“เมื่อคืนคะนิ้งกลับกับกู”
เสียงนั้นทำให้ทั้งคะนิ้งและเทมป์หันไปมองพร้อมกัน
คะนิ้งอึ้งที่เห็นดีแลนอยู่ที่นี่ ส่วนเทมป์ที่ไม่พอใจอยู่ยิ่งไม่พอใจหนักกว่าเดิม เมื่อรู้ว่าเมื่อคืนคะนิ้งกลับกับใคร
“คุณดีแลน” ตนรู้จักคนตรงหน้า แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อคืนคนที่คะนิ้งกลับด้วยจะเป็นดีแลน
“เมื่อคืนคะนิ้งกลับกับคุณจริงเหรอ”
“ใช่” เขาตอบกลับเสียงเรียบ สายตาเสมองมือเทมป์ที่จับแขนคะนิ้งเอาไว้แน่นจนเริ่มแดง ก่อนจะดึงสายตากลับขึ้นไปมองเทมป์
“รู้แล้วก็ปล่อยเธอได้แล้ว”
“คะนิ้งเป็นน้องสาวผม ผมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้”
“หึ” เขากระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับส่งเสียงเบาๆ ในลำคออย่างเย้ยหยัน สิ่งที่เทมป์กำลังทำอยู่ตอนนี้ มันเกินกว่าพี่ชายทำกับน้องสาว พอจะมองออกว่าเทมป์ไม่ได้คิดกับคะนิ้งแค่น้องสาว คิดมากกว่านั้น…
“ต่อไปนี้คุณอย่ามายุ่งกับคะนิ้งอีก”
“คิดว่าตัวเองเป็นใครฮะ ถึงกล้ามาทำแบบนี้” เธอทนไม่ไหว ตอกกลับเทมป์ที่กำลังล้ำเส้นอยู่
“ฉันทำไปก็เพราะเป็นห่วง ผู้ชายคนนี้ไม่น่าไว้ใจ”
“ถ้าเขาไม่น่าไว้ใจ แล้วอย่างนายเรียกว่าอะไร?”
เทมป์นิ่งอึ้ง
“นายน่าไว้ใจมากมั้งเทมป์”
เขายืนมองคะนิ้งต่อปากต่อคำกับเทมป์ มุมปากพลันเหยียดยิ้มไปด้านข้าง เห็นดูไร้เดียงสาแบบนั้น ปากเก่งใช้ได้เลยแหะ
“ที่ผ่านมาฉันไม่เคยไว้ใจนายเลยด้วยซ้ำ เก็บความหวังดีของนายกลับคืนไปเถอะ” เธออาศัยจังหวะตอนที่เทมป์คลายมือออกจากแขน สะบัดออกอย่างแรง แล้วเดินเข้าไปหาคุณดีแลน
“นิ้งขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ ที่เสียมารยาทกับคุณดีแลน”
“ไม่เป็นไร”
เธอหันไปมองเทมป์แล้วพูดขึ้นว่า…
“ถ้ามีการศึกษา ก็น่าจะรู้นะว่าควรทำยังไง” เธอหันกลับมามองคุณดีแลน
“นิ้งขอตัวไปหาคุณพ่อก่อนนะคะ”
มาเฟียหนุ่มพยักหน้าให้คะนิ้ง หญิงสาวเดินออกไปโดยไม่เหลียวมองเทมป์สักนิด เทมป์ยืนไม่พอใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่คะนิ้งทำเมื่อครู่ สายตาของเทมป์ตอนนี้ มองดีแลนเป็นศัตรูคนนึงไปแล้ว
เทมป์ก้าวเข้าไปยืนประจันหน้าดีแลนอย่างไม่เกรงกลัว
“ชอบคะนิ้งเหรอ?”
“เธอดูน่าสนใจดี”
“ต้องข้ามศพผมไปก่อน”
“งั้นเป็นศพให้ข้ามเลยตอนนี้เลยสิ” น้ำเสียงฟังดูเย็นเยียบ บวกกับสายตาที่ดูนิ่งไร้อารมณ์ของดีแลน ทำเอาคนฟังอย่างเทมป์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ดีแลนแสยะยิ้มน่ากลัวแล้วพูดเสริมต่อว่า…
“กล้าไหมล่ะ”
“…”
“หึ กล้าเป็นศพให้ข้ามเมื่อไหร่ก่อน แล้วค่อยมาปากดีกับกู” เขาก้าวเข้าไปยืนข้างๆ เทมป์แล้วชำเลืองมองเพียงนิด ก่อนจะพูดประโยคเมื่อครู่แล้วยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นจึงเดินออกไปทันที
คนที่อยากได้อะไรต้องได้แบบเขา ไม่เคยฟังคำสั่งของใครอยู่แล้ว ใครขัดขวาง รอรับผลที่ตามมาได้เลย วันนี้เขาเพิ่งทำบุญมา ยังไม่อยากทำบาปจึงปล่อยเทมป์ไปก่อน วันไหนที่อยากทำบาปจะนึกถึงเทมป์เป็นคนแรก
ด้านคะนิ้ง
แอดดด
เธอเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยของคุณพ่อเข้าไป หัวใจพลางไหววูบกับภาพคนเป็นพ่อ ที่นอนนิ่งไม่ได้สติบนเตียง ท่ามกลางสายระโยงระยางมากมายเต็มไปหมด แถมยังมีเครื่องช่วยหายใจอีกด้วย
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยได้รับความรักจากคุณพ่อมากเท่าไรนัก แต่พ่อก็คือพ่อ มีสายใยเกี่ยวพันกันมาตั้งแต่เกิด แถมคุณพ่อยังเป็นคนเลี้ยงดูเธอมาโดยตลอด หลังจากที้คุณแม่เสียชีวิต ถึงไม่ได้รับความรักที่อบอุ่น แต่อย่างน้อยคุณพ่อก็ไม่เคยปล่อยเธอให้ลำบาก
เหตุผลที่คุณพ่อทำเหมือนไม่รักเธอ คงเพราะโดนจับคลุมถุงชนกับคุณแม่ และมีหลานซึ่งก็คือเธอ ให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายได้อุ้ม เธอได้รับความรักจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา และคุณยาย ยกเว้น…คุณพ่อ
เธอต้องการไม่ใช่ไม่ต้องการ แต่เรียกร้องมากไม่ได้
“หมอบอกว่าอาการของคุณธมกรยังไม่ดีขึ้นเลย มีแต่ทรุดลงไปเรื่อยๆ” ชมนาดเดินเข้ามายืนข้างๆ คะนิ้งแล้วบอกด้วยสีหน้าเศร้าหมอง สายตามองสามีที่นอนไม่ได้สติบนเตียงผู้ป่วย
“ถูกใจคุณเลยนิแบบนี้”
“ขอร้องละคะนิ้ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรมาทะเลาะกันนะ น้าเองก็เป็นห่วงพ่อเราไม่ต่างกัน”
“เลิกสร้างภาพได้แล้วคุณหญิงชมนาด นี่ไม่ใช่ตัวตนของคุณเอาซะเลย” เธอพูดประชดโดยการเรียกว่าคุณหญิง เมื่อไหร่จะเผยธาตุแท้ออกมาสักที หรือต้องให้เธอเป็นคนกระชากมันออกเอง?
“น้าไม่รู้จะทำยังไงให้คะนิ้งกลับมาเชื่อใจน้าอีกครั้ง แต่น้ารักคะนิ้งเหมือนลูกแท้ๆ เลยนะ”
เธออยากอ้วกกับคำพูดของชมนาด รักเหมือนลูกแท้ๆ? พูดออกมาได้ยังไงไม่อายปาก สร้างภาพเก่งจริงจังเลยนะ
“น้าขอโทษนะ ถ้าที่ผ่านมาน้าทำอะไรให้นิ้งไม่โอเค หรือไม่สบายใจในเรื่องอะไร น้าขอโทษ” ชมนาดพูดพร้อมกับทำหน้ารู้สึกผิด ผิดกับคะนิ้งที่มองบนใส่
“เก็บเอาคำขอโทษคืนไป แล้วดูแลพ่อของนิ้งให้ดีๆ เถอะค่ะ”
วันก่อนเห็นออกไปดื่มกับเพื่อนอย่างสบายใจ ไม่มีความรู้สึกเสียใจ ที่สามีตัวเองนอนอาการโคม่าอยู่โรงพยาบาล ก็อย่างว่า ชมนาดหวังเพียงแค่จะฮุบสมบัติของครอบครัวเธอไปเป็นของตัวเอง จะให้มานั่งดูแลคนป่วยคงยากเกินความสามารถของหล่อน วันแรกที่พ่อเข้าโรงพยาบาล เธอเป็นคนแรกที่อาสาอยู่ดูแล แต่ยัยแม่เลี้ยงดันไม่ยอม ขออยู่ดูแลคุณพ่อเอง
“น้าดูแลธมกรดีตลอด คะนิ้งไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
คุณพ่อคิดยังไง เลือกผู้หญิงคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนในครอบครัว ดูไม่ออกหรือไงว่าหวังอะไร
แอดด
เทมป์เปิดประตูเข้ามา
“มาแล้วเหรอลูก” ชมนาดหันไปเห็นลูกชายตัวเองพลัยยิ้มหน้าบาน
“ครับ”
“กินข้าวมารึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับแม่” เทมป์ตอบชมนาด ทว่าสายตาเอาแต่มองคะนิ้งไม่ละไปไหน
คะนิ้งเดินเข้าไปหาธมกรที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย สายตามองคนเป็นพ่อผ่านม่านน้ำตา จะไม่ยอมให้ชมนาดเอาทุกอย่างของครอบครัวไปจนหมด เธอไม่ได้ทำเพื่อพ่อตัวเองทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ทำเพราะคนเป็นแม่ ที่ร่วมสร้างทุกอย่างมาด้วยกันกับคนเป็นพ่อต่างหาก
“เย็นนี้ว่างไหม” เทมป์ถามคะนิ้ง
“ไม่ว่างค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเรียบ ที่จริงเธอว่าง ว่างตลอด เพราะเป็นเทมป์จึงปฏิเสธ
“กับคนอื่นว่างตลอด แถมยังไว้ใจไปด้วยกันดึกๆ ดื่นๆ”
เธอหันไปมองเทมป์ หมอนี่ชอบพูดจาไม่เข้าหูตลอดเลยจริงๆ
“อือ ยกเว้นกับนายคนเดียว”
“คะนิ้ง…”
“เทมป์” ชมนาดใช้เสียงเข้มปรามลูกชาย
“วันนี้นิ้งขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอบอกชมนาด ตั้งใจมาเยี่ยมคุณพ่อ แต่กลับมีสองแม่ลูกทำเสียบรรยากาศ
ปกติเธอเป็นคนใจเย็น แต่กับสองแม่ลูกนี่ไม่ไหวจริงๆ เย็นด้วยไม่ลง เธอเดินออกมาทันทีที่พูดจบ ไม่วายมีเทมป์เดินตามออกมา ซึ่งเธอเร่งฝีเท้าเดินให้ไวเพราะไม่อยากให้หมอนั่นตามทัน
เธอชะลอฝีเท้าลงเมื่อมองเห็นคุณดีแลน กำลังยืนคุยอยู่กับคนสนิท และเขาหันมามองเธอพอดี ด้วยความที่อยากหนีเทมป์ให้พ้น จึงส่งยิ้มและโบกมือให้เขา พร้อมกับเดินเข้าไปหา
เทมป์เห็นดังนั้นจึงหยุดมองนิ่งๆ
“นึกว่าจะไม่รอกันแล้วซะอีก” เธอพูดกับคุณดีแลนอย่างเป็นกันเอง แกล้งทำตัวสนิมสนมเพื่อให้เทมป์เลิกตาม
“…” เขามองคะนิ้ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเทมป์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง จึงเข้าใจเจตนาของคะนิ้ง
“ไปกันเลยไหมคะ”
“อืม”
คุณดีแลนคงรู้ว่าเธอทำไปเพื่ออะไรถึงให้ความร่วมมือ เธอยิ้ม ก่อนจะฉวยโอกาสคล้องแขนเขาแล้วเดินออกไป และหวังให้เทมป์เห็นภาพนี้
เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้ว เธอจึงปล่อยแขนที่คล้องแขนของคุณดีแลนออก
“นิ้งขอโทษด้วยนะคะ”
“ทำใส่พี่ชายตัวเองเหรอ”
“เขาไม่ใช่พี่ชายนิ้งค่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วเมื่อกี้ที่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือ หมายความว่ายังไง”
“นิ้งถึงขอโทษคุณดีแลนไงคะ”
“…”
“นิ้งแค่อยากให้เขาเลิกตามก็เท่านั้น”
“รู้ไหมว่าฉันไม่อนุญาตให้ใครทำแบบที่เธอทำเมื่อกี้”
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ” เธอก้มหน้าบอกอย่างรู้สึกผิด
“เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นอย่างอื่นสิ”
“อะไรคะ?”
“คืนนี้ไปดื่มกับฉัน”
“…”
“แล้วฉันจะยกโทษให้”