พะพายเดินกลับมาที่ห้องทำงานก็ไปนั่งเคลียร์เอกสารต่อเพื่อทำใบเสนอราคาให้กับทางโรงเรียน ส่วนมาวินเขาเซ็งเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถต่อรองกับเธอได้ แค่ยอมรับหนึ่งล้านบาทไปแล้วทำให้เขาชนะเธอแค่นี้ เขาก็จะได้ไปนั่งตำแหน่งประธานบริษัทส่วนเธอก็จะได้เงินไปใช้ฟรีๆแล้วก็เอาลูกค้ากลับไปเหมือนเดิม เชื่อเถอะว่าค่าคอมมิชชั่นในหนึ่งเดือนน้อยกว่าที่เขาเสนอให้ไม่รู้กี่เท่าตัว ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง เธอเหลือบมองชายหนุ่มเพราะรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าทำงานต่อไป
“มาวินเข้ามาพบผมหน่อย”
เขาหันไปมองตามเสียงเป็นผู้จัดการที่ตะโกนเรียกเขาให้ไปหา ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าไปก่อนจะนั่งลงแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เรียกผมมีอะไรรึเปล่าครับ”
ที่นี่เป็นบริษัทในเครือของเอ็มไพรส์.เอ็มกรุ๊ป ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครนอกจากคนในสำนักงานใหญ่ตำแหน่งสูงๆที่จะเคยเห็นเขาผ่านๆ เนื่องจากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กและเรียนบริหารธุรกิจมายังงงว่าคุณพ่อคุณแม่ให้มาเป็นเซลเขาจะทำได้ยังไงเหมือนแกล้งกันชัดๆ
“อันนี้เป็นข้อมูลของลูกค้าที่สนใจจะซื้อสินค้าพวกอุปกรณ์ไอที ทางนั้นแจ้งความประสงค์มาว่าอยากได้เครื่องถ่ายเอกสารไว้ใช้งานในสำนักงาน นายลองเอาไปศึกษาข้อมูลแล้วโทรศัพท์ไปคุยรายละเอียดดูนะ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
เขารับเอกสารมาก่อนจะยิ้มออกมาทันที ลูกค้ารายแรกของเขามาแล้วไม่ง้อคนบางคนก็ได้ เขาเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องถ่ายเอกสารของบริษัทแล้วก็รีบโทรไปเสนอโปรโมชั่นทันที
“สวัสดีครับผมมาวินเป็นเซลติดต่อมาจากบริษัทเอ็มไพรส์.เอ็มกรุ๊ป ขอเรียนสายกับทางฝ่ายจัดซื้อครับ”
(ซักครู่นะคะ)
พนักงานโอนสายไปให้ทางแผนกจัดซื้อจากนั้นเขาก็เริ่มคุยรายละเอียดทันที ทางนั้นต้องการเครื่องถ่ายเอกสารที่ไม่ต้องราคาแพงมาก หรือถ้ามีข้อเสนอดีกว่านี้ก็พร้อมรับฟัง
“ทางเรามีโปรโมชั่นพิเศษด้วยนะครับ ถ้าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของเราวันนี้จะมีส่วนลดพิเศษให้ด้วยนะครับ”
(แล้วมีราคาประมาณไหนบ้างคะ)
“ถ้าแบบอย่างดีสามารถส่งแฟกซ์ได้ ถ่ายเอกสารออกมาเป็นเล่มโดยไม่ต้องเสียเวลาทำเองก็ราคาไม่แพงครับ 58,000บาท แต่เดี๋ยวผมมีส่วนลดพิเศษให้ครับ”
ทางนั้นมีความลำบากใจนิดหน่อยซึ่งพวกเขาอยากได้เครื่องถ่ายเอกสารจำนวนมากแต่ถ้าต้องซื้อราคาสูงขนาดนี้คงไม่ไหว
(เอ่อ ไม่มีแบบอื่นแล้วเหรอคะคือทางเราต้องการหลายเครื่องแต่ถ้าต้องซื้อทั้งหมดคงไม่ไหวค่ะ มีวิธีอื่นมั้ยคะ หรือว่ามีราคาอื่นแนะนำรึเปล่า)
เขาเกาหัวอย่างมึนงงสุดๆ ก็มาขอซื้อก็นี่ไงราคาที่ให้แล้วบอกซื้อไม่ไหวคืออะไรอ่ะ แล้วเขาจะเอาอะไรไปเสนอให้ล่ะราคาต่ำกว่านี้จะไม่ตรงสเปคที่ทางนั้นต้องการนะสิ
“จริงๆถ้าตามสเปคที่ทางคุณแจ้งมามันมีราคานี้ที่ถูกสุด แต่ว่าถ้าเกิดจะเอาถูกกว่านี้ต้องลดสเปคนะครับ”
เขาก็ไม่รู้ว่าลูกค้าต้องการแบบไหน มาเคสแรกก็วุ่นวายซะแล้ว เขาจะทำยังไงเพื่อให้ปิดลูกค้าคนนี้ได้ไม่อย่างนั้นแม่ต้องโวยวายแน่นอนว่าทำไมเขาถึงทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่ได้สิต้องปิดให้ได้
(ถ้างั้นทางเราขอคิดดูก่อนนะคะ)
เขาไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกันอยู่ๆก็มีกระดาษใบหนึ่งวางลงบนโต๊ะของเขาก่อนจะมีเสียงดังตามมา
“กระดาษของคุณทำตกไว้รึเปล่า”
พะพายเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะเดินกลับไปนั่งทำงานตามเดิม เขาก้มลงดูกระดาษใบนั้นก่อนจะยิ้มออกมาทันทีเมื่อคิดไอเดียดีๆออก
“คุณลูกค้าครับถ้าอย่างนั้นไม่ต้องซื้อเปลี่ยนเป็นเช่าแทนมั้ยครับ คือผมหมายถึงว่าทางเรามีบริการเช่าเครื่องถ่ายเอกสารด้วย ราคาไม่แพงครับอยู่ที่ความต้องการของลูกค้าว่าจะใช้มากหรือน้อย”
(ยังไงคะลองเสนอมาหน่อย)
“ถ้าลูกค้าปริ้นงานต่อเดือนไม่เกิน5000แผ่นก็ตกเดือนนะ3,000บาทเองครับ ถ้าจะมากกว่านี้ก็10,000แผ่นราคาอยู่ที่5,000บาทครับ”
(มีแบบนี้ด้วยเหรอคะดีจัง ถ้าอย่างนั้นขอแบบ5,000บาท 10,000แผ่น ทางเราจะใช้ประมาณ20เครื่องค่ะ ทำสัญญาสองปียังไงทำใบเสนอราคามาได้เลยนะคะ)
เขายิ้มออกมาทันทีอบ้างดีใจอย่างน้อยไม่ได้ขายเครื่องแต่ก็มียอดขาย ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วฝนการทำงานวันแรก
“ได้เลยครับเดี๋ยวผมทำใบเสนอราคาส่งไปให้นะครับ ขอบคุณมากนะที่ใช้บริการบริษัทของเรา”
(ยินดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ)
เขากดวางสายก่อนจะร้องลั่นออกมาอย่างดีใจก่อนจะชะงักไปหันมองหน้าพะพายที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องหน้าคอมอยู่
“นี่คุณ”
“อะไรคะ”
เธอเอ่ยออกมาแต่ไม่ได้มองหน้าเขาเพราะตากำลังจ้องจอคอมพิวเตอร์อยู่ เขาชูกระดาษใบนั้นให้เธอดูก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“คุณช่วยผมเหรอ”
พะพายหันไปมองหน้าเขาก่อนจะตีมึนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขามองเธออย่างจับผิดแต่ผู้หญิงคนนี้นิ่งเกินไปที่จะคาดเดาความรู้สึกว่ากำลังคิดหรือทำอะไร
“ฉันเห็นมันตกก็เลยเก็บไปวางให้มันเกะกะอ่ะ สงสารแม่บ้านด้วยนะคะ”
“งั้นเหรอ…”
เขายักไหล่ไม่สนใจเธออีกก่อนจะหันไปเปิดไฟล์ใบเสนอราคาดูตัวอย่างของคนที่เคยทำแล้วนั่งทำตาม ไม่เข้าใจก็ไปสอบถามผู้จัดการให้ช่วยไม่ได้ยากอะไรเลยเรื่องแค่นี้
และตอนนี้ก็เย็นแล้วได้เวลาเลิกงาน แอรินเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่เธอแค่อยากไปดื่มกับมาวินก็เลยหาเรื่องจัดนั่นนี่
“ทุกคนวันนี้เราไปเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่กันดีกว่า ร้านโกลด์โรสคลับเป็นไงข้างๆนี่เองไปสนุกกัน”
“ก็น่าสนุกนะ พวกเราก็ทำงานจนไม่มีเวลาพักเลยไปผ่อนคลายหน่อยก็ได้ พะพายไปด้วยกันนะ”
หญิงสาวที่ปิดคอมพิวเตอร์เก็บของทุกอย่างเตรียมตัวกลับบ้านก็หันไปมองเอไทม์ที่ชวนเธอไปด้วย เธอพอจะรู้ว่าเขาแอบชอบเธออยู่แต่ไม่เอาอ่ะเธอไม่อยากมีแฟนตอนนี้ ทั้งชีวิตมีแต่คุณยายกับเรียนจบมาก็มีแต่งานไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ในชีวิต
“ไม่เอาอ่ะตามสบายเถอะ”
“ไม่ต้องไปชวนหรอกเอไทม์ นายก็รู้ว่าพะพายนะอีคิวต่ำไม่เข้าสังคมชวนไปก็เท่านั้นแหละ”
แอรินไม่วายเอ่ยแขวะหญิงสาวที่ยืนอยู่ เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปแก้ตัว
“ไม่ได้ไม่เข้าสังคมแต่ว่าฉันงานยุ่ง”
“น่าจะไม่เข้าสังคมจริงๆอ่ะ ทำงานทั้งวันผมไม่เห็นเธอจะคุยกับใครเลย จริงป่ะ”
มาวินยักคิ้วให้หญิงสาวอย่างกวนๆ พะพายทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจจะทะเลาะกับเขา วันนี้เธอเหนื่อยทั้งวันแล้วไม่อยากเถียงกับใครอีก
“ไปแป๊บเดียวเองไปสนุกกันนะ”
ชมพูเขย่าแขนเพื่อนก่อนจะคะยั้นคะยอเธอให้ไปด้วยกัน พะพายถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบรับกลับไป
“อืม แป๊บเดียวแน่นะ”
“จ้ะ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ งั้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของพะพายนะเรามีชุดสำรองอยู่ในรถ”
“อือ ไปสิ”
ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกันโดยมีมาวินมองตามเธอไปอย่างหมั่นไส้ อย่างกับดอกพิกุลจะร่วงอย่างนั้นแหละพูดออกมาแต่ละคำ น่าหมั่นไส้ ชิ!