ตอนที่2 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

1103 คำ
เวลาผ่านไปราวสายลม ผู้ช่วยมือดีอย่างหลิวจินหูสามารถขายสินค้าที่มีได้ทั้งหมด ทำให้ร้านค้าตระกูลหลี่สามารถชดใช้เงินค่ามัดจำกับลูกค้าเก่าแก่ได้ แต่ปัญหายังคงไม่หมดไป เมื่อมีลูกค้าสองรายที่ไม่ยินดีรับเงินคืนไปเฉยๆ คนที่มีปัญหาล้วนแล้วเป็นลูกค้าใหม่ทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้ที่สั่งซื้อสินค้าจำนวนเยอะที่สุดอีกด้วย เนื่องจากเป็นลูกค้าใหม่ซึ่งไร้ความสัมพันธ์ใดๆ พวกเขาจึงไม่มีความเห็นใจให้กับร้านค้าตระกูลหลี่ แม้ก่อนหน้าหลี่เค่อได้เตรียมการขายที่ดินสามแห่งเพื่อการนี้ ร้านค้าที่อยู่ในตลาดรวมไปถึงที่นาทั้งสองแห่ง ล้วนเป็นที่ดินทำเลดีมีราคา แต่น่าแปลกยิ่งนักที่ไม่มีผู้ใดสนใจ จนสองวันก่อนมีชายต่างถิ่นเข้ามาติดต่อซื้อขาย แต่ถูกกดราคาอย่างน่าเกลียด เจ้าของที่ดินอย่างหลี่เค่อจึงส่ายหน้าปฏิเสธ ทว่าหลังจากคำนวณเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองอยู่หลายครั้งหลายหน จำนวนตัวเลขที่ได้ ก็ทำให้สีหน้าหลี่เค่อดำทะมึนราวกับเมฆฝน หากเขาไม่สามารถหาเงินมาได้ทันเวลาแล้วถูกฟ้องร้อง นอกจากหนี้สินจะล้นพ้นตัวแล้ว ชื่อเสียงอันยาวนานของร้านค้าตระกูลหลี่ก็จะแปดเปื้อนในอุ้งมือของตน เวลายิ่งกระชั้นชิดเข้ามาขึ้นทุกที หลี่เค่อแทบอยากจะวิ่งเอาหัวชนกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด ท้ายที่สุดเมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงจำต้องตัดสินใจยอมขายที่ดินทำเลทองในราคาแสนถูก แล้วปลุกปลอบใจตนเองว่าอย่างไรเสียให้วิกฤตครั้งนี้ผ่านไปก่อน จากการคำนวณเขายังเหลือเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็เพียงพอในการลงทุนครั้งต่อไป ชายหนุ่มยังมีความหวังว่าการค้าครั้งหน้าจะราบรื่น และทำกำไรในรอบปีได้สักที แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หรือเทพบนสรวงสวรรค์จะเกลียดชังตระกูลหลี่เสียแล้ว ปัญหามากมายจึงยังถาโถมเขาใส่ การค้าแทบไม่เห็นผลกำไร หลี่เค่อกะปริมาณธัญพืชที่จะเก็บไว้ ทำกำไรผิดพลาด ทั้งที่ตอนแรกมีคนมาถามหามากมาย แต่พอเขากว้านซื้อมากักตุนเอาไว้กลับขาย ไม่ออก ทำให้ต้องรีบติดต่อเพื่อระบายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน และที่เลวร้ายที่สุด คือเกลือที่ได้สัมปทานมาอย่างยากเย็นกลับละลายลงแม่น้ำ เพราะเรือขนสินค้ารั่ว นับเป็นการสูญเสียรายได้ครั้งยิ่งใหญ่และมหาศาลที่สุด สุดท้ายเพื่อความอยู่รอด หลี่เค่อจำต้องขายทรัพย์สินอีกหลายอย่างเพื่อพยุงกิจการเอาไว้ ดวงแก้วสีดำสนิทจ้องมองเอกสารอีกไม่กี่ใบที่เหลือ ตลอดห้าเดือนมานี้ หลี่เค่อขายที่ดิน เครื่องประดับ และของมีค่าไปหลายสิบรายการ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น มีหวังตระกูลหลี่คงสิ้นเนื้อประดาตัวแน่ๆ ในระหว่างที่ผู้นำตระกูลกำลังคิดไม่ตก เสียงหัวเราะสดใสของสตรีก็ลอยเข้ามาทางหน้าต่างห้องทำงาน หลี่เค่อลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปหยุดยืนที่ตรงนั้น เมื่อมองออกไปด้านนอกก็เห็นหลี่จื่อเหยากำลังเล่นกับหลี่หลางบุตรชายเพียงคนเดียวของเขาอยู่ในสวน ยามนี้หลี่จื่อเหยาเข้าสู่วัยดรุณ ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล รอยยิ้มเจิดจ้า ราวแสงตะวัน ดวงตานั้นยิ่งสดใสดั่งลูกกวาง ความรู้ความสามารถก็แตกฉาน สมเป็นคุณหนูตระกูลดีทุกประการ เมื่อพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างแล้ว ความคิดหนึ่งจึงแล่นเข้ามาในหัวของหลี่เค่อ ยามนี้ชื่อเสียงของตระกูลหลี่ยังมิด่างพร้อย หากเขาสามารถเกี่ยวดองกับตระกูลใหญ่ได้ ก็มีโอกาสที่จะกู้วิกฤตทางการเงินที่รุมเร้าอยู่ขณะนี้ สินสอดทองหมั้นทั้งหลายคงช่วยเสริมคลังที่ว่างเปล่าให้กลับมาเต็มได้อีกครั้ง ยังไม่นับถึงเรื่องผลประโยชน์จากการเป็นเครือญาติกับสกุลที่มีอำนาจ แน่นอนว่าร้านค้าสกุลหลี่จะมีโอกาสทางการค้ามากขึ้นอีกด้วย คิดได้ดังนั้น หลี่เค่อรีบรุดออกจากห้องทำงานตรงไปหามารดาในทันที เขาต้องรีบบอกความประสงค์และให้นางอบรมหลี่จื่อเหยาเตรียมออกเรือนโดยเร็วที่สุด ยังดีที่สินเดิมของมารดานั้นพอจะให้น้องสาวนำออกไปอย่างไม่น้อยหน้าผู้ใด เมื่อได้ฟังความประสงค์ของบุตรชาย ฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะบุตรสาวของตนก็อายุสิบหกแล้ว ถึงเวลาสมควรที่จะมีคู่ครอง รอยยิ้มเปี่ยมสุข แขวนอยู่บนในหน้าที่มีริ้วรอยแห่งประสบการณ์ ส่วนเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝงนั้น หลี่เค่อไม่ได้แจ้งแก่มารดาแม้แต่ น้อย เพราะหากเผยสายสนกลในเกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงได้ตำหนิว่าเขาขายน้องสาวกินเป็นแน่ ‘ข้าไม่ได้ขายน้องสาวกินเสียหน่อย นางได้แต่งสามีดี ส่วนตระกูลหลี่ก็รอดพ้นวิกฤต’ ในคืนเดียวกันนั้น หลี่จื่อเหยาถูกมารดาเรียกไปพบ “วันนี้อาเค่อมาคุยกับแม่เรื่องหาเจ้าบ่าวให้เจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าบอกกับนาง ถึงเรื่องการหาคู่ครอง “พี่ใหญ่ก็เคยเปรยกับลูกไว้เช่นกันเจ้าค่ะ” “ก่อนพี่เจ้าจะไปดำเนินการสิ่งใด แม่อยากรู้ว่าในใจเจ้ามีใครอยู่ก่อนแล้วหรือไม่” หลี่จื่อเหยาได้ยินดังนั้นก็นิ่งงันพลางครุ่นคิด สิ่งที่ผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง เป็นใบหน้าหล่อเหลาดั่งหยกสลัก คิ้วหนา นัยน์ตาเข้มลึกดุจน้ำหมึกของผู้ที่ช่วยชีวิตนาง ‘จื่อเหยาเจ้าต้องหยุดคิดถึงเขาได้แล้ว หากชายผู้นั้นอยากรับผิดชอบเรื่องจูบ คงไม่หนีหายอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้’ ระหว่างที่อยู่ในห้วงคิดมารดาก็เรียกนางซ้ำอีกครั้ง หญิงสาวตื่นจากภวังค์ แล้วส่ายศีรษะน้อยๆ “ไม่มีเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็ให้พี่เจ้าเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมมาก็แล้วกัน” “ลูกไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ หากพี่ใหญ่เลือกผู้ใดแสดงว่าเขาต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน” “เป็นเด็กดีจริงๆ ลูกสาวของแม่” หลี่จื่อเหยาเข้าไปกอดมารดาพลางออดอ้อน ฮูหยินผู้เฒ่าลูบผมของบุตรสาวอย่างรักใคร่เอ็นดู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม