โกดังท่าเรือ
ช่วงเวลาค่ำคืนอีกวันนึง กลุ่มมาเฟียอยู่กันครบหน้า มากพร้อมไปด้วยอาวุธปืน อุปกรณ์ต่อสู้ต่างๆ เวลางานจริงจังไร้เครื่องดื่มมึนเมา สีหน้าเคร่งเครียด บรรดาลูกน้องคนสนิทต่างยืนรอฟังอยู่ใกล้กัน
"ยาตัวนี้ใช้เป็นตัวแรกก่อนเริ่มเจรจา" ซีคิวนับเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่ม ควักหลอดแก้วบรรจุยาผงสีขาวมุก กับอีกอีกหลอดค่อนข้างเป็นของเหลว ออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต เลื่อนไปวางตรงหน้ามิเกล ท่าทางสุขุมแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ประจำตำแหน่งอยู่หัวโต๊ะเพียงคนเดียว
"ให้คนของเราผสมไปกับเครื่องดื่มบนเรือ แล้วอีกหนึ่งหลอดคือตัวแก้ หากพลาดดื่ม"
"รอบนี้มิเกลจะเป็นคนลงไปกับเรือของเรา" ชาร์คเสนอตามแผนที่ได้วางคร่าวๆก่อนหน้านี้
"ปกติเราไม่เคยใช้ผู้หญิงนี่เฮีย แค่ผมคนเดียวก็พอมั้ง" เปเปอร์พูดยกยอตัวเอง มันรู้สึกขัดใจเวลาได้ยินชื่อนี้ถูกกล่าวอ้างเสี่ยงอันตราย ใบหน้าคมคายยกยิ้มเจ้าเล่ห์
"พอเรือเทียบท่าที่ไต้หวัน เปลี่ยนใช้เรือสำราญทันที แล้วมิเกลจะใช้โอกาสนี้แฝงตัว" สกายอธิบายบอก ทุกคนในนี้ต่างรู้ หญิงสาวไม่ใช่อ่อนคนแอเหมือนรูปกายภายนอก เธอนั่งนิ่งไม่ได้แสดงความรู้อะไรผ่านสีหน้า กลับให้ความสนใจกับอาวุธปืนมากกว่าเสียอีก
"ไม่มีงานไหนไม่อันตราย" ปืนนั่งฟังมานานจำต้องพูดขึ้น พวกเขาเดินทางไกลกับเส้นสีเทามืดสนิท ไม่ว่าร้ายขนาดไหน ย่อมเป็นเรื่องปกติไปเสียหมดแล้ว
"งานนี้ตกลงใช่ไหม" ซีคิวหันมาทางหญิงสาว ตามด้วยคนอื่นเฝ้ารอคำตอบ สายตาคมคายรุ่นน้อง กลับเลิกตามองแฝงความหมาย
"ตกลง" มือบางจับกระบอกปืนและหยิบกระสุนชนิดพิเศษ จากทางพวกเขาคิดออกแบบมา
"แล้วใครคือคนเจรจา?" ซีคิวเอ่ยถาม ขมวดคิ้วหนาเพ่งมองขอความคิดเห็นจากปืน
"ผมเสนอตัวเอง" เปเปอร์ยกมือขึ้น ใบหน้าทะเล้นแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง หวังให้ทุกคนเชื่อมั่น
"ตกลง เพราะเปอร์ได้ภาษาทางนั้นอยู่แล้ว แล้วทุกคนคือมีงานรออยู่" สกายเริ่มจริงจังตามกัน ช่วงภรรยาใกล้คลอดลูกแฝด ยิ่งไม่อยากจากไปไกล
"เอาเป็นว่าคืนนี้มิเกลไปฝึกรวมกับเปเปอร์" ชาร์คออกคำสั่ง หลังโกดังถูกออกแบบมาเพื่อฝึกผละกำลังต่างๆอยู่แล้ว
"แต่.." เสียงใสพูดขึ้นขัด ดวงตากลมยังเพ่งกระบอกปืนจับถนัดมือ
"พี่ไม่สะดวก?" เปเปอร์ยกคิ้วหนา ใบหน้ายียวนถาม สร้างความหมั่นไส้แก่คนตรงข้าม
"ว่าไง" ชาร์คหันมาถามอีกรอบ
"ไม่มีไร" จบคำพูด ร่างบางรีบลุกไปพร้อมกระบอกปืนเดินออก ตามด้วยเหล่าดี้การ์ดจำนวนนึง
"บางครั้งกูก็เดานิสัยไม่ออกนะเอาจริง" ชาร์คส่ายหน้าไปมา ป่านนี้แล้วยังไม่เคยเดาทางความคิดของมิเกลถูกเลย ส่วนคนอื่นไม่ต้องพูดถึง
"ไม่เห็นยากเลยเฮีย" เปเปอร์ลุกตาม เลือกเอาอาวุธปืนใกล้เคียงกับขนาดของมิเกล เดินไปทางหลังโกดัง
หลังโกดัง
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เสียงรัวกระสุนลั่นใส่เป้าดังต่อเนื่อง ภายในนี้ออกแบบมาเพื่อเก็บเสียงต่างๆ แล้วมีบอดี้การ์ดจำนวนนึงฝึกการต่อสู้จากครูฝึกหน่วยรบพิเศษ
"ยิงรัวขนาดนี้เหมือนระบายอารมณ์" เปเปอร์เดินตามมาอยู่ข้างหลังบาง ยื่นไปในใกล้กับไหล่มน เล็งเป้าหมายอันเดียวกัน คำพูดปั่นประสาททำมิเกลลั่นไกต่อเนื่อง
"จะทำอะไร"
"ใช่ว่าเป้าอยู่กับที่เสมอไป อย่าวางใจกับสิ่งที่เห็น"
"เพื่อ?"
"ผมแค่จะฝึกเท่านั้นเอง ต้องร่วมงานกันอย่าลืมสิ" เขาไม่ฟังเสียงใสเตือน ยกท่อนแขนแกร่งส่งสัญญาณบอกลูกน้อง ทันใดนั้นเป้ากระดาษเลื่อนสลับที่รวดเร็ว กล้ามอกเขยิบเข้ามาแนบชิดแผ่นหลังบาง ฝ่ามือหนาเอื้อมจับทับมือเรียว กระบอกปืนอันเดียวกัน โดยเธอไม่อาจต้านแรงชาย ลมหายใจกลิ่นเจือปนบุหรี่รดแก้มเนียน เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งไม่มีใครได้เห็น
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เสียงรัวกระสุนดังขึ้นใหม่อีกครั้ง กระบอกปืนโดนควบคุมจากมือหนา กำลังทับมือเรียวไว้ เรียกสติจากสมองเล็กมาจดจ่อ ดวงตาสองคู่จ้องมองเป้าหมาย แรงกระตุ้นอกข้างซ้ายด้านหลัง มาโจมตีซะคนด้านหน้าแทบเสียอาการตาม
"พอมีผมทีงี้เก่งเชียว" สิ้นเสียงกระสุน มือเรียวรีบสลัดมือออก หันมาผลักอกแกร่ง แบบไม่พอใจ จ้องด้วยสายตาตำหนิ
"ไม่ได้ขอ"
"ผมไม่เคยเสนอตัวเองให้ใคร พี่เป็นคนแรกเชียว ยิ้มหน่อยสิ"
"ปัญญาอ่อน" เธอนึกหมั่นไส้อยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่นัยน์ตาคมคู่นี้เป็นประกาย ใบหน้าฉายแววเล่ห์เหลี่ยม ไม่ต่างกับนิสัยชายคาสโนว่าไม่อาจลบออก
"ช่วยไม่ได้นะ...ผมยัดเยียดไปแล้ว" เปเปอร์รั้งเอวบางมาแนบชิด เอ่ยเพียงเบาๆในประโยคใกล้หู และขบเม้มมันอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหัวเราะอารมณ์ดีแยกตัวไปอีกฝั่ง ลอบมองตลอดเวลา
.............................
ยัดเยียดก็มา5555 พระเอกเราเกินต้านนะเรื่องนี้