หลายวันต่อมา
ตั้งแต่วันนั้นมาอรรถพลก็ไม่ค่อยได้มีเวลาคุยกับเธอ เด็กหนุ่มนั้นมีเรียนเช้ากลับดึกแค่มาเตรียมเสื้อผ้าให้เธอตอนเช้ามืดที่เธอยังไม่ตื่นด้วยซ้ำไป กลับบ้านอีกทีก็ดึกดื่นอ้างต้องทำรายงานกับเพื่อนเยอะแยะไปหมดเธอก็เข้าใจแหละหมอนั้นเรียนปริญญาสองใบพร้อมกันคงยุ่งน่าดู แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กนั้นอาจติดหญิง ไม่ใช่ว่าหึงห่วงเด็กนั่นหรอกเธอแค่ไม่ชอบอะไรที่รู้ทีหลังถ้ามีก็ต้องบอกเธอก่อน
" น้อยวันนี้พลยังไม่กลับหรอ " วันนี้เธอกลับบ้านก็จะสองทุ่มแล้วแต่ยังไม่เห็นอรรถพลมารอรับเหมือนปกติเลย
" มาแล้วค่ะคุณนุช มีเพื่อนมาด้วยทำรายงานกันอยู่ที่ศาลาสวนหลังบ้านค่ะ " น้อยรีบบอกผู้เป็นนายสาว
" แล้วมากันกี่คน ทำไมไม่มีใครบอกฉันคิดจะทำอะไรกันก็ทำหรอ " อยู่ดีๆ เจ้านายของเธอที่ขี้วีนอยู่แล้วก็อารมณ์เสียขึ้นมาเฉยๆ ปกติเป็นอรรถพลคนเดียวที่มารอรับพวกเธอเลยไม่ค่อยได้สัมผัสอารมณ์เหวี่ยงวีนโดยตรงสักเท่าไหร่ พอวันนี้เจอกับตัวก็กลัวหัวหดกันเลยทีเดียวได้ยินกิตติมศักดิ์กับแม่บ้านคนเก่ามาก็เยอะ
" อะ..เอ่อคุณพลแจ้งว่าได้บอกคุณนุชแล้วค่ะ เลยไม่มีใครโทรแจ้งคุณนุชอีกที่ค่ะ " น้อยก้มหน้าบอกผู้เป็นนายด้วยเสียงตะกุกตะกัก
" ไม่ได้เรื่องจะไปไหนก็ไปเลย " หญิงสาวเอ่ยอย่างหัวเสีย พรางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูกลายเป็นว่าเธอลืมเปิดเสียงโทรศัพท์เพราะมัวแต่ออกไปกินข้าวกับหนุ่มในสต๊อกแล้วไปต่อกันที่โรงแรมกว่าจะเสร็จกิจก็เย็นมากแล้ว พอกดเข้าไปดูก็เจอว่ามีข้อความไลน์มาจากอรรถพลที่ไลน์มาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว
' คุณนุชครับเย็นนี้ผมขออนุณาตพาเพื่อนไปทำรายงานที่บ้านนะครับ ผมไม่อยากกลับดึกทุกวันช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาดูแลคุณนุชด้วย ให้มาทำที่บ้านจะได้ไม่เสียเวลาไปกลับครับ '
' คุณนุชคงจะยุ่งอยู่ยังไงผมจะรีบทำรีบเสร็จนะครับ ไม่ให้ไปรบกวนคุณนุชแน่นอนครับ '
' โอ๊ยย จะบ้าตายเธอไม่ได้ตอบเขาเลย ' นีรนุชได้แต่คิดโวยวายในใจ
เธอไม่ได้สนใจหรอกเรื่องพาเพื่อนมาบ้านรู้ดีว่าอรรถพลไม่ได้ให้มาวุ่นวายตึกใหญ่แน่ๆ ดีเสียอีกเด็กนั่นจะได้อยู่ใกล้หูใกล้ตาเธอเคยบอกไปหลายรอบแล้วว่าให้พามาได้แค่ไม่วุ่นวายพอเขาก็พามาบ้างนานๆ ครั้งที่ต้องทำรายงานนี่ก็คงทำเรื่องจบกันแน่ แต่ก็อยากรู้จังว่ามีคนที่เธอสงสัยมาด้วยไหมนะ
" แวะไปดูสักหน่อยซิว่าทำไรกันอยู่ "
ว่าแล้วก็เดินไปสวนหลังบ้านบริเวณที่มีดอกไม้นานาพรรณรายล้อมตัวศาลาขนาดใหญ่ที่ไว้นั่งเล่นนอนเล่นได้สบาย เดินเข้าไปใกล้หน่อยก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกกันระหว่างชายหญิงดังมา
" พลไม่เอา ฮ่าๆ จั๊กจี้ ฮ่าๆ ฝนไม่ไหวแล้ว " อันนี้เสียงใคร
" ฮ่าๆ นี่ๆ ชอบแกล้งกันดีนักใช่ไหม " เสียงนี้เธอมั่นใจว่าเสียงอรรถพลแน่ แล้วเล่นอะไรกัน
" ทำอะไรกันนะ!! " นีรนุชพรวดพราดเข้าไปในศาลาภาพที่เห็นคือหญิงสาวคนนั้นนอนคล้อมอยู่บนตัวของอรรถพล กำลังหยอกล้อกันชนิดที่ว่าเนื้อแนบเนื้อ ทั้งสองเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาก็ตกใจ ก่อนจะรีบลนลานออกจากกันตัวผู้หญิงถ้าจำไม่ผิดคงเป็นน้ำฝนดาราเน็ตไอดอลที่กำลังมาแรงแน่ๆ เธอก้มหน้าด้วยความเขินอายส่วนอรรถพลก็ลนลานด้วยความตกใจที่นายสาวมาเห็นกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด
" ไม่ใช่อย่างที่คุณนุชเห็นนะครับ " อรรถพลรับบอก
" อ๋อไม่มีอะไรหรอกเห็นน้อยบอกว่ามีเพื่อนมาเลยมาดูหน่อย เชิญตามสบายนะ " ว่าเสร็จก็หันหลังกลับขึ้นตึกไป โดยไม่รอคำอธิบายอะไรจากเด็กหนุ่ม
" ไม่ตามไปหรอพล ฝนว่าคุณนุชจะเข้าใจเราผิดนะ " น้ำฝนถามขึ้นมองท่าทีของชายหนุ่มกับนายสาวดูแปลกๆ
" ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะเสร็จแล้วนิ เดี๋ยวเราไปอธิบายให้คุณนุชฟังเอง " ชายหนุ่มอย่างรีบทำให้เสร็จไวๆ จะได้รีบไปดูนายสาวของเขาไม่ได้คิดเลยว่ากำลังมีพายุลูกใหญ่พัดเข้ามา
" มีอะไรกันหรอ " นิสาเพื่อนอีกคนที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเดินมาด้วยความงงงวยเมื่อเห็นหน้าเพื่อนสองคนดูกังวลเหมือนคิดอะไรอยู่
" เปล่าหรอกจ้ะนิ เมื่อกี้มัวแต่เล่นคุณนุชเธอมาเห็นเข้าจ๊ะ " น้ำฝนพูดบอกพูดเป็นเพื่อนอีกคน
" อ๋อ ว้าเสียดายจังไม่ได้เจอคุณนุชตัวเป็นๆเลยฉันอยากเจอเธอจังจะสวยเหมือนในรูปไหมน้า เธอเป็นไอดอลฉันเลยล่ะ " นิสาเอ่ยอย่างเลื่อนลอยที่เธอรบเร้าอยากมาทำรายงานที่บ้านเพราะอย่างมาเจอนีรนุชโดยเฉพาะเลยคนอะไรเก่งทุกด้านแถมเป็นนักธุกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยคนหนึ่ง อยากเห็นตัวจริงคงสวยมากแน่ๆ เลย
" เรามารีบทำให้เสร็จเถอะนะเหลือไม่เยอะแล้วนิ " อรรถพลตัดบทพร้อมกับมองขึ้นไปที่ตึกใหญ่เห็นไฟในห้องเปิดสว่างขึ้น เธอคงขึ้นนอนแล้ว สายตาเมื่อกี้คืออะไรนะหึง ห่วง หรืออะไรเพราะเห็นแค่แว๊บเดียวแล้วหายไปจากใบหน้าสวยทันที แต่เธอจะมาหึง ห่วงเด็กในบ้านที่เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ทำไมล่ะในเมื่อวันนี้เธอเพิ่งไปกับคนอื่นมา
ใช่เขารู้และเห็นทุกอย่างเพราะตอนเที่ยงบังเอิญไปเดินห้างกับเพื่อนๆเช่นกันแล้วหนึ่งในเพื่อนชายเขาสะกิดให้ดูสาวสายเซ็กซี่ที่เป็นเจ้านายเขาควงหนุ่มหล่อหน้าตาดีมากินข้าว เพื่อนเขาบอกให้ดูด้วยความอิจฉาอยากเป็นหนึ่งหนุ่มในสต๊อกของเธอบ้างคงจะดี ถึงแม่เธอจะมีข่าวฉาวแต่ก็ไม่มีใครกล้าตีข่าวไปมากกว่านี้อาจเพราะอิทธิพลของเงินด้วยเลยมีข่าวมาแค่ฉาบฉวยไม่มีมูลอะไรมากกว่านี้เพราะกลัวโดนฟ้องร้อง แต่อีกเรื่องที่สำคัญเลยคือนีรนุชถือหุ้นสื่ออยู่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยเพราะต้องทำงานด้วยการโปรโหมดสินค้าการมีหุ้นสื่อในมือจะเป็นผลดีกับตัวเธอด้วย
เขาพยายามจะไม่คิดอะไรแล้ว พยายามเจียมตัวแต่คนมันรักไปแล้วต่อให้พยายามแค่ไหนมันก็มีบ้างที่จะแสดงออกไปเกินหน้าที่ลูกน้องเจ้านายยิ่งได้มามีความสัมพันธ์กันแล้วยิ่งหักห้ามใจยาก ตอนแรกคิดแค่ว่าแค่ได้อยู่ไกล้เธอแค่นั้นก็พอแล้วแต่พอมาตอนนี้เหมือนเขาจะยิ่งหวังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ