กลิ่นแปลกปลอมที่ว่านั้นเป็นกลิ่นที่จมูกของเขาจดจำและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
มีใครสักคนแอบเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต และคน ๆ นั้นก็ยังอยู่ในนี้แน่ ๆ เพราะกลิ่นน้ำหอมที่มนต์มีนาใช้เป็นประจำชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้องทำงานแล้ว
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมุมปาก พิชยะไม่รู้หรอกว่าเธอเข้ามาทำอะไรในห้องนอนของเขา แต่เพื่อให้เป็นบทเรียน
อย่างน้อยเขาก็ควรจะจัดการกับคนที่แอบเข้ามาในห้องนอนของคนอื่น หนำซ้ำยังเป็นเวลาที่เจ้าของห้องออกไปข้างนอก
ร่างสูงโปร่งเดินไปยังมุมห้องที่มีเสื้อเชิ้ตแขวนอยู่ จากการวางข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในห้องนี้ ก็ไม่น่าจะมีพื้นที่ให้มนต์มีนาหลบซ่อน
นอกจาก…ใต้โต๊ะแคบ ๆ นั่น ศัลยแพทย์หนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์
มนต์มีนาแทบจะกลั้นหายใจทำตัวเองให้ลีบเล็กประหนึ่งลูกแมวตัวน้อยหลงเข้ามาในที่ถ้ำเสือ เมื่อมองเห็นเจ้าของห้องเดินมาใกล้
หนำซ้ำยังยืนอยู่ห่างจากเธอไปไม่กี่ก้าว
สายตากลมโตค้างนิ่งราวกับถูกสะกด ชายหนุ่มถอดเชิ้ตบนตัวออกจนเธอมองเห็นกางเกงชั้นในสีเข้มหมิ่นเหม่อยู่บนขอบกางเกงผ้าเนื้อดี
พิชยะเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีมากคนหนึ่ง อาจเพราะเขาเป็นคนชอบออกกำลังกายล่ะมั้ง ช่วงเอวถึงได้ดูแข็งแรงแบบนั้น
คนอะไรก็ไม่รู้ช่วงขายาวชะมัด ไหล่ก็กว๊าง…กว้าง แผ่นอกนั่นก็อุดมไปด้วยมัดกล้าม ท่อนแขนขาว ๆ มองเห็นเส้นเลือดยันเส้นเอ็น นิ้วมือเรียวยาวสวยสมกับที่เป็นศัลยแพทย์
ตายแล้วมีน นี่เธอกำลังคิดลามกอะไรอยู่
เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นเมื่อตัวเองเผลอไปสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย รีบซุกใบหน้าลงไปกับเข่าทั้งสองข้างกอดสมุดรายงานตัวต้นเหตุอยู่หลายอึดใจ
พิชยะสวมเสื้อตัวใหม่อย่างใจเย็นทั้งที่เวลานี้เขาควรจะถึงโรงพยาบาลแล้ว
นึกอยากแกล้งคนที่กำลังลอบมองอยู่ อยากรู้นักว่ากล้ามท้องเป็นมัดและกล้ามแขนขาว ๆ ล่ำ ๆ ของเขาจะทำให้ใครบางคนแถวนี้แอบเช็ดน้ำลายหรือเปล่า
คิดไปก็พลางยิ้มอยู่ในใจ...
หลังจากติดกระดุมเสื้อด้วยความเอื่อยเฉื่อยพิชยะก็สวมเสื้อตัวใหม่เสร็จสักที
ร่างสูงเปิดประตูออกไปจากห้องทำงาน เสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อย ๆ
หญิงสาวลืมตาขึ้นรู้สึกโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก แน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยดีแล้วเธอก็ค่อย ๆ ลุกออกจากใต้โต๊ะ
ทว่าจังหวะจะเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตูห้องก็ดันเปิดออก
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนเป็นผู้ร้ายถูกตำรวจจับได้โดยละม่อม
เขาออกไปจากห้องแล้วไม่ใช่เหรอ???
สีหน้าชายหนุ่มไม่ปรากฏความประหลาดใจ หากแต่สายตาคมคายกลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“จับได้แล้ว” ใบหน้าของมนต์มีนาซีดเผือดเป็นไก่ถูกต้ม เธอควรจะอธิบายสาเหตุที่เข้ามาในนี้ หรือควรจะไขข้อสงสัยของประโยคเมื่อครู่ก่อนดี
“เข้ามาทำอะไร”
"เอ่อคือ…มีนเข้ามาเอาสมุดรายงานค่ะ พอดีว่าฟินน์ถือติดมือเข้ามา” ใบหน้าหญิงสาวผ่าวร้อนคล้ายคนมีไข้อ่อน ๆ
แต่ไม่ใช่เพราะเธอถูกอีกฝ่ายจับได้หรอกนะ ภาพในตอนที่พิชนะถอดเสื้อยังติดตาอยู่ต่างหาก
“งั้นเหรอ” สมุดรายงานที่ถืออยู่ในมือทำให้คำแก้ตัวของมนต์มีนาพอจะมีน้ำหนักให้เชื่อถือได้ แต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี
“ค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ที่เฮียพูดหมายความว่าไงคะ ที่ว่าจับได้แล้ว” ไม่อยากปล่อยให้ความสงสัยค้างคาในใจเธอจึงตัดสินใจถามออกไป
“ก็จับแมวที่แอบเข้าห้องคนอื่นได้ไง”
“ก็มีนบอกแล้วนี่คะว่ามีนแค่มาเอาสมุดรายงาน” เถียงไปทันควัน เธอมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนมีมารยาทคนหนึ่ง
ที่ผ่านมาไม่เคยเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนของเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้มันจำเป็นหรอก
“งั้นฉันไม่ถือโทษเอาเรื่องนี้ก็ได้แต่เรื่องที่เธอแอบมองฉัน จะว่ายังไง” สายตาที่จ้องลงมาราวกับเขาเป็นผู้พิพากษายืนอยู่บนบัลลังก์ ส่วนเธอคือนักโทษที่ทำความผิดไว้ร้ายแรง
เธอแค่มองนิด ๆ หน่อย ๆ มันไม่ทำให้ส่วนไหนของร่างกายสึกหรอไม่ใช่เหรอ
“มีนไม่ได้มองนะคะมีนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” น้ำเสียงหนักแน่น หากแต่มนต์มีนากลับหลบสายตาจับผิดของอีกฝ่าย
เลิ่กลั่กน่าดู
“ก็ดี เพราะฉันไม่อยากให้ใครเห็นรอยสักที่หน้าท้อง”
“หน้าท้องเฮียไม่มีรอยสักนี่คะ”
บิงโก
เขามองเธอพร้อมกับพูดประโยคนี้อยู่ในใจแน่ ๆ
------------
คาหนังคาเขาขนาดนี้ ไม่จับทำโทษได้เหรอ คูมหมออออ