ตอนที่ 8
ที่เขารู้สึกไม่พอใจด้วยเหมือนกันที่บิดาชอบมองเขาเป็นลูกแหง่หาว่าเขาอ่อนประสบการณ์ในการบริหารงานคอยดูเถอะเขาจะแสดงฝีมือให้ดู
เขาไม่กล้าบอกท่านตรงๆเพราะว่าดลัมภ์เป็นคนที่มุทะลุดุดันใจร้อนบวกกับการเอาแต่ใจตนเองเหมือนเพิ่มคะแนนความสงสารให้แก่ตัวเองผู้สูงวัยกว่าหัวเราะหึๆครางในลำคอท่านเป็นคนนิ่งที่คนอย่างดลัมภ์ก็อ่านใจยากเหมือนกัน
“เห็นท่านบ่นคิดถึงคุณอาเหมือนกันครับไว้โอกาสหน้าจะหาที่สังสรรค์ใหม่คิดว่าคุณอาเองก็ไม่พลาดอย่างแน่นอนให้รางวัลกับตัวเองในการพักผ่อนท่องเที่ยวหลังจากที่ตรากตรำทำงานหนักเป็นเรื่องดีใช่ไหมครับ” เขาพยายามคุยในคำพูดที่คิดว่าเข้าทางและดูจากสีหน้านายอัศวงค์มีความรื่นเริง เขาก็พึงพอใจ บุรุษหนุ่มใหญ่วัยหกสิบกว่ายกมือลูบคางของตนเองเบาๆ
“ แล้วคนหนุ่มอย่างดลัมภ์ สนใจด้วยหรือเปล่า”
“เรื่องไหนครับคุณอา”เขาแกล้งทำไขสือ
“เรื่องเที่ยว”
“ก็มีบ้างเล็กน้อยตามประสาหนุ่มๆนั่นแหละครับ ไม่มากมายอะไรเลยคุณอา อีกอย่างผมค่อนข้างเสียดายตังค์ด้วยซ้ำคิดว่าคนเราต้องรู้จักประหยัดหน่อยครับ”
ตอบอย่างเอาใจและตรงเป้าหมาย ..
ซึ่งเป็นวิธีที่เขาใช้ได้ผลอย่างแน่นอน และเขาได้คัดสรรอย่างดีไว้แล้ว ดลัมภ์ค่อนข้างมั่นใจกับตัวเอง
“การที่เราเป็นหนุ่มแน่นแต่รู้จักคิดมันเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้นแหละหลานดลัมภ์เพียงแต่ว่าเราจะทำมันได้หรือเปล่า” นายอัศวงค์เริ่มโต้ตอบขึ้นมาบ้างแล้วดูเหมือนจะเป็นข้อคิดจากชายสูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มายาวนานสอนสั่งในบางสิ่งบางอย่างเป็นวิทยาทาน ถ้าคนที่นิ่งฟัง จะรู้ว่า คำพูดนี้มีความหมาย เพราะว่านายอัศวงค์ไม่ใช่คนที่สักแต่พูดอย่างเดียว แต่คิดกรองก่อนพูด ดลัมภ์จึงยิ้มรับสนับสนุน
“เป็นข้อคิดในการใช้ชีวิตได้ดีมากครับคุณอา”
แต่นายอัศวงค์ได้แค่เพียงหัวเราะหึๆเท่านั้นเอง หลังจากที่ชำเลืองมองเด็กหนุ่มรุ่นลูกหลานวัยของดลัมภ์มากกว่าบุตรสาวของเขาแค่สี่ปีเท่านั้นเอง
จู่ๆนั้นดลัมภ์อดนึกข้องแวะไปถึงเมี่ยงเมรัยไม่ได้มาถึงบ้านของหล่อนแล้วเถ้าขาไม่ได้ทราบข่าวของหล่อนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“น้องเมี่ยงออกไปเที่ยวตอนเย็นอย่างนี้บ่อยหรือเปล่าครับคุณอา”นายอัศวงค์ขมวดคิ้ว
“อ้าวเจอกันแล้วหรือ”
“ครับสวนทางกันผมรู้สึกว่าน้องเมี่ยงรีบร้อนที่จะออกไปเหลือเกินผมตั้งใจมานี่คุยด้วยได้ไม่กี่คำเท่านั้นเอง”
นายอัศวงค์ทำได้อย่างเดียวคือพยักหน้ารับคนเป็นพ่ออย่างเขานั้นก็พอจะรับรู้ดีว่าลูกชายของเพื่อนที่สนิทสนมกันระดับหนึ่งนั้น ชอบพอกับบุตรสาวของเขาเป็นอย่างมากทางด้านเรื่องราวส่วนตัวและเรื่องของหัวใจนายอัศวงค์เข้าใจความรู้สึกของดลัมภ์ดี
“อ๋อหนูเมี่ยงเขาชอบอย่างนี้ล่ะ”
เอ่ยบอกเด็กหนุ่มรุ่นหลานพลางหัวเราะ ก่อนขมวดคิ้ว
“แต่ไม่ใช่ว่า จะออกไปข้างนอกบ่อยนะเพราะดีแล้วล่ะ ยายเมี่ยงจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง อาไม่อยากให้หน้าลูกสาวเครียด เหมือนคนแบกโลกหนักอึ้งไว้บนบ่า แต่เมี่ยงเมรัยก็ดื้อ” นายอัศวงค์พูดเท่าที่ตนเองพอจะพูดได้
“อ้าวแล้วไม่ตามน้องไปล่ะถ้าเจอกัน”
คำพูดแบบนี้เขาไม่รู้ว่านายอัศวงค์เข้าข้างเขาหรือเปล่า แต่อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับค่อยเอาไว้วันหลังก็แล้วกันวันนี้ผมตั้งใจมาหาคุณอาก็เห็นว่าโปรเจกต์นี้น่าสนใจดี”
“ขอบใจนะที่นำข่าวสารดีๆมาให้”
ดลัมภ์ยิ้มอีกครั้งแค่นี้ มันก็เหมือนกับว่าเขากำลังทำคะแนนต่อหน้านายอัศวงค์ได้เพิ่มขึ้นมากและอาจเป็นต่อผู้ชายทุกคนก็ได้
ที่คิดจะเข้ามายุ่มย่ามเพื่อทำตัวเป็นเขยนายอัศวงค์ล่วงหน้าในอนาคตเหมือนที่เขาพยายามคิด
แต่ขอละเว้นไว้ที่คนอื่นเขาไม่อยากให้บุลิศมาเกี่ยวข้องด้วย..่บุลิศชื่อนี้เขาไม่ต้องการและเขารู้ตัวว่าตัวเองกำลังปดนายอัศวงค์ไม่รู้ล่ะเรื่องใดที่เขาจะได้รับรู้ข่าวสารของเมี่ยงเมรัยจนละเอียด และผลประโยชน์เขาทำทั้งนั้นไม่คำนึงว่ามันจะถูกหรือผิด เพราะคนอย่างเขามันร้ายด้วยเหลี่ยม
“วันนี้รบกวนคุณอานานแล้วเอ้อผมต้องขอตัวก่อน เพราะผมจะต้องรีบกลับ”
เขานั้น หากเมื่อขับรถออกมาพ้นจากออฟฟิศ บุลิศฮัมเพลงนั่นเพราะเขาชอบความเป็นอิสระ เพราะในเวลานี้ รถราบนท้องถนนที่คลานตามกันมาเหมือนเต่าเพราะติดแหง็กบนถนนตัดเพลินจิตกับวิทยุเพื่อที่จะมุ่งหน้าออกถนนเพชรบุรี
รถติดอย่างนี้เขาคิดว่าคิดจะมุ่งหน้าไปหา
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจจะดีกว่า น่าจะแถวศูนย์การค้าระดับหรูและเพอเฟกต์ยิ่งนักบนถนนราชดำริ เจ้าของดวงหน้าเกลี้ยงเกลาในเสื้อยืดคอปกโปโลสีอ่อนที่เขาสวม ริมฝีปากอมแดงช่างดูเป็นคนเจ้าเสน่ห์ยิ่งนัก
แต่เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นพอดีบุลิศเลยต้องชำเลืองมองดูหมายเลขเครื่องปรากฏว่าเป็นฉายพัดชาเขาจึงกดรับอย่างเสียมิได้
“เอ้อนี่พี่ลิศอยู่ไหนคะนี่ฉายเองนะคะฉายโทร.มาเพราะความคิดถึงรีบกลับถึงบ้านเร็วๆนะคะเอ้อแค่นี้ก่อนนะคะฉายเป็นห่วง”
แค่ได้โทรหาเขาหล่อนก็ดีใจนักหนา
เพราะฉายพัดชานั้นโทร.มาหล่อนคิดยุติคำไว้แค่นี้ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ นึกเบื่อ และเป็นการรบกวนเขาด้วยเนื่องจากว่าเขากำลังขับรถกลับบ้าน ทำให้บุลิศได้แต่รับฟังอย่างงงและก็ไม่เข้าใจว่าฉายพัดชา นั้น ทำไม จะต้องห่วงใยเขาจึงถึงขนาดหวง ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมากแบบนี้ในการที่ถามจู้จี้จุกจิก
“แล้วอย่าลืมโทร.มาหาฉายบ้างนะคะพี่ลิศ” ฉายพัดชาเป็นใคร แล้วเขาเป็นใคร.. เขาไม่ใช่แฟนของหล่อน หากแต่นั้นก็เขารับคำเบาๆเหมือนครางในลำคอ
“ครับน้องฉาย” แค่นี้ก็ทำให้ฉายพัดชาปลาบปลื้มใจเป็นนานครัน
เจ้าของใบหน้าหนุ่มเจ้าเสน่ห์ถอนหายใจอีกครั้ง ตอนนี้เคลื่อนรถตรงดิ่งหักเลี้ยวซ้าย ไปได้ตลอด ทางและขอเข้าเลนในเพื่อจะเบี่ยงรถเข้าไปที่ศูนย์การค้าชื่อดังได้ในทันที พอรถใกล้จะถึงบริเวณสี่แยกโรงพยาบาลตำรวจสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นเขียวทันที
แล่นไปตามเส้นแบ่งของจราจรที่เป็นเส้นโค้งสีขาว อยู่ในฝั่งซ้ายของศูนย์การค้าชื่อดังแห่งนี้แล้วชายหนุ่มค่อยๆชำเลืองรถที่วิ่งมาตามด้านขวามือ