Chapter 10
เธอลืมตามองเขา พอเผลอสบตากันก็ตัวแข็งค้าง เหมือนต้องมนต์สะกด ขุนเขารวบใบหน้าหวานของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะบดจูบเธออย่างดูดดื่ม พร้อมกับดันเธอไปจนชิดกับผนังห้องน้ำ
แก้มหอมได้สติรีบรัวกำปั้นใส่เขาไม่ยั้ง สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ต่อเขาอีกครั้ง
อาการหนักกว่าเดิม!
แก้มหอมรู้สึกปวดแสบร่องรักไปหมด คนหื่นแบบเขาไม่เคยคิดจะบันยะบันยังเอาเสียเลย
กว่าจะได้ลงมารับประทานอาหาร ก็ทำเอาเธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด
แก้มหอมหน้าแดงร้อนเห่อเมื่อลงมารับประทานอาหารกับเขมราช บิดาของขุนเขาใจดีแต่ลูกชายของท่านใจร้าย ไม่มีใครทักหรือถามอะไร แต่การที่เธอไม่ได้ลงมาก็ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนเธอสิ้นไร้เรี่ยวแรงจะลากสังขารลงมารับประทานอาหารข้างล่าง
“กินเยอะๆ นะหนูแก้ม” เขมราชตักอาหารให้ลูกสะใภ้ เห็นอาการเกร็งของอีกฝ่ายก็อยากให้ทำตัวให้เป็นกันเองเอาไว้ ลูกสะใภ้คนสวยจะได้หายเกร็ง
“ขอบคุณค่ะคุณลุง”
“เรียกลุงอะไรกัน เรียกพ่อสิ หนูแก้มก็เหมือนลูกสาวของลุงอีกคนแล้วนะ”
“แต่ถ้าไม่อยากให้พ่อเฮียแก่ เรียกพี่ก็ได้นะ จะได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ” คนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ อยู่นานแล้วเอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้นมา
“ถ้าแกไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าแกเป็นใบ้ ปากหมาแบบนี้ไงถึงไม่มีใครอยากเอาทำผัว”
“ไม่มีใครเอาทำผัวได้ไงครับพ่อ แล้วที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้าผมไม่เรียกเมียเหรอครับ”
“มีสักวันไหมที่แกจะเลิกยียวนกวนประสาทฉันไอ้ลูกเวร”
“พ่อกินเยอะๆ นะครับอย่ามัวตักให้ลูกสะใภ้” ขุนเขาไม่ตอบแต่กวนประสาทกลับ พร้อมกับตักอาหารให้บิดา
แก้มหอมรู้สึกว่าสองพ่อลูกไม่ได้โกรธกันจริง แต่ดูรักกันเสียมากกว่า เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา มาอยู่บ้านเขาพูดน้อย ฟังให้มากน่าจะทำให้เธออยู่รอด
ยายสอนเสมอว่าพูดให้น้อยเข้าไว้ ฟังให้มากเข้าไว้ เพราะบางครั้งคำพูดมักเป็นภัยกับตัว หรือทำให้เราเสียเปรียบ
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ยังเป็นช่วงหัวค่ำ แก้มหอมจึงเดินออกไปสำรวจนอกบ้าน เธอได้กลิ่นหอมของดอกไม้ จึงเดินออกมาดู ทำให้ได้เห็นสวนดอกไม้หอมกรุ่น
ด้านนอกลมเย็นสบาย ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของเธอนั้นเย็นลงไปได้มาก
“มาเดินอ่อยใครแถวนี้”
“อุ๊ย!” แก้มหอมหันขวับไปมองก็เจอเข้ากับสามีจอมเถื่อนของเธอ เธอเบือนหน้าหนี ก่อนจะเดินหนีแต่โดนคว้าแขนเอาไว้
“เจ็บนะเฮีย ทำไมชอบทำอะไรรุนแรง” เธอมองเขาอย่างโกรธ ๆ
“แล้วทำไมถึงได้ชอบเดินหนี”
“เดินหนีแสดงว่าไม่อยากเห็นหน้า ไม่รู้หรือไง”
“รู้”
“อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อเขากระชากตัวเธอเข้าไปหา จนหน้าอกแกร่งปะทะกับหน้าอกนุ่ม
แก้มหอมห่อไหล่หนี แต่เขาก็กอดรัดเอาไว้เต็มที่ ทำให้เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้
“ปล่อยนะเฮีย”
“ถามว่ามาเดินอ่อยใคร”
“ไม่ได้มาเดินอ่อยเฮียก็แล้วกัน”
“ถึงอ่อยเฮียก็ไม่สนใจหรอก”
“ขนาดไม่สนใจยังลากแก้มขึ้นเตียง”
“ตามหน้าที่ก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว เดี๋ยวเธอจะหาว่าเฮียไม่ทำการบ้านน่ะสิ”
“ไม่เลยสักนิด ถ้าเฮียไม่ทำแก้มจะดีใจมาก” เธอสะบัดตัวหนี แต่เขาไม่ยอมปล่อย ลากเธอไปนั่งตักตรงม้าหินอ่อนในสวนดอกไม้
“หยุดดิ้นได้แล้ว ไม่เห็นหรือไงว่าดอกไม้หอมขนาดไหน” เขากระซิบเสียงดุที่ริมหู ทำให้เธอหยุดดิ้น
“ดอกไม้หอมแล้วเกี่ยวอะไรด้วยคะ”
“เฮียจะดมกลิ่นดอกไม้ เธออย่าพูดมากสิ” ประโยคของเขาทำให้เธอหยุดนิ่ง ดมกลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นในสวนของเขาอย่างเผลอไผล
“หอมจัง ดอกอะไรคะ”
“หลายดอกเลยล่ะ”
“คะ” เธอหันไปมองหน้าเขา ก่อนที่แก้มสาวจะชนเข้ากับปากร้อน ทำให้เธอโดนเขาหอมแก้มฟอดใหญ่
“อุ๊ย!”
“หลายดอกคือ” คนตามไม่ทันคนเจ้าเล่ห์เอ่ยถาม
“คืนนี้จะบอกว่าหลายดอกยังไง” เขาจะจัดเธออีกหลายดอกยังไงล่ะ ขุนเขาหัวเราะหึหึในลำคอ
“แก้มง่วงแล้วค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขาพลางหน้าแดง ก็เธอรับรู้ได้ถึงความแข็งชันของแก่นกายเขาน่ะสิ
“อะไรกันยังช่วงค่ำอยู่เลยง่วงแล้วเหรอ” เขาล็อกเอวบางของเธอเอาไว้ พลางกระซิบถามตรงริมหู
“ใช่ค่ะ ง่วงแล้วค่ะ”
“นอนแต่หัวค่ำจัง หรือจริงๆ อยากชวนเข้าห้องตั้งแต่หัวค่ำ”
“ไม่ใช่เสียหน่อยค่ะ”
“ก็ดีนะ”
“อะ... อะไรดีนะ” เธอเอ่ยถามอย่างตกใจเมื่อเขาอุ้มเธอขึ้น
“ก็เข้าห้องตั้งแต่หัวค่ำน่ะสิดี เราจะได้มีเวลาทำการบ้านกันหลายชั่วโมง”
“ไม่เอา” แก้มหอมทำท่าจะร้องไห้ออกมา
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“แก้มไม่ไหวแล้ว แก้มเจ็บ” แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาจนขุนเขายอมรับว่าตกใจ
“ไม่ทำอะไรหรอก นอนกอดเฉยๆ โอเคไหม” ถึงเขาจะดูป่าเถื่อน แต่นั่นแค่อยากแกล้งเธอ และแสดงอาการต่อต้านว่าเขานั้นไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ แต่เมื่อเห็นเธอร้องไห้โฮออกมาแบบนี้ เขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก
“นอนกอดเฉยๆ จริงๆ นะ”
“จริง เฮียพูดคำไหนคำนั้น แต่หลังจากคืนนี้เธอไม่รอดแน่” ประโยคของเขาสั่นประสาทเธอนัก
นึกอยากเขกหัวตัวเองจริงๆ ที่บอกว่าจะเข้านอน กลายเป็นเธอต้องนอนตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนของเขาตั้งแต่หัวค่ำ แทนที่จะได้นั่งดูดาวหรือนั่งสูดกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ในสวน