บทที่2 เพื่อนร่วมงาน
ใบหน้าตกใจของรติภัทรเป็นตัวยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าแผนการของสองแม่ลูกสำเร็จลุล่วง สองแม่ลูกแตะมือกันก่อนจะหัวเราะคิกคักกันสองคนขณะที่คุณป้ายังสาวนั้นถึงกับต้องค้อนเข้าให้
“ไม่ตลกนะ ไปไหนมาไหนไม่บอกกันทั้งที่ไม่เคยไปแบบนี้มันอันตรายนะสีรุ้ง”
เหนือจากความตกใจที่อยู่ ๆ น้องสาวก็มากลายเป็นเพื่อนร่วมงานคนใหม่แล้วยังตกใจและนึกโกรธไม่น้อยที่สองแม่ลูกออกจากที่พักมาที่นี่ทั้งที่ไม่รู้เส้นทางในกรุงเทพฯดี
ให้ตายเถอะ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นสองแม่ลูกคู่นี้จะเป็นยังไง “ทำไมถึงได้ดื้อและเอาแต่ใจกันขนาดนี้นะ”
“เอาเถอะนาครีม เธอก็อย่าเว่อร์นักเลย ยังไงพวกเขาก็มาถึงกันอย่างปลอดภัย” ปฐวีปรามเมื่อเห็นท่าว่าคู่ปรับสาวจะไม่พอใจน้องสาวเอามาก ๆ และแน่นอน เจ้านายอย่างเขาก็ยังโดนค้อนเข้าให้ ค้อนวงใหญ่ซะด้วย
“นายไม่เกี่ยว!”
“นี่บอสเอง” คนเป็นเจ้านายบอกก่อนจะย่นคอเมื่อสายตาดุราวกับแม่เสือของรติภัทรถูกส่งมาให้ บอสก็บอสเถอะ เจอแม่เสือเข้าไปก็หมอบราบ ได้แต่ส่งสายตาบอกน้องสาวคู่ปรับผู้พ่วงตำแหน่งภรรยาเพื่อนสนิทและหนูน้อยผู้น่าเอ็นดูว่างานนี้พี่ไม่ยุ่งแล้วก็สงบปากสงบคำปล่อยให้พี่น้องเขาเคลียร์กันเอง
รัมภาภัสร์ลอบสบตากับลูกสาวก่อนที่หนูน้อยจอมแก่แดดจะเดินเข้าไปหาคนเป็นป้าอย่างรู้งานและออดอ้อนชนิดที่แม้แต่คนใจแข็งอย่างผู้เป็นพ่อก็เคยพ่ายแพ้
“ครีมจ๋าอย่าโกรธเราเลยน๊า หนูเล็กกับแม่รุ้งผิดไปแล้ว”
“ใช่ค่ะ คราวหลังเราจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าโกรธเราน๊า” คนเป็นแม่ก็ใช่ย่อย ลูกอ้อนแพรวพราวไม่แพ้ลูกสาวเลยสักนิด แล้วมีหรือแท็คทีมกันขนาดนี้รติภัทรจะยังโกรธอยู่ได้
“จริง ๆ เลยเด็กพวกนี้นี่” คนใจอ่อนยวบบ่นแต่ก็ไม่สามารถที่จะโกรธต่อได้ ลูกอ้อนไม่เท่าไหร่หรอก แต่สายตาออดอ้อนที่ยิ่งกว่าตาแมวเวลาอ้อนนี่สิทำให้เธอไปไม่เป็นต้องยอมหายโกรธเสียทุกที
ทุกอย่างเหมือนจะเข้าที่แล้ว ปฐพีที่ลอบสังเกตอยู่จึงเริ่มส่งเสียงขึ้น “เอาล่ะ สรุปว่าไม่โกรธแล้วเนาะ งั้นเชิญไปทำงานกันได้แล้ว”
“ไม่ต้องไล่ กำลังจะไปอยู่แล้วย่ะ”พูดจบรติภัทรก็เดินนำสองแม่ลูกออกจากห้องไปไม่สนใจท่านประธานหนุ่มแม้แต่น้อย
ทีมของรติภัทรประกอบด้วยมัณฑนากรฝีมือดีหลากหลายคน แต่ละคนเชี่ยวชาญในสถาปัตยกรรมคนละอย่าง ต่างความชอบ ต่างวัยแต่ทุกคนก็เข้ากันได้ดี มีความเป็นมิตร เมื่อทุกคนได้รู้จักกับรัมภาภัสร์และเด็กหญิงรัมภาวีร์ก็มีแต่ความเอ็นดูส่งให้
“ที่นี่เรามีทั้งมัณฑนากร สถาปนิก วิศวกร และช่างรับเหมา มีทีมมัณฑนากรถึงห้าทีม สถาปนิกอีกหก วิศวกรอีกแปด ทุกคนเป็นมืออาชีพที่โดดเด่นในเรื่องฝีมือ แต่ก็มีบางทีมที่ปากเก่งกว่าฝีมือ ถ้ามีใครมาแขวะ หรือมากวนใจรีบบอกพี่ทันที เดี๋ยวพี่จัดการให้” รติภัทรร่ายยาวบอกน้องสาวที่ถูกจัดให้โต๊ะอยู่ติดกับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง ใครจะระรานเธอก็ช่างเถอะ แต่อย่ามาระรานน้องสาวของเธอ น้องสาวคนนี้เธอรักและหวงมาแต่อ้อนแต่ออก ถ้าไม่แน่จริงอย่าคิดมาแตะ
รัมภาภัสร์แทบหุบยิ้มไม่อยู่ เอาอีกแล้ว นิสัยหวงน้องของรติภัทรถูกปลุกให้ตื่นอีกแล้ว “โธ่ อย่างกับไม่รู้จักน้องสาวตัวเอง อย่าห่วงรุ้งเลย รุ้งเคยยอมให้ใครทำรุ้งฝ่ายเดียวไหมล่ะ ใครจะมาไฝว้กับรุ้ง รุ้งไม่กลัวหรอก”
“ย่ะ พี่รู้ แต่ก็ยังขอเตือนอยู่ดี เพราะยัยพวกนั้นน่ะเก่งที่สุดคือการปล่อยข่าวลือมั่ว ๆ มาทำลายเรา”
“ใช่ค่ะน้องรุ้ง ขนาดเจ้ครีมที่ว่าแน่ยังโดนพิษข่าวโคมลอยเล่นงานเลย” ขวัญตา มัณฑนากรสาวเปรี้ยวจี๊ดแต่ใจดีแทรกขึ้นด้วยความเป็นห่วงก่อนที่ทิวา หนุ่มหล่อใจสาวจะบอกเล่าต่อ
“ใช่ฮะ เจ้ครีมน่ะโดนนังชะนีว่างงานพวกนั้นปล่อยข่าวว่าคิดจะจับบอส จนเป็นเรื่องคุณแม่กับแฟนของบอสมาราวีเจ้ครีมทุกสามวันเชียวนะ กะจะให้เจ้ทนไม่ไหวลาออกไปเองน่ะฮะ”
จบคำพูดของทิวาทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่รัมภาภัสร์กลับมึนงงเพราะกำลังหลงประเด็นไปชั่วขณะ “แม่ของพี่ปรัชเสียไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“เปล่า...จริง ๆ แล้วป้าดาเป็นแม่เลี้ยงน่ะ แม่แท้ ๆ แยกทางกับพ่อนายนั่นตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” รติภัทรอธิบายให้น้องสาวฟังพร้อมกับยักไหล่อย่างคนไม่อยากจะพูดแต่ก็ต้องพูด “แม่แท้ ๆ เขาเป็นพี่สาวคนละแม่ของป้าดา”
รัมภาภัสร์นิ่งลำดับความเข้าใจก่อนที่จะถอนหายใจพรืดใหญ่ คนที่เธอเจอและคิดมาตลอดว่าเป็นมารดาของปฐวีกลับเป็นแม่เลี้ยง แล้วแม่แท้ ๆ กับแม่เลี้ยงก็เป็นพี่น้องกัน มันจะไม่น่าตกใจอะไรเลยถ้าแม่เลี้ยงปฐวีไม่ใช่น้าของราชนาวี แล้วแม่แท้ ๆ ของปฐวีล่ะเป็นอะไรกับราชนาวีกันล่ะ
“แม่พี่ปรัชร้ายไหมพี่ครีม”
“ก็ร้ายใช้ได้อยู่” รติภัทรบอกเสียงเบา “แต่ไม่ต้องกลัวว่าเราจะโดนร่างแหไปหรอกนะ พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเราหรอก อีกอย่างคุณหญิงลัลลนาก็เป็นน้องสาวป้าริน ถ้าคิดจะมาทำอะไรเรา พี่จะฟ้องป้าริน”
“พี่ครีมคะ แม่รินไม่ช่วยรุ้งหรอก อย่าลืมสิรุ้งพาหนูเล็กหนีมานะเนี่ย”
“เออ พี่ลืม แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว พี่เอาอยู่ เอาล่ะ ทำงานทำการกันดีกว่าจะได้ไม่ถูกลดโบนัส” รติภัทรตบไหล่น้องสาวก่อนที่จะกลับไปนั่งทำงานในส่วนของตนส่วนคนเป็นน้องและหลานในวันแรกก็ได้แต่มองการทำงานเพราะยังไม่มีงานเข้ามา หนูน้อยรัมภาวีร์ไม่ส่งเสียงดังรบกวนใด ๆ ยิ่งทำให้ลูกทีมของรติภัทรนึกเอ็นดูหนูน้อย
พักเที่ยงวันนั้นเจ้ครีมของน้อง ๆ จึงชวนทุกคนในทีมไปเลี้ยงข้าวเนื่องในโอกาสที่น้องสาวผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นแต่ไม่เคยได้โชว์ฝีมือให้ใครได้เห็นได้เข้าทำงานที่ใฝ่ฝันสักที
“อยากกินอะไรเต็มที่เลย วันนี้เจ้เปย์หนัก” รติภัทรบอกหลังจากที่เข้ามานั่งในร้านอาหารเจ้าประจำไม่ไกลจากบริษัท “แต่เปย์แค่คนในทีมนะ ไม่เปย์แขกไม่ได้รับเชิญ”
“เฮ้ย ได้ไงอะ เปย์แล้วต้องเปย์ทั้งหมดดิ” แขกไม่ได้รับเชิญที่มาเสนอหน้ายิ้มแป้นบอกอย่างลอยหน้าลอยตา เขาคนนี้ก็คือปฐวีนั่นเอง ชายหนุ่มนอกจากจะมานั่งเสนอหน้าที่โต๊ะของรติภัทรและพวกแล้วยังพาน้องชายต่างบิดาที่มีคะแนนความหล่อสไตล์โอปป้ากินขาดบาดใจสาว ๆ ในบริษัทมาอีกด้วย
“ถ้าพวกผมรบกวนขอโทษเจ้ครีมด้วยนะครับ เฮียปรัชครับ เราไปทานแค่เราดีกว่า” ปราณภพผู้เป็นน้องจากพ่วงตำแหน่งหัวหน้าทีมสถาปนิกมือดีเอ่ยบอกพี่ชาย แต่เจตนาของปฐพีก็ชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ
“ทานสองคนจะไปมีรสชาติอะไรวะปราณ ต้องหลาย ๆ คนดิถึงจะมีสีสัน ใช่ไหมทุกคน”
“ใช่ค่ะบอส” แทบทุกคนในทีมของรติภัทรตอบเป็นเสียงเดียวกันจนหญิงสาวได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ เหม็นขี้หน้าซะจริง
“ครีมจ๋าให้ปรัชจ๋ากินข้าวด้วยเถอะน๊า แล้วให้ปรัชจ๋าเลี้ยง...ไม่ดีเหรอ” หนูน้อยรัมภาวีร์ออกความเห็นก่อนจะโน้มน้าวคุณป้ายังสาวด้วยสายตาจนในที่สุดหญิงสาวก็จำต้องยอม
“บอสเลี้ยง ตามนั้น” คนที่ตอนแรกคิดจะเป็นเจ้ามือบอกก่อนจะยกยิ้ม เอาเถอะ ยังไงเสียอีกฝ่ายก็ถือเป็นเจ้านาย รอให้หมดสัญญาจ้างก่อนเถอะ ถึงวันนั้นเธอจะเอาคืนให้หนักกว่านี้เชียว
“ไม่มีปัญหา เออ...จริงสิปราณคนนี้รุ้ง น้องสาวของครีม เป็นมัณฑนากรคนใหม่ของเรา ส่วนรุ้ง นี่ปราณ น้องชายพี่ น่าจะอ่อนกว่าเราปีนึงได้ล่ะ” ปฐวีแนะนำขึ้นก่อนที่จะปล่อยให้คนอื่น ๆ คุยกัน ส่วนตนนั้นขยับไปนั่งข้างรติภัทรพร้อมกระซิบถามสิ่งที่สงสัย
“รุ้งไปลงเอยกับไอ้รักได้ยังไง ตอนนั้นรักมันคบกับพิมมี่ไม่ใช่เหรอ? ฉันนึกว่าจะจริงจังกันถึงขั้นแต่งงานไง๊กลายเป็นมาลงเอยกับรุ้งจนลูกโตขนาดนี้ได้”
“เรื่องมันยาว”
“ยาวก็เล่าเถอะนา”
“เล่าตรงนี้ไม่ได้ มันยาว” หญิงสาวย้ำเสียงเข้มก่อนจะอ่อนลง “ไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟัง”
“ให้มันแน่เถอะ” เขาบอกแล้วก็หันไปที่หนูน้อยรัมภาวีร์ เด็กคนนี้จะว่ามีหน้าตาเหมือนพ่อก็ใช่ จะว่าเหมือนย่าก็ใช่ ดูไปดูมาคล้ายป้าของเขาไม่น้อย แต่ก็เหมือนแม่ของเขาไม่ใช่เล่น แม่แท้ ๆ ของเขามีใบหน้าที่โขลกพิมพ์เดียวกันมากับคุณย่าของหนูน้อยเพราะเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเสียด้วย หวังว่าจะไม่มีใครโยงไปแล้วปล่อยข่าวว่าหนูน้อยเป็นลูกเขาหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคู่หมั้นของเขาคงอาละวาดให้ต้องปวดหัวแน่
“เออ เธอได้บอกรุ้งกับหนูเล็กไหมว่าแม่ฉันน่ะหน้าเหมือนกับคุณย่าเขา”
“เออว่ะ ลืมบอก ถ้าสองแม่ลูกนี่เจอคงตะลึงตาค้างแน่” รติภัทรพูดอย่างนึกได้ เธอจะหาโอกาสบอกสองแม่ลูกยังไงดี “ตายล่ะ บ่ายนี้ไม่ใช่แม่กับเมียนายจะมาป่วนฉันเหรอ?”
“คู่หมั้นเว้ย ไม่ใช่เมีย”
“สาบานไหมว่านายไม่เคยนอนกับเขา”
“บอกว่าไม่เคยไง นี่ ไม่เชื่อกันบ้างเลยว่างั้น” ปฐวีถามด้วยเสียงฉุน ๆ ทำไมรติภัทรถึงไม่เชื่อเขาบ้างเลยนะ
“ก็เขาบอกฉันแบบนั้น” เธอยักไหล่แต่แล้วก็ต้องเงยหน้ามองเมื่อแทบทุกคนบนโต๊ะจ้องมาที่ทั้งคู่ รวมถึงสายตาคู่ใสแจ๋วของหนูน้อยรัมภาวีร์
“ยังไงกันเนี่ยสองคนนี้ กิ๊กกันอะเปล่า” นับหนึ่งมัณฑนากรหนุ่มมาดทะเล้นถามก่อนจะโดนรติภัทรตาขวางใส่
“กิ๊กบ้ากิ๊กบออะไร ไร้สาระ กิน ๆ ไปเถอะ”
เพราะสายตาดุนั้นทุกคนจึงต้องหันไปสนใจมื้อเที่ยงที่เจ้านายอุตส่าห์เลี้ยงแต่ไม่ใช่รัมภาภัสร์และเด็กหญิงรัมภาวีร์
“หนูเล็กว่าต้องมีอารายในกอไผ่แน่เลยค่ะแม่รุ้ง” ลูกสาวของคุณแม่รีบกระซิบบอกขณะที่สายตานั้นยังลอบสังเกตอยู่ แน่นอนว่าคุณแม่เองก็คิดไม่ต่างกันกับลูกสาว
“แม่รุ้งก็ว่างั้น แต่พี่ ๆ เขาว่าปรัชจ๋ามีแฟนแล้วนี่สิ”
“แต่ในกอไผ่มันมีอะไรอยู่นะคะ”
“งั้นสังเกตการณ์กันไปก่อน ค่อยว่ากันอีกที โอเคไหม?”
“โอเคค่ะ” คนเป็นลูกบอกก่อนที่จะลงมือทานอาหารกันเหมือนกับไม่สนใจท่าทีของรติภัทรและปฐวี
เวลาต่อมา
ห้องน้ำภายในบริษัท
“ได้ยินว่าเป็นน้องใหม่ของทีมยัยรติภัทร” เสียงเอ่ยลอย ๆ ดังขึ้นข้าง ๆ ขณะที่รัมภาภัสร์กำลังล้างมืออยู่ทำให้หญิงสาวต้องหันไปมองพิจารณาก่อนจะถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ
“คุยกับฉันเหรอคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ บริษัทนี้มีน้องใหม่มาทำงานเยอะนักหรือไง” คนพูดลอย ๆ ตอบ สีหน้าและท่าทางแบบฉบับคนขี้วีนถูกส่งมาพร้อมกับค้อนวงโต
‘มาหาเรื่องสินะ’ รัมภาภัสร์มองพิจารณาแค่ไม่กี่อึดใจก็มองเจตนาออกแต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวกับท่าทีนั้นเลยแม้แต่น้อย“ขอโทษค่ะนึกว่าพูดลอย ๆ”
“เหอะ เชื่อเขาเลย”
“ว่าแต่คุณมีอะไรเหรอคะ?” หญิงสาวถามอย่างสุภาพด้วยว่ายังไม่อยากมีเรื่องกับใครตั้งแต่วันแรกที่มา
“ได้ยินว่าฝีมือดี บอสรับเข้าทำงานทันทีหลังสัมภาษณ์เสร็จ มาทำงานกับฉันไหม ทีมของฉันก็มีแต่คนเก่ง ๆ ไม่แพ้ทีมยัยรติภัทร แต่เราไม่หยิ่ง ไม่ชอบแย่งงานใครแบบยัยนั่น”
“แต่บอสให้ฉันอยู่ทีมพี่ครีม”
“เหอะ บอสหลงยัยนั่นจนตาถั่วน่ะสิ ยัยนั่นน่ะกดขี่ลูกน้อง ชอบทำร้ายลูกทีมเวลาไม่พอใจบ่อยไปเพราะมีบอสให้ท้าย ถ้าเธอไม่อยากถูกรังแกก็ขอบอสย้ายมาทีมฉันซะ ฉันชื่อปาริตาเป็นหลานสาวของคุณหญิงลัลลนาแม่บอส” คนแนะนำตัวว่าชื่อปาริตาบอกพร้อมกับลอบยิ้ม เจอคำพูดแบบนี้เข้าไปก็คงจะเริ่มเอียงเอนบ้างแล้วละ
ปาริตาคิดว่าตัวเองจะแย่งตัวลูกทีมคนใหม่ไปจากรติภัทรได้ ทว่าน่าเสียดายที่วันนี้เธอมาเจอรัมภาภัสร์...จะมีน้องที่ไหนเชื่อคำว่าร้ายพี่สาวตัวเองกันละ “ขอโทษคุณปาริตานะคะ แต่ฉันไม่ย้ายทีมหรอกค่ะ พี่ครีมจะดุกับลูกน้องแค่ไหนแต่น้องสาวอย่างฉันคงไม่โดนหรอกค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ทันทีที่พูดจบรัมภาภัสร์ก็ก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีสุภาพและเกรงใจแต่ภายในใจกลับยิ้มสะใจเพราะทำให้ปาริตาหน้าแตกด้วยคำว่าน้องสาว ปาริตาจงใจพูดจาใส่ร้ายรติภัทรเพื่อแย่งลูกทีมแต่คราวนี้ได้หน้าแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะดันมายุให้น้องเขามองพี่ไม่ดี แล้วมีน้องที่ไหนจะเชื่อคนอื่นมากกว่าพี่สาวตัวเองได้ล่ะ
พอออกจากห้องน้ำมาได้ไม่นานรัมภาภัสร์ก็ต้องถอนใจพรืด ปาริตาเป็นลูกพี่ลูกน้องของปฐวี แถมเป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ เป็นไปสิชีวิต ทำไมเธอถึงได้มาวนเวียนอยู่ใกล้ญาติโกโหติกาคนไปไหนไม่ยอมบอกลูกคนนั้นด้วยนะ แล้วก็เอากับปาริตาสิ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายคงไม่หยุดแค่นี้แน่ ๆ ผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าที่ปล่อยข่าวลือเรื่องรติภัทรจนมารดาของปฐวีมาราวีพี่สาวเธอ แล้วถ้าใช่เธอคนนี้จะหาเรื่องอะไรมาเล่นงานเธอด้วยไหม