Noodee' s Part
หาวววว!
ฉันยกมือขึ้นปิดปากหาวไปหวอดใหญ่ด้วยความรู้สึกง่วงซึมไร้ความสดชื่นรับเช้าวันใหม่อย่างทุกที อยากจะนอนต่อให้หายง่วงแต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจอยาก เพราะต้องตื่นไปเรียนตามหน้าที่ของตัวเอง
"มอนิ่งค่ะคนสวย"
ขวับ!
เสียงทักทายที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้ฉันรีบหันขวับกลับไปมองด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะพบกับร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังส่งยิ้มทักทายฉันอยู่
"คนเจ้าชู้" ฉันว่าให้เขาพลางทำหน้ายู่ใส่
"นั่นไม่น่าใช่คำทักทายนะคะ" พี่การันต์ตอบกลับ
คนตัวโตก้าวเท้าเดินลงจากบันไดขั้นบนสุดมาหยุดยืนอยู่ที่บันไดขั้นเดียวกับฉัน มือหนาของเขายกขึ้นบีบจมูกฉันเบา ๆ อย่างที่ชอบทำ ไม่รู้ว่าหมั่นเขี้ยวฉันหรือยังไง แต่ทุกครั้งที่เจอหน้าเขาชอบบีบจมูกแกล้งฉันอยู่เป็นประจำ
"อื้อ! หนูดีเจ็บ" ฉันบอกหน้างอยกมือขึ้นดึงมือหนาของพี่การันต์ออกจากจมูกตัวเอง
"หึ~"
"ไม่ต้องมาขำนะ หนูดีไม่ตลกด้วยสักนิด ชอบแกล้ง!" ฉันถลึงตาใส่พร้อมกำหมัดทุบลงที่กลางอกคนตัวโตด้วยท่าทางกระเง้ากระงอดไม่พอใจ
พอแกล้งฉันได้เขาก็มักจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอแบบนี้ ก่อนจะยิ้มปิดท้าย ซึ่งรอยยิ้มที่มีเสน่ห์แพรวพราวของเขามันทำให้ฉันใจสั่นทุกครั้งที่ได้มอง แถมยังอยู่ในระยะประชิดแบบนี้อีกด้วย
"เป็นอะไรคะ ทำไมดูไม่สดชื่นเลย"
"หนูดีง่วงค่ะ อยากนอนต่อ"
"แต่มีเรียนสินะ ให้พี่ไปส่งมั้ยคะ ง่วงแบบนี้ห้ามขับรถเองนะ มันอันตราย"
"ไปกับพี่อันตรายกว่าอีก" ฉันพึมพำเสียงเบากับตัวเอง
อันตรายที่ว่า ไม่ใช่เพราะเขาขับรถประมาท แต่เพราะเขามีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจฉันต่างหากล่ะ
เขามันตัวอันตรายต่อหัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันอย่างมากเลย
"เมื่อกี้ว่าไงนะคะ" พี่การันต์เอียงคอเลิกคิ้วถามฉันด้วยความสงสัย
"เปล่าค่ะ ถอยไปห่าง ๆ เลย หนูดีจะไปทานข้าวแล้วรีบไปเรียน" ฉันบอกปัดพร้อมยกมือขึ้นดันอกแกร่งของเขาให้ถอยห่าง โดยที่คนตัวโตก็ยอมขยับถอยให้แต่โดยดี
ฉันเดินเข้ามาที่โต๊ะทานอาหารโดยที่มีพี่การันต์เดินตามหลังมาเงียบ ๆ แต่ก็ยังไม่วายคอยแกล้งดึงผมฉันเล่นตลอดทางที่เดินมาที่โต๊ะอาหาร
"วันนี้มีอะไรทานคะ" ฉันเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มสดใสเมื่อเดินมาถึงโต๊ะทานข้าวแล้วเห็นคุณแม่กับแม่บ้านกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดใหญ่เพื่อเป็นการทักทายยามเช้า "อรุณสวัสดิ์ค่ะ"
"อรุณสวัสดิ์จ้ะคนสวยของแม่ อ้าว! การันต์ เมื่อคืนนอนที่บ้านเหรอ" คุณแม่หันมาหอมแก้มทักทายฉันกลับ มองเลยไปด้านหลังฉันก็ทักคนที่เดินตามมาด้วยความตกใจปนความงุนงงเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่แม่ที่งง ขนาดฉันที่นอนดึกมากเมื่อคืนยังไม่รู้เลยว่าเขากลับมานอนที่บ้าน ทั้งที่ห้องอยู่ข้างกันแท้ ๆ
"ครับ แม่มีมื้อเช้าเผื่อผมอยู่ใช่มั้ยครับ" พี่การันต์พยักหน้ารับ ปากก็ถามหาอาหารเช้ามือก็ดึงเก้าอี้ออกจากโต๊ะแล้วแทรกตัวลงนั่ง
แต่นั่นมันที่ประจำของฉันนะ!
"พี่รันต์ นี่ที่ของหนูดีนะ"
"แต่พี่ได้นั่งแล้วค่ะ คนสวยนั่งข้าง ๆ พี่แทนนะคะ" เขาว่าพร้อมกับใช้มือตบลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ บอกให้ฉันนั่งที่ตรงนั้นแทนที่ประจำของตัวเองที่เขานั่งอยู่
ฉันทำหน้างอใส่เขาทันทีแต่ก็ยอมนั่งลงที่ข้าง ๆ เขาแทนที่ประจำของตัวเอง เนื่องจากไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำกับคนขี้แกล้งอย่างเขาแล้ว เพราะเดี๋ยวจะยาวแล้วทำให้ฉันต้องไปเรียนสาย
"แล้วพ่อล่ะครับ"
"พ่อออกไปประชุมตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ"
"ผมขอเหมือนน้องครับ"
"เรื่องมากจริง ๆ ปกติมื้อเช้าแค่กาแฟไม่ใช่รึไง"
"ก็ของน้องน่าทาน"
ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินบทสนทนาของคุณแม่กับพี่การันต์ ก่อนจะเห็นว่าตรงหน้าเขานั้นมีถ้วยกาแฟวางอยู่ ไม่ใช่ข้าวต้มกับแซนด์วิชเหมือนกับของฉัน
"มีแค่ข้าวต้มนะ แซนด์วิชแม่ไม่ได้ทำเผื่อ แม่ทำไว้ให้แค่น้องคนเดียว"
"แค่ข้าวต้มก็ได้ครับ"
ฉันเลิกสนใจบทสนทนานั่นแล้วหันกลับมาทานข้าวของตัวเองต่อเงียบ ๆ ในระหว่างที่กำลังจะตักข้าวต้มร้อน ๆ ในถ้วยขึ้นเป่า สายตาก็เหลือบเห็นมือหนาของคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยื่นมาใกล้กับจานแซนด์วิชของฉัน
"ของหนู" ฉันรีบยื่นมืออีกข้างไปดึงจานแซนด์วิชออกห่างจากมือหนาของเขาอย่างไว
"อร่อยมั้ยคะ ขอพี่ชิมหน่อยสิ"
"ไม่ให้!" ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง
อันที่จริงหวงไว้ก็กินไม่หมดอยู่ดี แต่แค่ไม่อยากให้คนขี้แกล้งอย่างเขาได้กินก็เท่านั้น
มือหนาของพี่การันต์เปลี่ยนเป็นยกขึ้นวางลงที่ศีรษะของฉันพร้อมกับยีผมฉันเล่นไปด้วยจนถูกฉันถลึงตาใส่ไปหนึ่งที ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเอ็นดู
ฉันกับพี่การันต์ใช้เวลาทานอาหารด้วยกันนานพอสมควร เพราะความเรื่องมากของคุณชายการันต์ที่พอทานเสร็จก็อยากดื่มกาแฟต่อ แถมเขายังบอกคุณแม่ไว้อีกว่าจะอาสาไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัยแทนคนขับรถ เนื่องจากฉันบอกไปตอนที่ทานข้าวอยู่ว่าไม่อยากขับรถไปเรียนเองเพราะนอนน้อยกลัวว่าจะเบลอจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เลยให้คุณแม่บอกคนรถเตรียมไปส่ง
"กระโปรงสั้นไปมั้ยคะคนสวย"
เสียงของคนตัวโตที่นั่งประจำที่อยู่หลังพวงมาลัยรถดังขึ้นทำให้ฉันต้องก้มลงมองที่ตักของตัวเอง ที่กระโปรงนักศึกษาทรงเอมันรั้นขึ้นสูงอวดขาขาว ๆ ของฉันอย่างเด่นชัด จนต้องรีบจับชายกระโปรงที่รั้นขึ้นมาดึงลง แต่ก็ลงได้เพียงนิดเดียวแทบไม่ต่างอะไรจากตอนแรกเลยสักนิด
"หนูดีลืมเสื้อคลุม รอแป๊บนึงนะคะ" ฉันบอกเมื่อมองหาเสื้อคลุมตัวบางที่มักจะถือไปด้วยทุกวันเพื่อใช้ปิดหน้าตักเวลานั่งกันตัวเองโป๊
หมับ!
เมื่อฉันกำลังจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อกลับขึ้นไปเอาเสื้อบนห้องก็ถูกมือหนาของคนตัวโตดึงมือไว้ก่อน
"สายแล้วค่ะ เอาเสื้อพี่ใส่ไปก่อน" พี่การันต์บอกพร้อมกลับใช้สายตามองไปที่เบาะหลังรถที่มีเสื้อแจ็คเก็ตของเขาวางอยู่
"หนูดีไม่ชอบกลิ่นบนเสื้อพี่รันต์"
"กลิ่นบนเสื้อพี่มันทำไมคะ"
"ก็กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงของพี่ฉุนจนมึนหัวนะสิ" ฉันตอบกลับพร้อมทำหน้ายู่ใส่เขาไปด้วย แค่คิดก็รู้สึกมึนหัวนำไปก่อนแล้ว
"ตัวนี้ไม่มีค่ะ มีแค่กลิ่นพี่คนเดียว"
"เชื่อไม่ได้"
"ของแบบนี้ต้องพิสูจน์ถึงจะรู้" พอเขาพูดจบก็ปล่อยมือจากแขนฉันแล้วเอี้ยวตัวไปทางเบาะด้านหลังเพื่อหยิบเสื้อแจ็คเก็ตตัวนั้น
จังหวะที่พี่การันต์เอี้ยวตัวเอื้อมมือหยิบเสื้อทำให้ร่างกายของเขาแนบชิดเข้ากับตัวของฉันจนได้กลิ่นหอมบนตัวของเขา กลิ่นมันดูนุ่มนวลชวนหลงใหลจนฉันต้องแอบยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อสูดดมกลิ่นหอมบนตัวเขาให้มากขึ้น
อ่า กลิ่นบนตัวพี่การันต์หอมชะมัดเลย
"กลิ่นบนตัวพี่… เหมือนเสื้อตัวนี้มั้ยคะ"
พรึ่บ!
สองมือยกมือขึ้นผลักอกแกร่งออกด้วยความรวดเร็วเมื่อมีเสียงทุ้มละมุนหูจากคนตัวโตกระซิบที่ข้างใบหูของฉัน ไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอยื่นหน้าเข้าไปสูดกลิ่นหอมบนตัวเขาอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขากระซิบที่ข้างหูเมื่อกี้นี้
"คนสวยดมดูสิ ว่าเสื้อมันเหมือนกลิ่นบนตัวพี่มั้ย" พี่การันต์ยื่นเสื้อในมือมาตรงหน้าฉัน บอกให้ดมกลิ่นพิสูจน์
สายตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก รีบดึงเสื้อตัวใหญ่ในมือเขามาคลุมขาตัวเองไว้แล้วแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น ทว่าใจเจ้ากรรมก็กลับเต้นแรงจนฉันกลัวว่าคนตัวโตจะได้ยินเข้า ในรถยิ่งเงียบ ๆ อยู่ด้วย
"คนสวยเขินพี่เหรอคะ?"
"หนูดีเปล่าเขิน"
"แต่แก้มคนสวยแดงมากนะ"
ได้ยินแบบนั้นฉันก็รีบยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งข้างไว้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่เขาแล้วแกล้งทำเป็นพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายที่มี
"เลิกแกล้งหนูดีแล้วรีบพาไปส่งสักทีสิ หนูดีจะสายแล้วนะ"
"หึ~ จะพาไปเดี๋ยวนี่เลยค่ะ"
พูดจบพี่การันต์ก็ขับรถพาฉันออกจากบ้านไปส่งที่มหาวิทยาลัย โดยที่ฉันยังคงนั่งเอามือกุมแก้มตัวเองไว้แน่น แอบเหลือบสายตามองคนตัวโตที่ขับรถด้วยท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย