“โอ้ย! ไม่ได้ดั่งใจสักคน ไปหามาใหม่ขอดี ๆ กว่านี้ และภายในวันนี้เท่านั้น!”
“ดะ ได้ค่ะคุณญานิน”
เสียงเอะอะโวยวายในร้านอาหารหรูย่านใจกลางเมืองในยามเช้าตรู่ เป็นเรื่องชินไปเสียแล้วสำหรับเหล่าเชฟและบริกรภายในร้าน เพราะคุณญานินหรือนินผู้เป็นเจ้านายของพวกเขา...มักจะเอาแต่ใจและมีอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นนี้เสมอเมื่อเธอพบว่าเรื่องบางอย่างไม่ได้ดั่งใจอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เชฟคนเก่าทนต่อแรงกดดันที่เจ้านายคนสวยมอบให้เขาไม่ไหว แม้เจ้าตัวจะใบหน้าสวยสดงดงามเพียงใด แต่อารมณ์ที่ต้องเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่างห้ามมีแม้แต่รอยคราบน้ำมันบริเวณหน้าเตาไฟ จึงทำให้พวกเขาทยอยหนีหายจากเธอไปทีละคนสองคนอย่างคนที่สุดจะทนไหว...
มีเพียงคุณกชมนหรือคุณน้ำมนต์เท่านั้นที่เป็นเลขาของเธอและอยู่ยาวนานมากที่สุดในบรรดาลูกน้องของเธอทั้งหมดทั้งมวล
“กะอีแค่เชฟมันจะอะไรกันนักกันหนาครับน้องสาวคนสวย...” ชยานันต์ที่เป็นหุ้นส่วนร้านอาหารของญานินรีบเข้ามาปรามน้องสาวจอมเอาแต่ใจที่คิดเล็กคิดน้อยมากเรื่องไปเสียทุกอย่างจนพนักงานหนีหายแทบทุกเดือน
“ได้ไงพี่นัน ร้านนินเสียหายมาพี่จะรับผิดชอบร่วมกันไหม?!” เธอเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด
ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาต้องรับผิดชอบต่อมูลค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็เขาเป็นหุ้นส่วนนี่...
พี่ชายของเธอมักเป็นคนง่าย ๆ ไม่คิดอะไรมากตามนิสัยของคุณผู้ชาย จนนิสัยคิดเล็กคิดน้อยของเธอเองก็ค่อนข้างที่จะต่อต้านนิสัยสบาย ๆ ของพี่ชายอยู่บ่อยครั้ง
“ไหน ๆ เอามาให้พี่ดูหน่อย” ชยานันต์เอื้อมมือไปคว้าเอกสารของผู้ที่มาสมัครเป็นเชฟอย่างสงสัย ว่ามันเลวร้ายมากนักหรืออย่างไรน้องสาวของเขาถึงต้องปฏิเสธคนทั้งหมดรวดเร็วปานนี้ “คนนี้ก็โอเคนะพี่ว่า โปรไฟล์ใช้ได้เลยนี่” เขาพลิกหน้ากระดาษหันไปทางน้องสาว ก่อนที่เธอจะจิ๊ปากและมองตามเอกสารในมือของพี่ชายอย่างจำใจ
‘เปมิศา รัตนโกศล ประสบการณ์ทำงาน
เชฟอาหารยุโรป ประจำร้าน Bariro 2010 – 2014
เชฟอาหารไทย ประจำร้าน Farborg 2014 – 2017
เชฟอาหารอิตาเลี่ยน ประจำร้าน VolvoBar 2017 – 2019’
ญานินมองประวัติของคนตรงหน้าด้วยแววตาลุกวาวอย่างสนอกสนใจ ทำไมเมื่อครู่เธอถึงมองข้ามเชฟคนนี้ที่ถนัดในอาหารหลากหลายประเภท แถมแต่ละร้านที่เขาทำงานอยู่นั้นก็ล้วนแล้วแต่ได้*มิชลินสตาร์ทั้งสิ้น
“ทำไมนินไม่เห็นของคนนี้...” เธอหยิบใบสมัครงานของอีกคนขึ้นมามองอย่างสนใจอีกครั้ง ถ้าหากพี่ชายเธอไม่ขอดู เธอคงเสียเชฟฝีมือดีคนนี้เป็นแน่
“ก็เรามัวแต่โมโหไงเลยมองข้ามไป นี่ถ้าพี่ไม่เข้ามาแกไม่เสียดายแย่เหรอ?” ชยานันต์กอดอกมองน้องสาวอย่างตำหนิในความใจร้อน
ถึงจะบอกว่าน้องสาวของเขาเพอร์เฟคก็เถอะ...แต่ความใจร้อนและเอาแต่ใจของเธอก็ทำให้พลาดโอกาสที่สำคัญอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน
“น้ำมนต์ ติดต่อเชฟคนนี้ให้ฉันที เข้ามาพบฉันวันนี้ได้เลยยิ่งดี!” สิ้นคำสั่งของนายสาว กชมนก็ได้เพียงแต่พยักหน้าตอบรับและรีบวิ่งออกไปจัดการกับธุระที่เธอสั่งโดยเร็ว
“อืม เข้าซอยไหนกันแน่นะ” เปมิศายกมือขึ้นจับคางตัวเองอย่างชั่งใจ
เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากคุณกชมนหรือจากร้านอาหารDOMREDที่ตัวเขาส่งใบสมัครไปเมื่อวันก่อน แถมเธอยังกำชับมาอีกว่าถ้าหากเข้ามาภายในวันนี้ได้เลยก็อยากให้รีบเข้ามา เขาที่อยู่คอนโดเบื่อ ๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วจึงรีบตอบตกลงในทันที
แต่เพราะเขาพึ่งย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทย จึงไม่ค่อยคุ้นชินทางนัก เขาก็ขับมาตาม GPS นี่ทำไมถึงหลงทางได้กันนะ!
“อ้ะ เจอแล้ว!” เขาฉีกยิ้มให้ตัวเองอีกครั้งก่อนจะมุ่งหน้านำรถเข้าไปจอดไว้ที่จอดรถและเดินลงจากรถมาอย่างไม่รีบร้อน
เปมิศายืนมองร้านอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นอย่างนึกชื่นชมในความคิดของคนออกแบบ ร้านอาหารสีแดงเพลิงที่ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนสีเลือด แต่กลับให้ความรู้สึกดูดี ดูมีราคาเหมาะสมกับเป็นร้านอาหารชื่อดังที่เขาอยากร่วมงานด้วยสักครั้ง...
เปมิศาเดินเข้าไปในร้านอาหารก่อนจะพบผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องเผลอมองค้าง ผมสั้นประบ่า ดวงตาเรียวเล็กออกไปทางจีน จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากเรียวเล็ก กำลังนั่งคิ้วขมวดมุ่นกับกองเอกสารในมือตรงหน้า มันช่างดูมีเสน่ห์จนเขาไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าหมวยแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แสนดูดีนั้นได้เลย
“คุณเปมิศาคะ! คุณ!” เปมิศาได้สติขึ้นมาอีกครั้งเพราะเขาได้ยินเหมือนมีเสียงใครมาร้องเรียกอยู่ข้างตัว “คุณเปมิศาใช่ไหมคะ?” หล่อนถามเขาทั้งรอยยิ้ม ให้เขาละใบหน้าออกจากใครบางคนเพื่อมาสบตาหล่อนอย่างน่าเสียดาย
“ค่ะ ใช่ค่ะ คุณกชมนใช่ไหมคะ? ” เขายิ้มตอบหล่อนอย่างเป็นมิตร
กชมนรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมากะทันหันเมื่อเขานั้นส่งยิ้มมาให้ ใบหน้ายามยกยิ้มของอีกคนช่างมีเสน่ห์จนเผลอมองสำรวจใบหน้าของคนตรงข้ามอย่าถือวิสาสะ
“คุณคะ! คุณ!” เปมิศาที่เห็นคนตรงหน้ามองเขานานเกินไปก็เกิดไม่มั่นใจ หน้าของเขามีอะไรติดอย่างนั้นหรือเธอถึงมองกันด้วยสายตาแบบนั้น
“เอ่อ ขอโทษค่ะ” หล่อนผงกหัวขอโทษเขาในทันทีที่ได้สติ “เข้าไปพบคุณญานินกันดีกว่า” หล่อนยกยิ้มให้เขาก่อนจะออกเดินนำหน้าไปให้เขาเดินตาม
ในทางที่หล่อนพาเขาเดินมามันทำให้หัวใจของเขาสั่นระรัว กชมนพาร่างของเขาที่แทบจะไร้ซึ่งสติเดินเข้าไปใกล้กับผู้หญิงที่เขานั้นเรียกมันว่ารักแรกพบ ก่อนที่ร่างของหล่อนจะหยุดลงพร้อมกับเรียวหน้าสวยของใครอีกคนที่แหงนหน้าขึ้นมามองคุณกชมนทั้งคิ้วที่ยังขมวดกันมุ่น
ดูน่ารักน่าทะนุถนอมจริงเชียว...
“คุณญานินคะคุณเปมิศามาแล้วค่ะ” เลขาสาวบอกแก่เจ้านายของตัวเองก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับและลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง “ตามคุณญานินไปที่ห้องเลยนะคะ” เขาหันไปขอบคุณคุณกชมนอีกครั้งและออกเท้าเดินตามร่างสวยของคนตรงหน้าไป
“เชิญนั่งค่ะ” น้ำเสียงติดแหบของเธอช่างมีเสน่ห์
เปมิศานั่งลงตามคำเชื้อเชิญของคนตรงหน้า ทุกท้วงท่ากิริยาของเธอมันดูดีไปเสียหมดในสายตาของเขา
จนเปมิศาเผลอลืมฟังในสิ่งที่คนตรงหน้านั้นกำลังอธิบาย...
“เข้าใจที่ฉันพูดไหมคะ?” ญานินเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
คนตรงหน้าเอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา ทำให้เธอที่ค่อนข้างจะเป็นคนมั่นใจในตัวเองเกิดไม่มั่นใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมื่ออีกคนเอาแต่จ้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น
สายตาเหมือนตกอยู่ในภวังค์อะไรทำนองนั้น...
“เอ่อ...ว่าไงนะคะ ขออีกรอบได้ไหม?” เขายิ้มแหย่ให้เธอจนเธอเผลอจิ๊ปากออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“นี่คุณ! ฉันอธิบายรายละเอียดการทำงานให้คุณฟังแต่คุณกลับมาเมินฉันแบบนี้เหรอ แล้วแบบนี้ตอนทำอาหารจะไม่เหม่อลอยจนทำอาหารผิดไปเสิร์ฟลูกค้าหรือไง?” เธอต่อว่าเขาอย่างไม่พอใจ
คนที่รักความสมบูรณ์แบบอย่างเธอ ไม่อยากให้ร้านต้องมาเสื่อมเสียเพราะเชฟไม่ได้คุณภาพหรอกนะ!
“เอ่อ...ฉันขอโทษค่ะ พอดียังไม่ค่อยชิน” เขาตอบกลับอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ไม่แปลกหรอกที่ตัวเองจะโดนดุ ก็เธอน่ามองจนเขาไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอพูดเลยนิ
“โอเคค่ะ คราวหลังอย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำซากอีกนะคะ” เธอว่าก่อนจะเริ่มพูดรายละเอียดอีกครั้งให้คนตรงหน้าฟัง
แต่คราวนี้เด็กหญิงเปมิศานั่งมองคุณครูญานินพูดและเก็บเข้าไปใส่ในสมองของตัวเองทุกถ้อยทุกคำอย่างตั้งใจ
“เริ่มงานได้เมื่อไหร่คะ?” ทันทีที่พูดรายละเอียดจนครบทุกอย่าง เธอก็ไม่อยากจะให้เวลาอันมีค่าของเธอนั้นหลุดลอยไป
“พรุ่งนี้เลยก็ได้ค่ะ ฉันว่าง” เปมิศายกยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร แต่ดูคนตรงหน้าไม่ได้อยากจะมีไมตรีกับเขาสักเท่าไหร่
ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นคนตรงหน้ายิ้มเลยสักนิด...
“งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้พบกันนะคะ” เธอผายมือออกไปทางประตูให้เปมิศาได้มองตาม ถ้าหากต้องออกไปทั้งแบบนี้คงเสียดายน่าดู
“เอ่อ...ขอเบอร์ติดต่อไว้หน่อยได้ไหมคะ?” เขายื่นโทรศัพท์เครื่องหรูให้กับคนตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ส่วนญานินก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น “คือแค่คิดว่าเราได้ทำงานด้วยกัน มีเบอร์ติดต่อไว้ก็ดี” เขารีบหาข้ออ้างที่พึ่งคิดได้สด ๆ ร้อน ๆ ออกมาหยิบยกให้ดูมีเหตุผล ก่อนเธอจะคลายคิ้วที่ขมวดนั้นออกจากกัน
“มีอะไรติดต่อผ่านน้ำมนต์เลยค่ะ” เธอดับฝันเขาให้แหลกสลาย พอ ๆ กับเขาที่ต้องเก็บเศษหน้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นออกอย่างรวดเร็ว
“อ๋อ...โอเคค่ะ” เขาตอบก่อนจะถอยหลังออกมาจากห้องเพื่อกลับมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง
เขาเดินพาร่างของตัวเองเดินออกมาจากหน้าห้องนั้นอย่างแสนเสียดาย เปมิศาหันกลับไปมองที่หน้าห้องของบอสคนใหม่ของเขาอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาเมื่อคิดถึงใบหน้าของคนภายในห้องที่คงกำลังขมวดคิ้วมุ่นอยู่เป็นแน่
“ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกนะคะคุณญานิน...”
“คุณเปมิศาพูดกับใครเหรอคะ?” เลขาสาวที่กำลังจะนำเอกสารมาให้ผู้เป็นนายเซ็นต์ ต้องหยุดถามทันทีที่มองเห็นเชฟคนใหม่ยกยิ้มและพึมพำอะไรบางอย่าง
หล่อนพยายามมองซ้ายแลขวาแล้วแต่ก็ไม่เห็นใครอื่นใดนอกจากตัวเขาเองกับตัวหล่อนที่พึ่งเดินเข้ามา
“เอ่อ...อ่อ พูด พูดคนเดียวค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เปมิศารีบพาร่างของตัวเองออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วที่สุด ท่ามกลางสายตาของเลขาสาวที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะไรกันนะคน ๆ นี้” หล่อนยกมือเกาหัวตัวเองแกร๊ก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายภายในห้องสี่เหลี่ยมที่หล่อนนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี...