“กลับมาตอนไหนคะ” พูดเสียงอู้อี้ในลำคอ
“มารยาทเวลากินเขาห้ามพูด แม้แต่หนูนิดก็ยังรู้เลย”
ภวัตใช้นัยน์ตาคมกริบจ้องมองใบหน้าไม่สวยบาดตาทว่าเร้าใจแปลกๆ องุ่นลูกเล็กยังอยู่ในปากหล่อนแต่คงไม่มีโอกาสได้กินเพราะถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากคม ภวัตส่งปลายลิ้นร้ายกาจเข้ามาแย่งองุ่นในปากหล่อนไปกินหน้าตาเฉย
มือเล็กยกขึ้นปิดปากไว้แน่น
“บนโต๊ะก็มีตั้งหลายลูกแล้วจะมาแย่งณดาทำไม”
ภวัตกลืนองุ่นลงคอทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แย่งรีโมตมาเปิดไปช่องอื่นดูข่าวภาคค่ำ “ก็คิดว่าในปากเธอจะหวานกว่าที่วางบนโต๊ะ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าคิดผิดเผลอกินองุ่นเคลือบช็อกโกแลตเต็มคำ”
“คนบ้า แล้วใครใช้ให้กินเล่า”
ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม หยิบองุ่นส่วนที่เหลือกับเปลือกช็อกโกเเลตลุกจากโซฟาไม่อยากเสวนากับคนกวนประสาทอีก เร่งป้านงค์ตั้งโต๊ะยิกๆ เขาก็ไม่วายเดินมาแซว “ที่กินไปเมื่อกี้ยังไม่เต็มท้องอีกเหรอ”
“ป้าว่าพักรบมาเติมพลังดีกว่านะคะ” ป้านงค์เห็นทั้งสองจะทะเลาะกันอีกจึงรีบตั้งโต๊ะให้ก่อนพิมพ์ณดาจะโมโหหิวไปมากกว่านี้ ทันทีที่ได้ลิ้มรสชาติอาหารอร่อยฝีมือป้านงค์พิมพ์ณดาก็ยิ้มออก
“ช่วงนี้ผู้หญิงตามฉันเยอะมากไม่รู้ว่ามาจากไหน น่ารำคาญชะมัดจะทำงานก็มีคนมากวนใจตลอด เธอช่วยสืบให้หน่อยว่ามีใครปล่อยข่าวคิวงานฉันหรือเปล่า”
“อ๋อ ได้ค่ะ เรื่องแค่นี้เองไม่มีปัญหา” ขานรับเร็วจนภวัตตวัดสายตามามอง หล่อนยิ้มค้างกลัวตัวเองจะเเสดงพิรุธพอเห็นเขาพยักหน้ารับแล้วกินข้าวต่อก็ค่อยโล่งอกค่อยยังชั่วหน่อยนึกว่าความจะแตกซะแล้ว
'ขนมที่สาวๆ พวกนั้นซื้อมาฝากทั้งอร่อยทั้งแพง ยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวเพื่อปากท้องณดาไปอีกสักเดือนสองเดือนก็แล้วกันนะคะ'
พิมพ์ณดาหลบสายตาชายหนุ่มแอบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม
ภวัตเคี้ยวอาหารในปากเชื่องช้ามองเสี้ยวใบหน้าหวานอย่างพินิจพิจารณา ทำตัวมีลับลมคมในแบบนี้ต้องมีอะไรแน่นอน
เดี๋ยวเถอะ ได้ถูกซักฟอกหมดตัวแน่
“แม่สบายดีไหม”
ภวัตถามหญิงสาวที่เพิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินเข้ามาในห้อง ไม่รู้คุยกับใครก็เลยต้องลองชวนคุยเผื่อเป็นคุณพิมพ์มาดามารดาหล่อน
“คุยกับตานทเมื่อคืนบอกคุณแม่สบายดีค่ะ หลังผ่าตัดเสร็จก็ฟื้นตัวเรื่อยๆ”
“อ้าว แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร”
“ทำไมคุณภูยังไม่อาบน้ำคะ รอณดาอยู่เหรอ”
“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอคุยกับใคร”
พิมพ์ณดากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงลำคอก้าวถอยหลังจ้องมองชายร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาตนเอง เขายังอยู่ในชุดทำงานยังไม่อาบน้ำแม้จะมีท่าทางเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม คงรอหล่อนมาช่วยเหมือนทุกวัน นี่ถ้าสาวสวยพวกนั้นบังเอิญล่วงรู้ความลับนี้คาดว่าคงพร้อมใจกันมารุมฉีกกระชากร่างกายจนขาดเป็นชิ้นๆ แน่นอน
โทษทีนะ หล่อนไม่เคยบอกสักหน่อยว่าไม่ได้มีซัมติงกับเขา คิดเองเออเองว่าหน้าตาแบบหล่อนเขาจะมองข้าม
“ตอบ” ภวัตถามย้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิมหลุบสายตาลงมองโทรศัพท์เครื่องเล็กตาเเข็ง
“ณดาแค่คุยกับเพื่อนนิดเดียวเองทำไมต้องทำท่าน่ากลัวแบบนั้นด้วย”
“เพื่อนคนไหน เอาโทรศัพท์มาให้ฉันดู” แบมือไปตรงหน้า
“แต่...” ดวงตาคู่สวยฉายแววลังเล
“เดี๋ยวนี้” กระดิกปลายนิ้วจะเอามาดูให้ได้และพิมพ์ณดาไม่มีสิทธิ์ขัดใจเขา
“แล้ว… แล้วทำไมณดาต้องให้ดูด้วย” ซ่อนโทรศัพท์ไว้ข้างหลังไม่ยอมให้เขาดู “ทีคุณภูยังไปกับคุณแยมสาวสวยข้างไร่ ไปเที่ยวบ้านคุณปิ่นหมอฟัน แล้วไหนจะยังไปตามจีบคุณพรีมคุณครูแสนหวานนั่นอีก ณดาไม่เห็นตามไม่เห็นว่าอะไรคุณเลยสักคำ”
“พูดแบบนี้แปลว่ามีชู้จริงๆ ใช่ไหม”
“เปล่านะณดาไม่มี”
“ถ้าไม่มีก็ส่งมันมาให้ฉันดูเร็วเข้าไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่”
ภวัตไม่ฟังคำแก้ตัวหน้ามืดตามัวแย่งโทรศัพท์มาเช็ครายการบันทึกโทรเข้าออกเช็คข้อความรวมถึงโซเชี่ยวมีเดียทั้งหมด ไม่เห็นอะไรนอกจากเพื่อนหล่อนก็หน้าแตกร้าวระบม มองคนตัวเล็กงอนหน้าหงิกเดินผ่านหน้าตัวเองไปยังโต๊ะเครื่องเเป้ง
เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้
เป็นเพราะนายปรีชาลูกน้องคนสนิทที่เทียวมาพูดกรอกหูอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันว่าตอนนี้มีหนุ่มจากไหนไม่รู้เข้ามาจีบพิมพ์ณดาถึงในไร่ถือผัดสดมาฝากเป็นประจำ พอกลับบ้านมาเห็นผักเต็มห้องครัวจริงๆ ก็พาลระเเวงไปเรื่อยไม่ชอบให้พิมพ์ณดาไปคุยกับผู้ชายคนอื่น
ภวัตถอนหายใจคลายความกังวลเอาโทรศัพท์มาวางตรงหน้าหญิงสาว มองตากันชั่วครู่เดียวหล่อนก็มองเมินหยิบหวีมาสางผมยาวสลวยของตัวเองไม่สนใจเขา ให้ตายเถอะ เขามันคนง้อใครไม่เป็นด้วยสิจะเริ่มพูดยังไงก่อนดี คิดแล้วก็คิดสุดท้ายก็คิดได้ว่าไม่ควรพูดอะไรทั้งนั้นตวัดร่างแน่งน้อยอุ้มแนบอกเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที
“ปล่อยนะคะคุณภู ณดาอาบน้ำแล้ว”
“อาบแล้วก็อาบอีกได้ บ่นให้พอใจเถอะอีกเดี๋ยวก็ไม่มีแรงบ่นจนถึงเช้า” ยิ้มมุมปากพอใจในตัวหญิงสาวที่แม้จะยังมีสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็ยอมยกมือขึ้นคล้องลำคอตนเองแต่โดยดี