ตอนที่ : 2 ราคีร้าย 2

1712 คำ
“ผมไม่รู้” คนถูกชกสะบัดน้ำเสียงตอบ ยกนิ้วขึ้นแตะตรงมุมปากที่คาดว่าน่าจะแตกเรียบร้อยแล้ว นายมาตย์ทำท่าจะปรี่เข้าไปทำร้ายคนที่ข่มเหงลูกสาวของตัวเอง “พอเถอะค่ะคุณพ่อ” เพียงจันทร์รั้งร่างของท่านเอาไว้เสียก่อน แล้วหันไปมองมารดาด้วยสายตาแห่งความเสียใจ เรื่องราวไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้ ทางฟาร์มมณีษรได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้นายชูผู้เป็นปู่ของชาลได้รับรู้ และด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น นายชูจึงต้องตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรม ชาลก็ถูกบังคับให้รับผิดชอบในตัวของเพียงจันทร์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง “ผมไม่แต่ง” “แกต้องแต่งไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ให้เงินแกแม้แต่บาทเดียว ฟาร์มชาลีก็จะยกให้พี่ชายแกคนเดียว” นายชูจำต้องใช้ไม้นี้เพื่อสั่งสอนหลานชายให้รู้จักคำว่ารับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำลงไป “ปู่ !” ชาลไม่ได้เห็นแก่เงินแต่เขาไม่คิดว่าปู่ของตัวเองจะเลือกคนอื่นมากกว่าตัวเอง แววตาของชายหนุ่มแสดงความผิดหวังในสิ่งที่ปู่เอ่ยออกมาอย่างรุนแรง “เออ ฉันนี่แหละปู่ของแก ฉันสอนให้แกเป็นลูกผู้ชายไม่ใช่ไอ้บ้ากามที่บุกไปปล้ำลูกสาวเขาถึงในบ้าน ถ้าแกยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ก็จงแต่งงานรับผิดชอบหนูนิ้งเขาซะ” ท่าทางของนายชูเอาจริงแน่ ซึ่งคนเป็นหลานอย่างชาลก็รู้ว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธได้ ปู่ของเขาถนัดเรื่องบีบบังคับให้คนทำตามได้ไม่ยาก ชาลรู้สึกเบื่อหน่ายในสภาพแบบนี้ของตัวเองเหลือเกิน ไม่ทำงานที่ฟาร์มก็ถูกถากถางอยู่ทุกวัน ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายบ้างล่ะไหนจะมาเรื่องนี้อีก ความอดทนของเขาเริ่มจะหมดสิ้นลงแล้ว “แต่งก็ได้ครับคุณปู่ แต่ละครน้ำเน่าฉากนี้ผมไม่ขอเล่นจนจบนะครับ” ถ้อยคำกำกวมนี้นายชูได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ หลังจากงานแต่งถูกจัดขึ้นภายในหนึ่งเดือนต่อมา เมื่อได้ฤกษ์ส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าของฟาร์มก็ทำการส่งแขกเหรื่อกลับบ้านจนหมดทุกคน ใครจะรู้ว่าได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาก่อนขึ้นภายในห้องหอของคู่บ่าวสาว            “นั่นคุณจะทำอะไร” เจ้าสาวคนสวยเอ่ยถามเจ้าบ่าวด้วยความแปลกใจ เมื่อเขากระชากพวงมาลัยโยนทิ้งแล้วตรงเข้าไปรื้อเสื้อผ้าออกมาจากตู้            “อเมริกา” คำตอบสั้น ๆ ของคนที่เป็นสามีทำให้เพียงจันทร์แทบน้ำตาร่วง แต่งงานยังไม่ทันจะได้เข้าหอกันตามธรรมเนียมประเพณี เขาก็บอกว่าจะไปต่างประเทศเสียแล้ว            “แล้วฉันล่ะ”            “เธอทำไม ? ในเมื่ออยากแต่งงานนักฉันก็แต่งให้แล้วนี่ไง ที่เหลือก็เชิญเธอใช้เงินสินสอดแล้วกอดทะเบียนสมรสเอาไว้ให้แน่น ๆ ล่ะ” เนคไทถูกรูดออกแล้วโยนทิ้งลงพื้นห้องอย่างไม่แยแส ชาลถอดสูทสีเทาออกแล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นทั้งสองข้าง            “คุณจะไปจริง ๆ หรือ” เพียงจันทร์แทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะโดนเจ้าบ่าวทิ้งในคืนเข้าหอ เจ้าสาวคนสวยถึงกับน้ำตาเอ่อคลอเบ้า มองดูเขากำลังลากกระเป๋าเดินทางยี่ห้อดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น ชาลไม่ได้ล้อเล่นแต่เขาเอาจริงอย่างแน่นอน            “คุณจะไปกี่วัน” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องเอ่ยถามเรื่องนี้กับเขา เจ้าบ่าวร่างสูงหันมาจ้องหน้าของคนถาม เขากระตุกยิ้มตรงมุมปากคล้ายเยาะหยัน กวาดสายตามองดูคนในชุดเจ้าสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างดูแคลน            “กะว่าจะไปสักเดือนสองเดือน แต่ก็ไม่แน่นะอาจจะเป็นปีสองปีก็ได้” เอ่ยจบร่างสูงก็หันหลังให้เจ้าสาวพร้อมกับลากกระเป๋าออกจากห้องหอไป โดยไม่คิดหันหลังกลับมามองดูเจ้าสาวของตัวเอง ที่กำลังทรุดตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้นห้อง เพียงจันทร์สะอื้นไห้ออกมาแทบใจจะขาด เธอช่างอาภัพนักแต่งงานวันแรกก็ไร้ซึ่งเงาของสามีเสียแล้ว            “ชาลแกจะไปไหน” พี่ชายผู้มีอายุมากว่าสามปีเอ่ยถามน้องชาย ที่กำลังลากกระเป๋าออกมาจากห้องหอ คนเป็นน้องชายยกไหล่ทั้งสองข้างอย่างยียวน จากนั้นก็ชูหนังสือเดินทางขึ้นให้พี่ชายดูแทนคำตอบ            “อเมริกาครับพี่ชัน”            “อเมริกา” ชันชัยถึงกับอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าน้องชายของเขาจะเลือกทางออกแบบนี้            “แกจะบ้าหรือชาลจะไปอเมริกาในคืนวันแต่งงานนี่นะ”            “ผมบ้าไปแล้วครับพี่ชัน บ้าตั้งแต่ถูกบังคับให้แต่งงานกับยัยนั่นแล้ว” ยัยนั่นของเขา กำลังนั่งร้องไห้มองสองพี่น้องโต้เถียงกันอยู่ผ่านช่องประตูที่เปิดกว้างออก เพราะว่าคนเปิดยังไม่ทันได้ทำการปิดมันลงนั่นเอง ชันชัยเห็นภาพดังกล่าวแล้วถึงกับสะท้านอยู่ในอกด้วยความรู้สึกสงสาร เจ้าน้องชายตัวแสบของเขาทำลงคอได้อย่างไร กล้าทำร้ายจิตใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเพียงจันทร์อย่างไม่น่าให้อภัย            “แกดูเพียงจันทร์สิ แกไม่สงสารเขาเลยหรือ” ชันชัยเบือนหน้าไปทางประตูห้อง แววตาแสดงความเห็นอกเห็นใจน้องสะใภ้คนงาม            “ผมไม่ได้บังคับให้เขามาแต่งงานนี่ครับ เขายัดเยียดตัวของเขาเอง”            “ชาล แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าแกไปปล้ำเขาก่อน นี่แกยังจะกล้าทิ้งเขาไปแบบนี้อีกหรือ” เสียงของชันชัยค่อนข้างดัง กระทั่งผู้เป็นปู่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนที่อยู่ฝั่งปีกซ้ายสุดของตัวบ้าน            “ชาลแกจะไปไหน” เสียงทรงอำนาจของชายสูงวัยตะคอกดุใส่หลานชายคนเล็กของตัวเอง ชาลส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เบื่อหน่ายที่จะต้องถูกปู่บังคับขืนใจให้ทำโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา            “ผมจะไปอเมริกาครับปู่” ตอนแรกชาลตั้งใจจะไปแบบเงียบ ๆ แต่ตอนนี้คงไม่ทันเสียแล้วคงรู้กันทั้งบ้าน            “อเมริกา ! แกจะบ้าหรือยังไงจะไปอเมริกาในวันแต่งงานของตัวเอง” แววตาของนายชูนั้นเคร่งเครียดต่อสิ่งที่หลานชายเอ่ยออกมา            “ครับผมมันบ้า ทั้งปู่ทั้งพี่ชันต่างก็บอกว่าผมบ้า ผมบ้าจริง ๆ ครับปู่ บ้าตั้งแต่ปู่บังคับให้รับผิดชอบเพียงจันทร์แล้ว”            “ไอ้ชาล !”            “ลาล่ะครับปู่พี่ชัน” คนบ้าหันหลังโบกไม้โบกมืออำลาทั้งสองคน โดยไม่คิดฟังเสียงคัดค้านจากคนเป็นพี่ชาย หรือกระทั่งเสียงด่าทอของผู้เป็นปู่แม้แต่น้อย            “แกไปเลยไม่ต้องกลับมายิ่งดี !” ด้วยโทสะทำให้ชายสูงวัยหลุดถ้อยคำอันไม่สมควรออกมา            “ปู่อย่าพูดแบบนั้นสิครับเดี๋ยวชาลก็เตลิดไปไม่กลับจริง ๆ นะครับ” ชันชัยเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามปรามปู่ของตัวเอง ชาลหยุดนิ่งเพียงชั่วครู่รู้สึกปวดใจแปลบปลาบ ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปยังรถของตัวเองแล้วขับมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายที่ต้องการ            “แกดูน้องชายแกทำสิเจ้าชัน มันเคยเห็นหัวฉันบ้างไหม” นายชูโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ก็ไม่อาจทำอะไรหลานชายตัวเองได้ ชายสูงวัยได้แต่กำหมัดแน่นแล้วเดินหันหลังกลับห้องของตัวเองไป ชันชัยได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ชาลนั้นอารมณ์ร้อนและดื้อดึงเกินกว่าใครจะห้ามปราม ส่วนปู่ก็รั้นเกินกว่าใครจะทานไหว ชายหนุ่มปรายสายตาเข้าไปในห้องของน้องชาย ภาพเจ้าสาวแสนสวยกำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงนอน ทำให้ชันชัยไม่อาจเดินจากไปเฉย ๆ ได้ เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องหอของน้องชาย            “คุณนิ้งครับ” เขาอยากจะเอ่ยปลอบโยนให้ฟังดูดีกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจสรรหาคำพูดใดมาเอ่ยได้ในตอนนี้            “นิ้งไม่เป็นไรค่ะ คุณชันออกไปจากห้องเถอะค่ะมันไม่เหมาะที่คุณจะอยู่ในนี้” เพียงจันทร์รีบยกปลายนิ้วแตะเช็ดคราบน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น            “งั้นผมไปก่อนนะครับ” ชันชัยถอนหายใจด้วยความรู้สึกลำบากใจแทนหญิงสาว เขาปิดประตูห้องลงพร้อมกับกดล็อกปิดประตูให้อย่างแผ่วเบา ความรู้สึกของเพียงจันทร์นั้นใครก็ยากจะเข้าใจได้ ภรรยาที่น้องชายของเขาถูกบังคับให้รับผิดชอบอย่างไม่เต็มใจ ในวันแต่งงานแท้ ๆ เจ้าน้องชายตัวแสบกลับจองตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศ เขาไม่เข้าใจว่าชาลทำแบบนี้ทำไม หรืออยากจะประชดปู่ที่บังคับยื่นคำขาดให้แต่งงาน คนเป็นพี่ชายรู้สึกมึนงงต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แบบนี้แล้วน้องสะใภ้คนนี้ของเขาจะอยู่ที่นี่ในสภาพจิตใจแบบไหนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งหาทางออกไม่เจอสำหรับเรื่องนี้            ภายในห้องนอนที่ชันชัยเพิ่งปิดประตูลง เพียงจันทร์กำลังถอดชุดเจ้าสาวฟูฟ่องออก เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น หลังจากผลัดเปลี่ยนเป็นชุดนอนออกมาแล้ว หญิงสาวก็เดินตรงไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกตรงหน้ากำลังสะท้อนภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง บนใบหน้าของเธอไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย ใช่ เธอยิ้มไม่ออกตั้งแต่ถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายเลว ๆ ที่ชื่อ ชาล ชาลี ทายาทอันดับสองของฟาร์มชาลีแห่งนี้ มือที่เอื้อมไปหยิบหวีกำสิ่งที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น ช่างหัวคนเลวปะไร !        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม