"ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาดครับคุณพ่อ"
"นี่แกกล้าพูดคำคำนี้กับพ่ออย่างงั้นเหรอ'ขุนเขา'แกกล้าขัดคำสั่งของพ่อ แกอยากลองดีกับพ่อใช่ไหม"สีหน้าจริงจังของผู้เป็นพ่ออย่าง เจ้าสัวรังสิมันต์ ทำเอาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง'ขุนเขา'นั้นถึงกับต้องหลบสายตา ก่อนจะหันหน้าไปมองผู้เป็นแม่ที่นั่งจ้องมองมายังที่เขาด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง
"คุณแม่ช่วยพูดกับคุณพ่อเรื่องนี้หน่อยสิครับ ผมยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน คุณแม่ก็รู้ว่าตอนนี้ผมงานยุ่งมากแค่ไหน แล้วไหนจะรุ้งอีก ตอนนี้ความฝันของเธอกำลังไปได้ดีเลยนะครับ"คนเป็นแม่ที่ได้ยินคำพูดของลูกชายถึงกับต้องถอนหายใจออกมากับความโง่และไม่เอาไหนของลูกชายตัวเอง
"ขุน ใครบอกลูก ว่าคุณที่พ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงานด้วยคือนางม่านรุ้ง อะไรนั่น"
"ถ้าไม่ใช้รุ้ง แล้วคุณพ่อกับคุณแม่จะให้ผมแต่งงานกับใครครับ แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะครับว่าผมจะไม่มีวันแต่งงานกับใคร ถ้าไม่ใช่รุ้งผู้หญิงที่ผมรัก"
"เหอะ ผู้หญิงที่ฉันจะให้แกแต่งงานด้วย มีดีกว่าแม่นางแบบนั้นเป็นไหน ๆ แกจำใส่หัวสมองของแกเอาไว้ด้วยนะ ว่าฉันจะไม่มีวันรับแม่นางแบบนั้นเขามาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด"
"แม่ด้วย แม่จะไม่มีวันยอมรับนางม่านรุ่งมาเป็นสะใภ้ของวงศ์ตระกูลเราเด็กขาด"
"ทำไมครับ ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่ยอมรับในตัวของรุ้ง"ขุนเขามองพ่อและแม่ของเขาด้วยความไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรท่านทั้งสองถึงได้ขัดขวางความรักของเขากับแฟนสาวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมตอนนี้ยังจะบังคับให้เขาไปแต่งงานกับใครอีกก็ไม่รู้
"ผู้หญิงที่ชอบเที่ยววิ่งจับผู้ชายแบบนั้นแม่กับพ่อไม่ยอมรับมาเป็นลูกสะใภ้ให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเราหรอกนะ ขุน"
"แล้วคนที่แม่เอามาถวายใส่พานให้ผม เธอไม่คิดที่จะจับผู้ชาย ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย อย่างผมอย่างนั้นเหรอครับ"
"เหอะ หนูปิ่นน่ะ เขามีดีกว่าคนอย่างแกหลายเท่า และอีกอย่างฉันจะบอกอะไรให้แต่ได้รู้และเลิกหลงตัวเองซะทีนะ คนที่ฉันจะให้แกแต่งงานด้วยน่ะ เธอชื่อหนูปิ่นมุกลูกสาวเพียงคนเดียวของไอ้ธนินท์"ขุนเขาที่ได้รู้ว่าใครคือคนที่พ่อแม่จะจับคู่ให้เขาถึงกับต้องตกใจ
"เป็นยังไงล่ะ ถึงกับพูดไม่ออกเลยสิท่า หึ"คนเป็นแม่อดที่จะเหน็บแนมลูกชายของตัวเองไม่ได้ ลูกชายตัวดีของเธอนี่ก็กระไรไปคว้าเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาควง
"แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่ยอมแต่งงานตามที่พ่อกับแม่ต้องการเด็ดขาด"
"พ่อไม่ใช่เพื่อนเล่นแกนะไอ้ขุน คอยดูสิถ้าแกไม่ทำตามคำสั่งของพ่อ ผับที่แกสร้างมามันจะเกิดอะไรขึ้น และตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทของฉันแกก็อย่าหวังว่าแกจะได้มัน"
"พ่อกล้าขู่ผมอย่างนั้นเหรอครับ"
"แกรู้จักนิสัยพ่อดีนะขุน ว่าคนอย่างพ่อไม่ขู่ให้เปลืองน้ำลายหรอก ถ้าแกไม่ยอมแต่งงานกับหนูปิ่นมุกผับที่แกสร้าง พ่อจะทำให้มันไม่เหลือแม้แต่ซาก"ดวงตาเรียบนิ่งฉายแววเอาจริงทำให้ลูกชายอย่างขุนเขาถึงกับหวาดหวั่น นิสัยของพ่อตัวเองนั้นเขารู้ดีมันว่าใคร ๆ เจ้าสัวรังสิมันต์ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อแห่งความร้ายกาจ มีอำนาจมากมาย สามารถชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ แค่เพียงทำให้ท่านไม่พอใจก็จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
"ทำตามในสิ่งที่พ่อกับแม่ต้องการเถอะขุน อย่าให้ต้องมีใครตายก่อน ลูกถึงจะยอมแต่งงานกับหนูปิ่นมุกได้"ความหมายที่อยู่ในประโยคพูดของผู้เป็นแม่นั้น ทำเอาคนที่ยืนฟังถึงกับใจสั่น ในความหมายของประโยคนั้นเขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี
"ถ้าผมยอมแต่งงานกับปิ่นมุก พ่อกับแม่จะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับม่านรุ้งใช่ไหมครับ"
"คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรกับฉัน ชีวิตของนางนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแก ขุนเขา"คนที่เป็นลูกชายถึงกับมีสีหน้าที่หนักใจ ทำไมอะไร ๆ มันถึงต้องมาเป็นอย่างนี้ด้วย เรื่องทุกอย่างมันจะต้องไม่เป็นแบบนี้ถ้าไม่มีผู้หญิงที่ชื่อปิ่นมุกที่กำลังจะเข้ามาแทรกแซงความรักของเขากับแฟนสาว
"ได้ ในเมื่อเธออยากจะแต่งงานกับฉันนัก ฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมันเจ็บปวดขนาดไหน ปิ่นมุก"แววตาฉายวูบด้วยความโกรธแค้น จ้องมองภาพในสมาร์ตโฟน ภาพของว่าที่เจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ ใบหน้าเรียบนิ่งไร้รอยยิ้มประดับ ถึงแม้ว่าใบหน้าของหญิงสาวจะสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ที่ลงมาจุติ แต่ในสายตาของ ขุนเขานั้นในตอนนี้มีเพียงเอาไว้มองผู้หญิงที่ชื่อม่านรุ้งเพียงคนเดียว แต่เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้หญิงที่เขารักนักรักหนาคนนั้นมันช่างร้ายกาจขนาดไหน
กรี๊ง กรี๊ง กรี๊ง
คนที่นั่งออกแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่อยู่บนโต๊ะทำงานหันไปมองโทรศัพท์ของตัวเองที่มีสายเรียกเข้า ชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอทำให้คิ้วทั้งสองข้างของ "ปิ่นมุก"ขมวดกันเข้าหา ก่อนที่มือเรียวบางจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากอดรับ น้ำเสียงที่ติดจะนิ่งทำเอาคนที่อยู่ปลายสายถึงกับถอนหายใจ
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ โทรหามุกมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"
"ต้องให้พ่อมีธุระก่อนใช่ไหม พ่อถึงจะโทรหาลูกได้"
"เปล่าหรอกค่ะ"น้ำเสียงตัดพ้อของผู้เป็นพ่อทำให้เธอถึงกับลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ
"มุกลูก วันนี้เลิกงานแล้วลูกเข้ามาหาพ่อที่บ้านใหญ่ด้วยนะ"
"แค่นี้ใช่ไหมคะ"
"เอ่อคือว่า"เสียงของเจ้าสัวธนินท์เงียบหายไป ก่อนที่จะมีประโยคคำพูดหนึ่งของผู้เป็นพ่อดังเข้ามาในสาย
"อย่าทำงานให้หนักมากนะลูก พักผ่อนบ้าง พ่อเป็นห่วง พ่อรักหนูนะลูกปิ่นมุก"ประโยคที่พูดออกมารัว ๆ จนแทนจะฟังไม่ทัน ก่อนที่ปลายสายจะวางสายไป แต่ประโยคเหล่านั้นกลับทำให้คนที่ได้ยินมันถึงกับต้องยิ้มออกมา
"หนูก็รักพ่อค่ะ"ดวงตากลมโตมองรูปครอบครัวที่ตั้งอยู่บนหน้าจอ
วอลล์เปเปอร์ รอยยิ้มของเธอที่นาน ๆ ครั้งจะได้ยิ้มออกมาให้ใครได้เห็น กำลังยิ้มให้กับภาพครอบครัวที่อบอุ่นของตัวเอง ก่อนจะวางโทรศัพท์เอาไว้ที่เดิมแล้วหันหน้ามาสนใจกับงานของตัวเองที่ยังค้างเอาไว้
หลังจากที่เลิกงานปิ่นมุกก็รีบเก็บกระเป๋าและข้าวของสำคัญของตัวเองไปใส่ในรถก่อนที่เธอจะขับออกไป มุ่งหน้าสู้ถนน ตอนเย็นแบบนี้จราจรคงไม่ต้องพูดถึง รถหลายคันต่างจอดติดกันยาวเป็นหางว่าวกว่าจะขับรถมาถึงบ้านของตัวเองก็ใช่เวลานานอยู่พอสมควร รถเบนซ์ธรรมดาไม่ได้หรูหราอะไรมากมายขับเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา แต่ด้านหน้าก็ถูกตกแต่งอย่างงดงามตระการตา รูปปั้นกามเทพแผลงศรที่ต้องอยู่ด้านหน้ามันช่างดึงดูดสายตาของใครหลายต่อหลายคนที่ได้มอง
"ลูกมุก แม่คิดถึงหนูที่สุดเลย"ทันทีที่เธอเดินก้าวเข้ามาในบ้าน คุณแม่ยังสาวของเธอก็รีบวิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึง กลิ่นหอมประจำตัวจากแก้มของลูกสาวทำเอาผู้เป็นแม่พอคลายคิดถึงลงได้บ้าง
"หนูก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกันค่ะ"
"ไม่จริง ถ้าลูกคิดถึงแม่ลูกก็ต้องมาหาแม่บ้าง ไม่ใช่หายหน้าไปแบบนี้นี่ถ้าคุณพ่อไม่โทรเรียกให้ลูกเข้ามาหาลูกก็คงจะไม่มา"ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยทำเสียงติดงอน ที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเธอไม่มีเวลาให้ เพราะวัน ๆ เอาแต่ทำงานหนักจนไม่มีเวลามาหาเธอและสามี
"หนูต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ ที่ไม่มีเวลาให้ช่วงนี้หนูมัวแต่ยุ่งกับการออกแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่"ปิ่นมุกเดินเข้าไปโอบเอวของผู้เป็นแม่ แก้มนวลที่เติมแต่งเพียงแค่แป้งเด็กอิงซบบนไหล่ของผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน
"ไม่ต้องมาอ้อนแม่เลย"
"ว่าแต่คุณพ่อโทรเรียกหนูทำไมเหรอคะ คุณแม่พอจะรู้ไหม"
"เดี๋ยวลูกก็จะรู้เองว่าคุณพ่อ โทรเรียกให้ลูกมาพบทำไม แต่ถึงอย่างไรคืนนี้ลูกต้องนอนกับแม่นะ"
"แล้วคุณแม่ไม่นอนกับคุณพ่อเหรอคะ"
"ไม่ล่ะ แม่เบื่อตาแก่อย่างพ่อของลูกเต็มทน"ปิ่นมุกถึงกับอมยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะพูดแบบนี้แต่นั่นก็ไม่ใช่หมายความว่าท่านจะเบื่อคนที่ร่วมใช้ชีวิตกันมาหลายปี