“ไหนบอกว่ามันเรียนแถวบ้านไง” ผมมองไปยังโต๊ะที่ว่า แต่ถึงมองก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นแฟนเก่ายัยลูกหมูก็เลยลากสายตากลับ
“นั่นนะสิ” คนพูดย่นคิ้วหากันอย่างครุ่นคิด “อาทิตย์ก่อนทิมยังเห็นโพสต์รูปคู่กับแฟนใหม่อยู่เลย แล้ววันนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เธอเป็นพวกเจ็บแล้วส่องสินะ”
“เอ้า... ก็รู้เขารู้เราไงพี่ปั้น ดูให้เจ็บ เจ็บแล้วก็จำ”
“โรคจิต” เป็นผมผมไม่ดูให้เสียสายตาหรอก ในเมื่อเลือกจะตัดใจก็ต้องตัดทุกอย่างออกไปด้วย ไม่ใช่ตามส่องตามดู แล้วชาติไหนจะตัดใจได้ขอถามหน่อย “ว่าแต่ที่บอกโดนนอกใจมันยังไง”
ยัยลูกหมูหลี่ตามองประมาณว่า ‘ใส่ใจเก่งอีกแล้วนะคะ’ แต่อย่างนั้นก็ยอมเล่าว่าแฟนเก่าแอบไปคุยกับผู้หญิงต่างโรงเรียน เจ้าตัวจับได้ตอนที่พวกเขาไปดูหนังด้วยกัน คราวแรกต่างฝ่ายต่างปฏิเสธบอกว่าเป็นแค่เพื่อน แต่พอมีคนอื่นมาเป็นพยานว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันก็เลยจำนนด้วยหลักฐาน ทั้งคู่ยอมรับว่าแอบคบกันตั้งแต่มอสี่ ด้านยัยทับทิมที่คบกับแฟนมาตั้งแต่มอสามก็โดนสวมเขามาเกือบสองปีเต็ม
“ผ่านมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว” เอื้อมมือลูบหัวคนฝั่งตรงข้าม ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่ายัยลูกหมูที่ร่าเริงอยู่เสมอจะเคยเจอเรื่องหนักขนาดนี้ ถึงผมไม่เคยอกหักแต่ก็เข้าใจดีว่าการถูกคนที่เราไว้ใจหักหลังมันเจ็บปวดขนาดไหน ผมผ่านมันมาแล้วประสบการณ์โคตรเหี้ยที่ไอ้อี้เคยฝากไว้
“ทับทิม? ไม่คิดว่าจะเจอทิมที่นี่” เสียงทักอย่างตื่นเต้นที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมดึงมือกลับแล้วหันมองตามเสียงเพราะอยากรู้ว่าใครกันเป็นคนพูด
อย่าบอกนะว่าไอ้หล่อน้อยคนนี้คือแฟนเก่า?
“เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอเท่ห์ที่นี่” ชื่อเท่ห์? แต่ทำไมถึงไม่มีความเท่โผล่ให้เห็นเลยสักนิด เห็นแต่ความเหี้ยที่ติดอยู่บนหน้า หล่อน้อยแล้วนิสัยยังเหี้ยอีกไม่ไหวกับเด็กสมัยนี้
“มีอะไรก็พูด มองหน้าเพื่อ?” เลิกคิ้วถามคนที่เอาแต่มองหน้า อยากถามว่ากูเป็นใครก็ถามเลยจะอ้ำอึ้งเหมือนอึ่งอยู่ทำไม
“พี่ปั้น” ยัยลูกหมูส่ายหน้าขึงตาใส่
“อะไร ฉันพูดผิดรึไง ที่มันยืนโด่อยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่มีใครเชิญก็เพราะมันอยากรู้ว่าฉันเป็นใครแล้วเป็นอะไรกับเธอ หรือไม่จริง?” ประโยคสุดท้ายผมหันไปหาไอ้เท่ห์ที่ไม่ค่อยจะเท่ ไม่รู้แม่มันคิดยังไงตอนตั้งชื่อนี้ให้ ไม่เข้ากับหนังหน้าลูกตัวเองแบบสุด ๆ
“ไหน ๆ ก๋วยเตี๋ยวก็ยังไม่มา งั้นเราขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
บ๊ะ! ไอ้เด็กนี่กล้าเมินผมอย่างนั้นเหรอ แถมยังกล้าขอคุยกับแฟนเก่าที่ตัวเองนอกใจอีกต่างหาก อะไรจะหน้าหนาขนาดนั้น
“ได้สิ” ถึงกับอึ้ง อึ้งว่าไอ้เท่ห์หน้าหนา แล้วยังต้องมาอึ้งกับยัยลูกหมูที่ใจอ่อนให้แฟนเก่าหน้าส้นตีน
ไอ้ปั้นอยากจะกรี๊ด!
TubTim part
พี่ปั้นดูไม่พอใจที่ฉันออกมาคุยกับเท่ห์ ตัวฉันเองก็ไม่ได้อยากมาขนาดนั้น แต่ที่ยอมก็เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะคุยเรื่องอะไร
“เราคิดถึงทิม” ตลกดี คนที่สร้างบาดแผลจนฉันแทบไม่เป็นผู้เป็นคนหลายเดือนมีสิทธิ์พูดคำว่าคิดถึงด้วยอย่างนั้นเหรอ
“แต่เราไม่คิดถึงเท่ห์นะ” แน่นอนว่าตอนนี้ไม่แล้ว ความคิดถึงบ้าบออย่างเมื่อก่อนอย่าได้ฝันว่าจะได้มันจากฉันอีก
“ใจร้ายจัง”
“อย่างเราเทียบเท่ห์ไม่ติดหรอก”
“ทิม เราขอโทษ” ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อเท่ห์ตั้งท่าจะเดินมาจับมือ
“เรารับคำขอโทษ แต่อย่ามาแตะต้องตัวเราตามใจชอบ” ฉันไม่ใช่คนหัวอ่อนที่ได้ยินคำขอโทษแล้วใจเหลวเป็นขี้ผึ้งโดนไฟลน คนอย่างทับทิมเจ็บแล้วจำ!
ฉันยังจำความเจ็บปวดในวันที่รู้ความจริงได้อยู่เลย ร่างกายไม่มีสักบาดแผลแต่ทำไมใจถึงปวดนักก็ไม่รู้ เฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทำอะไรผิดอีกฝ่ายถึงได้แอบคบกับคนอื่น หรือเพราะฉันอ้วนเกินไป หุ่นไม่สวยเพรียวเหมือนผู้หญิงคนนั้น หรือเพราะชอบกินแต่หมูกระทะ ไม่ชอบกินสลัดผักอย่างสาว ๆ พิมพ์นิยม แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนเท่ห์ก็ไม่ควรนอกใจฉันอยู่ดี ถ้าอยากคบคนอื่นก็แค่เดินมาบอกกันตรง ๆ ฉันแมนพอที่จะยอมรับความจริง ไม่รั้งไม่ยื้อ เพราะฉันรู้ว่าคนหมดใจขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไปอยู่ดี
“เราเลิกกับเขาแล้วนะ” เขาที่ว่าก็น่าจะหมายถึงแฟนใหม่ที่นอกใจฉันไปนั่นแหละ
“มาบอกเราทำไม” ฉันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่รู้จะมาพูดให้ฟังทำไมมันระคายหู เรื่องของผีเน่ากับโลงผุฉันไม่อยากฟังมันนักหรอก
“เราอยากขอโอกาส ทิมให้โอกาสเราได้ไหม เราอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม” เท่ห์ขยับมากุมมือฉันด้วยความเร็ว อยากสะบัดออกแต่อีกฝ่ายกลับบีบเอาไว้แน่น
“ปล่อยมือเราเดี๋ยวนี้”
“ไม่! จนกว่าทิมจะให้โอกาสเรา เราผิดไปแล้วจริง ๆ เราหลงผิดคิดว่ายัยนั่นเป็นนางฟ้า ที่ไหนได้เอาแต่หึงหวง ไม่เหมือนทิมที่น่ารัก พูดจาก็เพราะไม่เคยทำให้เราลำบากใจ” เหอะ! ผ่านมาเป็นปีความดีฉันพึ่งโผล่รึไงย่ะ
“เรื่องของเรามันจบไปแล้วเท่ห์ ทิมไม่เคยมีความคิดที่จะกลับไปคบกับเท่ห์อีก”
“ไม่จริง เท่ห์รู้ว่าทิมยังรักเท่ห์ ไม่อย่างนั้นทิมจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองทำไม ทั้งหุ่น ทั้งการแต่งตัวแต่งหน้า ทิมทำเพราะอยากให้เท่ห์เสียดายแล้วกลับมาไม่ใช่รึไง” กรอกตาให้กับความมั่นหน้า รวบรวมเรี่ยวแรงสะบัดมือที่กุมอยู่ออกได้จนสำเร็จ
“ที่ทิมเปลี่ยนตัวเองไม่ใช่เพราะทิมยังรักเท่ห์ แต่ที่ทิมทำเพราะทิมรักตัวเอง เท่ห์คิดว่าทิมจะเอาเวลาแสนมีค่าไปนั่งฟูมฟายร้องไห้กับคนที่นอกใจทิมอย่างนั้นเหรอ ไม่อ่ะ ทิมว่ามันเสียเวลา อีกอย่างตอนนี้ทิมก็มีแฟนใหม่แล้ว ออกมาเถอะค่ะพี่ปั้น” เรียกคนที่แอบฟังอยู่ให้ออกมา พี่ปั้นยิ้มเจื่อนเดินมาหา หูนี่แดงเชียวสงสัยอายน่าดูที่โดนฉันจับได้ “ช่วยแสดงละครเป็นเพื่อนทิมทีนะคะ” ฉันกระซิบบอกเสียงเบา
“ทิมจะบอกว่าคนนี้คือแฟนใหม่ทิมอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ แฟนทิมหล่อใช่ไหมล่ะ” ฉันคล้องแขนพี่ปั้นแล้วเอียงหน้าซบไหล่ พี่ชายดูเกร็ง ๆ แต่ก็ไม่ได้ห้าม
“ทิมโกหก เรารู้ว่าทิมชอบคนยาก ไม่มีทางที่ทิมจะมีแฟนใหม่หลังจากเลิกกับเราได้แค่ปีเดียว” ถือว่าเท่ห์รู้จักฉันดี แน่นอนว่าฉันไม่ได้มีแฟนใหม่อย่างที่บอก เวลาแค่ปีเดียวไม่เพียงพอให้ฉันคิดอยากเริ่มต้นใหม่กับใครทั้งนั้น ที่ดึงพี่ปั้นเข้ามาก็แค่อยากตัดปัญหาให้เท่ห์เลิกวุ่นวาย
“ที่จริงทิมก็ไม่ได้ขอให้เท่ห์เชื่อหรอกนะ แต่ทิมเห็นว่าเท่ห์มั่นใจเกินไปที่คิดว่าทิมไม่สามารถตัดใจได้ ทิมก็เลยจะทำให้ดูว่าคนอย่างเท่ห์ไม่มีผลอะไรกับชีวิตทิมอีกต่อไป” ว่าจบก็ดึงคอเสื้อคนที่ซบไหล่ก่อนหน้านี้ลงมา พี่ปั้นเลิกคิ้วงงกับการกระทำของฉัน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบาย ยืดตัวใช้ปากตัวเองประกบปากพี่ปั้นอย่างแนบแน่น แขนเล็กเกี่ยวรอบลำคอหนา พี่ชายไม่ได้ผลักใสแถมยังใช้แขนยาว ๆ โอบฉันเข้าไปแนบชิดกว่าเดิมอีกต่างหาก
End part.