ใบหน้าสวยคมหันไปมองคนข้างๆเหมือนกำลังจะสื่อว่าไม่ทันแล้ว เธอก้าวขาข้างหนึ่งลงนรกไปแล้ว
“พี่ไม่ต้องห่วงเดมนะคะ เดมรู้ว่าเดมควรพอตอนไหน”
“พี่โครตเกลียดไอ้นั่นเลยว่ะ แม่งมาทำแบบนี้ได้ยังไง” ดูท่าผู้จัดการเธอจะหัวเสียอย่างมาก ใช่สิเรื่องมันควรจะจบดีเเละฉันอยากจะถอดรองเท้าฟาดหน้ามั่นๆของหมอนั่นเข้าโรงบาลสักหน “แล้วกลับห้องหรือไปหาเขา”
เขา ที่พูดถึงซึ้งเป็นคนที่นางแบบสาวคิดไปถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกขาสั่นขึ้นมาพรั่บๆ
“กลับห้องก่อนแหละ”
“อย่าลืมป้องกันทุกครั้งนะเดม”
“เดมไม่ทำอะไรโง่ๆหรอกค่ะ”
“งั้นพี่ไปหาเด็กใหม่ก่อน มีอะไรโทรมาได้ตลอดนะ”
ใบหน้าสวยพยักหน้าก่อนจะโบกมือลาผู้จัดการคนสนิท ชีวิตเธอเหมือนจะดีทุกอย่างแต่ไม่เลย เพราะความเมาบวกกับอกหักทำให้ฉันก้าวขาลงนรกแบบไม่ทันตั้งตัวรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในสถานะประหลาดๆที่ตกลงกับ ‘เขา’ คนนั้น
มือเรียวจับประตูไว้มั่นก่อนจะผลักเข้าไปด้านใน ภายในห้องที่มีเพียงแสงสว่างจะแสงสีเมืองหลวงด้านนอกสาดส่องเข้ามาพอให้เห็นข้าวของมากมายที่อยู่ข้างใน เดิมทีห้องนี้เป็นห้องที่เธอเลือกว่าจะเข้ามาสร้างครอบครัวที่นี้หลังจากแต่งงาน และก็เป็นห้องเดียวกันที่สร้างความทรงจำเจ็บปวดให้กับเธอ
ย้อนไปเมื่อสามเดือนก่อน
หลังจากถ่ายงานแบบสุดท้ายเสร็จเธอตั้งใจเอาชุดที่ไปรับมา มาซ่อนไว้ที่ห้องชุดแห่งนี้เพื่อที่จะเซอร์ไพร้ส์ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอในวันถัดไปซึ้งเราต้องไปทำบุญด้วยกัน เธอจำได้ว่าตอนที่มาหัวใจที่มันฟูฟ่องขนาดไหน ในหัวเมื่อกลับไปถึงห้องยังคงคิดเมนูอาหารหลากหลายที่จะทำรอเขากะจะเซอร์ไพร้ส์ในเซอร์ไพร้ส์
แต่เธอดันเจอเซอร์ไพร้ส์กลับเข้าอย่างจัง
รองเท้าแบรนด์ที่เธอชอบที่เธอใฝ่ฝันมันถอดอยู่กลางห้อง เสื้อผ้าผู้หญิงที่เธอไม่ยักรู้ว่าไปมีชุดคอลเลคชั่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เกลื่อนกราดอยู่ในห้องนั่งเล่นกระเป๋าใบนั้นที่จำไม่อยากจะได้ว่าตัวเองเคยซื้อนั่นอีก ห้องนอนของเราที่ฉันยังไม่เคยได้นอนสักครั้ง
แต่หมอนั่นกลับพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามานอน!
‘คุณแต่งงานแล้วเราจะได้เจอกันอีกไหมคะ’
‘ได้เจอสิครับ ผมมีเวลาให้ที่รักผมเสมอ’
เสียงทั้งสองนี่มันก็ช่างคุ้นหูเธอซะเหลือเกิน
เหมือนกับว่าในห้องนั่นคือว่าที่เจ้าบ่าว และ! เพื่อนรักเธอเอง
‘ฉันรู้สึกผิดกับยัยเดมจังเลยค่ะ’
‘ไม่ต้องคิดมากนะครับ เดมไม่มีทางรู้เรื่องของเราได้ใครจะคิดว่าคุณที่เป็นเพื่อนรักของเธอจะกล้ามายุ่งกับผม’
‘พูดแบบนี้ฉันดูเลวเลยนะ’
‘ผมชอบผู้หญิงเลวๆแบบคุณนี่แหละครับมันถึงเร้าใจ จืดๆแบบนั้นแถมยังหวงตัวอยู่ได้ทำเหมือนไม่เคยโดนทั้งที่โดนออกจะบ่อย’
โลกสีชมพูของเธอกำลังพังลงยับเยิน
เขาแอบกินกันลับหลังเธอมานานแสนนาน นานชนิดที่ว่าเธอไม่เคยสังเกตและไม่เคยจับได้ เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำวันนั้นเดินออกจากห้องไปถึงร้านเหล้าได้ยังไง หัวใจมันชาความรู้สึกมันยับเยินจนพูดไม่ออก ห้องที่เราช่วยกันหาเงินซื้อเขากลับพาคนอื่นไปอยู่ก่อนเธอเสียด้วยซ้ำ
บัดซบสิ้นดี!
“คิดอะไรอยู่เหรอ” เสียงทุ้มคุ้นหูปลุกให้คนที่จมอยู่กับความคิดได้สติ ใบหน้าสวยหันไปมองด้านหลังก่อนจะเห็นว่าตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่แล้ว “เข้ามาสิ”
อะไรทำให้ฉันคิดมาที่นี้นะ ฉันมองดูบ้านสองชั้นขนาดกลางก่อนจะมองไปรอบๆมันไม่มีบ้านหลังอื่นหรอกเพราะนี้เป็นบ้านส่วนตัวของ ‘เขา’ คนนั้น
“มารบกวนหรือเปล่าคะ”
ดาวิสา มณีรัตศิริ ปัจจุบันทำอาชีพนางแบบและนักแสดงแต่ส่วนมากจะรับงานถ่ายแบบมากกว่าการแสดง อายุ 28 ปี เข้าวงการมาได้ 5 ปีแล้ว เป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควร ถึงแม้ครอบครัวจะได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจแต่ก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวพูดเรื่องครอบครัวออกสื่อสักครั้ง
“ไม่ครับ วันนี้ผมเคลียร์งานเสร็จแล้วดีเหมือนกันที่คุณมา” ใบหน้าคมเข้มปรายตามองร่างอรชรก่อนจะแกะกระดุมเสื้อลงมาสองเม็ด ร่างสูงเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาก่อนจะมีคนเอากาแฟมาเสิร์ฟ
“ฉันเหมือนจะต้องการคุณตลอดเลย ขอโทษนะคะ”
“ผมเป็นผู้ชายนะคุณเรื่องแบบนั้นผมก็ชอบเหมือนกัน” เขาพูดพร้อมกับตบมือลงที่นั่งข้างๆ ดาวิสาสืบเท้าไปใกล้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา “วันนี้ลองในสระน้ำไหม”
“ฉันยังต้องทำงานวันพรุ่งนี้ตอนเช้านะคะ” เธอท้วงติงก่อนจะได้รับรอยยิ้มน้อยๆกลับมา “แต่ก็ได้ค่ะ ไปกัน”
มือเล็กคว้าแขนของอีกคนให้ลุกขึ้นตามก่อนที่ทั้งสองจะหายเข้าไปภายในสระน้ำส่วนตัวของบ้านพัก
“ผมชอบที่คุณดูพร้อมเสมอ”
“คุณสอนฉันให้ชอบมันเองนะคะ”
รอยยิ้มเคลือบไปด้วยเสน่ห์เหลือล้นมันยากมากที่จะตัดใจเบนสายตาหนี แต่เพราะรู้ว่าหลงเข้าไปไม่ได้ดาวิสาจึงยื่นมือไปลูบไล้แผงอกแน่นๆแทน มือเล็กซุกซนลูบไล้ไปมาทั่วหน้าท้องแกร่งลูบๆคลำๆซิกแพค ก่อนจะผลักให้เขานั่งลงที่เก้าอี้นอนรับแดดก่อนที่เธอจะโน้มตัวตามลงไปแนบชิดไม่ห่าง
เราจูบกันได้ทุกที่ยกเว้น ‘ปาก’