด์ ผู้นั้นเป็นคนเช่นไรถึงมัดใจนักธุรกิจระดับพันล้านอย่างบิดาของเขาได้ ภายในนั้นดูโอ่โถงและบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางการตกแต่งอย่างหรูหรา
โคมไฟระย้าขนาดใหญ่ทอแสงเป็นประกายงดงามให้ความรู้สึกของผู้ที่ก้าวเข้ามาราวอยู่ในดินแดนตระการตาอันหลีกเร้นจากโลกภายนอก อนาคินเดินลึกเข้าไปด้านในและมองเห็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทผ้าไหมสีนิลดูภูมิฐานนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งและกำลังพูดคุยอย่างออกรสชาติกับใครคนหนึ่งในชุดกระโปรงผ้าลูกไม้สีชมพูซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างกันและใครอีกคนที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษานั่งหันหลังอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อนาคิน.....มาทางนี้ลูก”
เสียงเรียกของบุคคลที่เขามองเห็นทำให้ชายหนุ่มเดินตรงไปหยุดที่โต๊ะซึ่งมีคนสามคนและอาหารวางเรียงรายเต็มไปหมด นัยน์ตาดำสนิทจ้องมองไปยังสตรีวัยสี่สิบกว่าที่นั่งอยู่เคียงข้างบุรุษในชุดสูทและหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาสะท้อนความหมายดุจเดียวกับผู้มาใหม่ คือ ประหลาดใจอย่างที่สุด
“นั่งสิ....อนาคิน....นี่คุณณัฐญาณี กับ เอ้อ....ลูกสาวของเธอ หนูมุจลินทร์”
อนันต์รีบแนะนำสตรีทั้งสองให้บุตรชายรู้จัก อนาคินยังคงมองมาที่มุจลินทร์ แววตาอันอ่อนโยนคู่นั้นที่เขามองเห็นบนอัฒจรรย์ขอบสระว่ายน้ำและได้เห็นอีกครั้งก่อนมาที่นี่ หากทว่าเพียงชั่วอึดใจความฉงนสนเท่ก็กลับกลายเป็นความชาเฉยในขณะที่หญิงสาวก็รีบละสายตาจากดวงตายาวรีคู่นั้นที่ได้เห็นคราใดหัวใจก็เต้นรัวเร็วอย่างมิอาจหักห้าม
“นี่หรือคะ....อนาคิน ลูกชายของคุณอนันต์ โอ....ช่างสง่างาม หล่อเหลาซะจริง ๆ เห็นคุณอนันต์บอกว่าเรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกับลินยินดีนะคะที่ได้รู้จัก”
อนาคินหย่อนกายลงนั่งข้างมุจลินทร์ด้วยท่าทีมิได้ยินดียินร้ายใด ๆ ทำเอาณัฐญาณีหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย