ราวกับว่าจงใจแสดงสถานะระหว่างเขากับกานต์ให้ชัดเจนว่าใครอยู่ในสถานะไหน ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น เพราะออสตินสังเกตท่าทางของเด็กหนุ่มมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าค่อนข้างจะเกร็งกับเขาจนวางตัวไม่ถูก เขาก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าเป็นเพราะกานต์ไม่คุ้นชินกับเขาซึ่งมีสถานะไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้า แต่ในเมื่อตกลงปลงใจมาอยู่กับเขาแล้ว ดังนั้นก็ควรที่จะตระหนักไว้ตลอดว่าเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าอย่างที่เด็กหนุ่มรู้สึก
ได้ยินแล้ว กานต์ตอบรับเสียงแผ่ว “ครับ”
“ส่วนเรื่องอนาคตของเธอ ฉันอาจจะถามเร็วไปหน่อย แต่ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็มาบอกฉัน จะได้วางแผนเตรียมตัวล่วงหน้า”
“ผมขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ”
กานต์รู้สึกว่าตัวเองถูกเร่งรัดอีกรอบก็ว่าเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ในใจก็รู้สึกไม่มั่นคงไปด้วยเมื่อจู่ๆ ออสตินก็คุยเรื่องนี้ มิหนำซ้ำยังพูดวนเรื่องระยะเวลาที่ต้องอยู่ในอาณัติซ้ำไปซ้ำมา ราวกับว่าจริงๆ แล้ว ออสตินไม่ได้อยากให้เขามาอยู่ที่นี่สักเท่าไร แต่ที่ยื่นข้อเสนอมาให้นั่นเป็นเพราะได้สัญญากับแม่ของเขาเอาไว้
ก็นะ ถึงออสตินจะไม่ได้อยากให้มาอยู่จริงๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา เขาอาจจะอยากทำความต้องการของภรรยาที่เสียไปให้สำเร็จก็เป็นได้ แล้วกานต์เป็นคนตกปากรับคำมาเองนี่นา จะโทษใครก็ไม่ได้ อันที่จริงต้องขอบคุณออสตินเสียอีกที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้เขา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเคว้งคว้าง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีต่อจากนี้หลังจากที่เหลือตัวคนเดียวแล้วแน่ๆ
“ได้ เธอยังมีเวลาอยู่อีกหนึ่งปี คิดให้ดีเพราะมันมีผลต่ออนาคตเธอ”
ออสตินไม่ยี่หระสักเท่าไร ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งแล้วเหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งก้มหน้า ขมวดคิ้วราวกับขบคิดอะไรบางอย่าง
“แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะไล่เธอไประหว่างที่เธออยู่ที่นี่ ทำใจให้สบายเถอะ ฉันรับปากกับแม่เธอไว้แล้วว่าถ้ามีโอกาสก็จะดูแลเธอเหมือนลูก” จากนั้นก็เผยอยิ้ม “ถึงฉันจะไม่เคยมีลูกมาก่อนก็เถอะนะ อาจจะดูแลได้ไม่ดีนัก แต่ฉันจะพยายาม แปลกดีนะ มีลูกทั้งที กระโดดข้ามเป็นเด็กวัยรุ่นเลย แต่ก็ยังดีกว่าต้องมาคอยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ล่ะนะ”
กานต์หัวเราะออกมาเมื่อสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย เห็นอย่างนี้ ออสตินเองก็มีมุกตลกอยู่เหมือนกัน แต่ในหัวของเขาก็ยังคงขบคิดเรื่องที่ออสตินพูดไม่เลิก แล้วก็ต้องหยุดคิดไปเมื่อออสตินตบท้าย
“เหตุผลที่ฉันไม่อยากให้เธอเรียกชื่อก็เพราะอย่างนี้ เธอเป็นลูกฉัน เรียกว่าแด๊ดดี้แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว”
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เอาเข้าจริงแล้วความรู้สึกเป็นพ่อเป็นลูกกับผู้ชายที่เป็นสามีของแม่ซึ่งเขาไม่ได้สนิทสนมด้วยเลยมันไม่มีแม้แต่น้อย ทว่าก็พยายามจะบอกตัวเองว่าการที่อีกฝ่ายเอ็นดูตนเองก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ถึงแม้ว่าข้อเสนอในการดูแลของเขามันจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็เถอะ
“แล้วเตรียมเอกสารสำหรับไปยื่นให้ทางโรงเรียนหรือยัง”
ฉับพลันหัวข้อสนทนาใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น เรื่องนั้นกานต์เตรียมไว้หมดแล้ว
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ออสตินยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะว่าออกมานิ่งๆ
“my good boy”
เป็นครั้งแรกที่กานต์ได้ยินพ่อเลี้ยงของเขาพูดภาษาอังกฤษ แต่ไม่นึกเลยว่าคำแรกที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นคำนี้
“เป็นเด็กดีมาก ถึงจะคิดเรื่องอนาคตตัวเองน้อยไปหน่อยแต่รู้จักรับผิดชอบดี ฉันชอบเด็กมีความรับผิดชอบ มันทำให้ฉันอยากจะใจดีด้วย ถ้าเธอทำตัวเป็นเด็กดีอย่างนี้สม่ำเสมอ สักวันฉันจะให้รางวัล”
ไม่รู้ว่าชมจากใจจริงไหม กานต์รู้อย่างเดียวว่าคำพูดนั้นทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แม่ครับ...ผมชอบพ่อเลี้ยงคนนี้
แวบหนึ่งก็รู้สึกอย่างนั้นขึ้นมา ถึงออสตินจะทำให้เขาประหม่าในหลายๆ อิริยาบถ ทว่าก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ออกจะดีมากๆ เลยด้วยซ้ำถ้าเทียบกับพ่อแท้ๆ ของเขาที่ทั้งทำร้ายแม่กับเขา มิหนำซ้ำยังมีผู้หญิงอื่นจนเป็นเหตุให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศ แต่ดีแล้วล่ะที่พ่อไปจากเขาและแม่ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของเขาคงไม่ต่างจากตกนรก ทว่าออสตินกลับตรงกันข้ามกับพ่อแท้ๆ ของเขา...ทุกอย่างหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนัก ที่แน่ๆ คือเรื่องความใจดี ออสตินชนะขาด
“รีบๆ กินซะ ขนมปังเริ่มแข็งแล้ว”
ออสตินโพล่งขึ้นมาเรียกความสนใจให้เด็กหนุ่มหันไปมอง กานต์หยิบเอาแซนด์วิชในจานตรงหน้าขึ้นมากัดเข้าปาก ออสตินลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงไปเปิดตู้เย็น หยิบเอากล่องน้ำผลไม้ออกมาวางบนโต๊ะ พอเด็กหนุ่มหันไปมอง ศีรษะของเขาก็ถูกมือใหญ่วางลงมาเบาๆ แล้วออกแรงยีไม่แรงนัก
“กินเยอะๆ ตัวเล็กขนาดนี้ ถ้าถูกเพื่อนที่โรงเรียนใหม่แกล้งแล้วสู้ไม่ไหว อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง นอกจากความใจดีแล้วก็ความอบอุ่นนี่แหละที่ออสตินมีเต็มเปี่ยมจนกานต์สัมผัสได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มยกยิ้มรับ เขาชอบความใจดีของผู้ชายคนนี้จริงๆ
ออสตินกลับไปนั่งที่ ดื่มกาแฟและจับจ้องที่หน้าจอแท็บเล็ตอีกครั้ง มื้ออาหารมื้อนั้นดำเนินไปด้วยความเงียบอีกครั้ง แต่กานต์กลับรู้สึกว่าบรรยากาศไม่เหมือนกับตอนก่อนหน้า ความประหม่าที่มีมาตั้งแต่เมื่อวานยามอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ค่อยๆ มลายหายไปทีละน้อย
หวังว่ามันจะหายไปหมดในเร็ววันนี้ ดูท่าเขาจะต้องทำตัวเป็นเด็กดีให้มากๆ เสียแล้ว ออสตินจะได้ใจดีกับเขามากๆ ไม่เผลอแผ่รังสีความกดดันใส่อีก
ต้องเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้...
กานต์ท่องไว้ในใจ ปากกัดแซนด์วิชเคี้ยวตุ้ยๆ จนกระทั่งหมดชิ้น พอคว้าชิ้นใหม่ขึ้นมากัดกิน ออสตินก็เหลือบมองพลางยกยิ้ม จากนั้นก็หลุบตามองหน้าจอแท็บเล็ตอีกครั้ง ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ