หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ต้องอยู่กับชายแปลกหน้า จากไม่คุ้นชินสายตายามเห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ เดินไปเดินมาในห้องตัวเองก็เป็นเริ่มชินสายตา ต้องใจมองคนตัวโตที่ตอนนี้กำลังทำมื้อเช้าในเช้าวันเสาร์ที่เป็นวันหยุดของเธอและเขา เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองชอบมองเขาเวลาเขาทำอาหาร เวลาเขาจับมีดมันดูมีเสน่ห์มาก และยามเขายกกระทะกับตะหลิวผัดกับข้าวให้ทานยิ่งทำให้น่ามอง
หัวใจสาวโสดผู้ไม่เคยมองชายใด ไม่เคยคิดจะรักใครเป็นต้องสั่นไหวให้กับรูมเมทที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เธอชินกับการทานกับข้าวฝีมือของอธิคุณไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าก่อนไปสอน เขาก็มักทำมื้อเช้าไว้ให้และห่อใส่กล่องให้ เขาทำเหมือนเป็นแฟนเธอ ‘บ้าไปแล้ว คิดได้ยังไง’ คิดแล้วก็อยากจะทุบหัวตัวเองแรงๆ ที่หวั่นไหวไปกับผู้ชายตัวใหญ่ และเธอเพิ่งรู้ว่าเขาหล่อก็วันนี้แหละ เขาหล่อกว่าพระเอกละครที่เคยดูในโทรทัศน์เสียอีก เวียร์ ณเดชน์ที่บอกว่าหล่อมากหล่อมายก็ต้องชิดซ้ายชิดขวาหลีกทางให้กับรูมเมทที่กำลังทำกับข้าวในตอนนี้
ด้านเชฟหนุ่มสุดหล่อที่กำลังทำกับข้าวเช้าให้เจ้าของห้องผู้มีพระคุณกับตัวเองที่กรุณาให้ตัวเองพักอาศัยอยู่ด้วย ก็ใช่ว่าไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังถูกเธอมองอยู่ เขารู้ว่าเธอมองเขาและบ่อยด้วยสองสามวันนี้ เขาเองก็ชอบมองเธอเหมือนกันยามเผลอ และเหมือนว่าเธอจะดูน่ารักดียามกินกับข้าวที่เขาทำ เธอกินแบบไม่รักษาหุ่น ไม่สนใจว่าตัวเองจะอ้วน กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำอะไรให้ทานก็ทานเกลี้ยงจานทุกครั้ง และไม่แปลกใจเลยทำไมร่างเธอถึงอวบแบบนี้ ก็กินไม่เลือกแบบนี้ไงล่ะ หรือจะว่ากินไม่เหลือก็ว่าได้ พอเขากินเหลือ เธอก็จะบ่นว่าสงสารชาวนาที่ทำนาจนเขาต้องฝืนกินให้หมดทุกครั้ง เพราะไม่อยากฟังสาวอวบบ่น
“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอน้องต้อง” น้ำเสียงทุ้มถามเมื่อเทสปาเก็ตตีคาโบนาร่าใส่จานที่วางไว้สองจาน
“ไม่ค่ะ วันนี้อยู่บ้านค่ะ” คนที่แต่งตัวสบายด้วยเสื้อกีฬาตัวใหญ่กับกางเกงกีฬาตัวใหญ่ในแบบผู้ชาย แต่เธอชอบ มันใส่สบาย
“วันนี้พี่ก็หยุด ไปทำบุญกันไหมครับ” เขาชักชวนเธอ
“วันพรุ่งนี้ดีไหมคะ วันนี้ฉันอยากนอนพักผ่อนค่ะ”
“อือ...ได้ครับ สปาเก็ตตีเสร็จแล้วนะ มาทานได้แล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นั่งเดินไปยังโต๊ะทานข้าวขนาดเล็กทันที พอมาถึงก็ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นสปาเก็ตตีกลิ่นหอมน่าทาน
“ว้าว...น่ากินจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ เหมือนว่าตั้งแต่คุณคุณมาอยู่ด้วย ฉันจะกินเยอะมาก คุณไม่ควรทำอร่อยนะคะ เพราะมันทำให้ฉันน้ำหนักขึ้นมาตั้งสองกิโลค่ะ” เธอลากเก้าอี้ออกมานั่ง ส่วนคนฟังก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดูสาวอวบ แม้เธอจะเรียกเขาแบบห่างเหิน แต่การพูดคุยและท่าทางของเธอได้เปลี่ยนไปจากวันแรก จากที่เย่อหยิ่ง ตอนนี้เหรอ สบายเกิน...แต่งตัวด้วยชุดกีฬาของผู้ชาย
“ก็ไปออกกำลังกายสิครับ พี่เห็นข้างล่างมีฟิตเนส”
“ไม่เอาค่ะเหนื่อย อีกอย่างผอมไปทำไมก็ไม่รู้ เวลาหนาวไขมันในร่างกายที่เรากินมันช่วยเราได้นะคะ แถมกินไปเยอะแล้วจะให้ลด เสียดายเงินแย่ค่ะ แถมไปออกกำลังกายทรมานตัวเองเปล่าๆ เหนื่อย ไม่เอาด้วยหรอก” เธอบอกเขาแล้วตักสปาเก็ตตีทาน ส่วนเขาก็ดึงลากเก้าอี้ออกนั่งตรงข้ามเธอแล้วทานเช่นกัน จานของเขาน้อยกว่าจานที่เขาให้เธอ
หึหึ
เขายกยิ้ม ยามเธอพูดเขาชอบเสียงนี้ไปเสียแล้ว แค่หนึ่งอาทิตย์เขาก็มองหาเธอแล้ว และมีหลายครั้งที่เขาเองก็แปลกใจหัวใจของเขามันมักพองโตยามเธอส่งยิ้มให้ เวลากลับมาห้อง เธอมักมีขนมมาฝากตลอด หรือบางวันเขากลับช้า เธอก็จะรอทานมื้อเย็นกับเขา
“อือ...อร่อยมากเลยค่ะ ว่าแต่ที่ทำงานเป็นยังไงมั่งคะ?” เธอถามถึงเรื่องเขา
“ก็ดีครับ เพื่อนร่วมงานทุกคนเป็นกันเอง”
“ดีแล้วค่ะ มีเพื่อนเยอะๆ ดีแล้ว” เธอบอกเขา
“ครับ ถ้าไม่อิ่มเอาของพี่ไปกินได้นะ พี่ไม่ค่อยหิว” เขาเห็นเธอกินไปจนครึ่งจาน ส่วนเขาเพิ่งกินไปแค่คำเดียวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอ้วนกว่านี้ลำบากค่ะ”
“เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่อยากผอม”
“พูดไปงั้นแหละค่ะให้ดูดีปลอบใจตัวเอง ถ้าอ้วนกว่านี้เสื้อผ้าที่มีจะใส่ไม่ได้ คุณคุณก็กินเถอะค่ะ กินให้หมดด้วยนะคะ คุณเป็นผู้ชายคงไม่อ้วนง่ายแบบผู้หญิงเรา”
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นทำให้เธอที่กำลังก้มหน้าทานสปาเก็ตตีต้องเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังโทรศัพท์ที่วางไว้โต๊ะกลางโซฟา ก่อนจะวางช้อนและส้อมในมือลุกเดินไปหยิบมารับสาย
“ว่ายังไงสอง” เธอถามปลายสายที่โทรหาทันที
“ว่าจะชวนมาดูหนังน่ะ ว่างไหม”
“เลี้ยงไหมล่ะ?”
“แน่นอน โทรมาชวนก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว”
“งั้นโอเค เจอกันที่หน้าโรงหนังสยามพารากอน”
“เค...ที่เดิมนะ”
“อือ...ซื้อตั๋วไว้รอเลย”
“อือ...แค่นี้แหละ”
“จ้า เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวแป๊บ”
แล้วเธอก็กดวางสายทันทีเมื่อคุยเสร็จ เธอกับธนาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน เขาคือเพื่อนสนิทตั้งแต่ปีหนึ่งและมีกีรณาอีกคนที่สนิทกัน จริงๆ ทุกคนสืบทอดธุรกิจครอบครัว ส่วนเธอเลือกมาเป็นครูโรงเรียนเอกชนด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าของรัฐบาลจึงไม่สอบบรรจุ และเงินเดือนครูอัตราจ้างนี่แหละ ที่ทำให้มีเงินผ่อนคอนโดหรูนี้ และแม่ของเธอก็บอกตลอดอยากให้กลับไปช่วยดูแลร้านทองที่บ้าน แม่เธอเป็นแม่หม้ายลูกติดที่สามีทิ้งสมบัติให้มากมายใช้ไปกี่ชาติก็ไม่หมดและยิ่งคนงกอย่างแม่เธอแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเงินจะใช้ได้กี่ชาติ
“ไม่กินต่อแล้วเหรอน้องต้อง” เมื่อเห็นเธอวางสายจากปลายสายแล้วจะเดินเข้าไปในห้อง
“ไม่แล้วค่ะ พอดีจะออกไปข้างนอกแล้ว”
“ไปไหนครับ?” อยู่ๆ เขาก็ถามอย่างอยากรู้ เพราะถ้าเดาไม่ผิดคนที่โทรมาก่อนหน้านี้คงเป็นผู้ชายแน่นอน แล้วทำไมเขาต้องอยากรู้ด้วย และอีกอย่างรู้สึกน้อยใจต้องใจด้วย ก่อนหน้านี้เขาชวนสาวอวบไปไหว้พระ แต่เธอบอกปฏิเสธบอกอยากอยู่ห้อง แต่พอคนที่โทรมาหาชวนออกไปข้างนอกก็ตกลงรับปากทันที
“ไปดูหนังค่ะ” เธอบอกเขาไปตรงๆ อย่างซื่อ
“ไปด้วยได้ไหมครับ”
“พอดีฉันนัดเพื่อนไว้ค่ะ เกรงใจเขาถ้าจะพาคนอื่นไปด้วย ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ” แล้วก็เดินเร็วๆ เข้าห้องตัวเองเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัว
“คงจะเป็นแฟนถึงไม่อยากให้เราไปด้วย” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วมองจานสปาเก็ตตีที่เธอกินเหลือแล้วเก็บไปเททิ้งลงถังขยะรวมทั้งของตัวเองด้วยเมื่อหมดอารมณ์จะทานต่อแล้ว แต่สายตาก็เหลือบมองคนที่เดินออกมาจากห้องพร้อมผ้าเช็ดตัวจนเธอหายเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเสียงดัง
ปึก!