“ใครๆ ก็บอกว่าคุณดีแลนด์เป็นนักบุญ ใครไปขอให้ช่วยก็ช่วย นิ้งลองดูไหม”
“เรื่องของนิ้งมันใหญ่มากนะพี่มิลค์ ขนาดคนที่นิ้งรู้จักยังเริ่มค่อยๆ ตีตัวออกห่าง ไม่มีใครกล้าช่วยนิ้งสักคนเดียว” พอไม่มีอะไร คนใกล้ชิดที่คอยหวังผลประโยชน์เริ่มตีตัวออกห่าง ดูออกเลย ชีวิตของเธอตอนนี้เหมือนอยู่ในเหวลึก ไม่กล้าหันหน้าไปพึ่งใคร แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างมิลินและไมอา เธอยังไม่กล้าขอให้ช่วย เรื่องนี้ใหญ่มาก ไม่อยากให้คนที่เธอรักเข้ามาเสี่ยงด้วย
“คุณดีแลนด์เป็นผู้มีอิทธิพล พี่ว่าถ้านิ้งลองคุยในฐานะนักธุรกิจดู น่าจะเวิร์กนะ”
“จะดีเหรอคะ”
“ไม่ลองไม่รู้ ถ้านิ้งอยากเอาคืนชมนาด พี่ว่าการได้คนใหญ่คนโตมาช่วย ถือเป็นเรื่องดี”
“นิ้งไม่รู้จะคุยกับเขายังไง ให้เขายอมช่วย” เธอรู้จักคุณดีแลนด์แต่ไม่เคยคุยด้วย แค่ทักทายสั้นๆ ‘สวัสดีค่ะ’ ไม่มีบทสนทนาเป็นเรื่องเป็นราวพอให้สนิทกัน เขาคงยอมช่วยอยู่หรอก อีกอย่าง ยัยมิลินเคยเล่าให้ฟัง คุณดีแลนด์เป็นนักธุรกิจที่คุยเรื่องธุรกิจได้ยากมาก ไม่เน้นผลประโยชน์ เน้นคุยถูกใจ หรือถูกชะตา
นึกภาพตอนเธอเข้าไปคุยกับเขาไม่ออก ไม่รู้จะทำให้เขาถูกใจหรือรำคาญกันแน่ เพราะเธอเป็นคนคุยไม่เก่ง
“พี่ก็ลืมเลย คุณดีแลนด์เป็นคนที่คุยยาก ถึงจะใจดี แต่ก็คุยยากเหมือนกัน”
“เห้ออ ช่างมันเถอะค่ะ ไว้ค่อยหาทางใหม่”
“สู้ๆ นะ พี่อยู่ข้างๆ นิ้งเสมอ อยากให้พี่ช่วยอะไรบอกได้นะ”
“ขอบคุณนะคะ”
“พี่ไปเช็กความเรียบร้อยของร้านต่อก่อน”
เธอพยักหน้าให้พี่มิลค์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับมาดื่มไวน์ต่อ กลับเข้าสู่โหมดเดิม นั่งเงียบๆ ฟังเสียงเพลงที่ดึงอารมณ์ให้ดิ่งขั้นสุด เพลงอะไรทำไมยิ่งฟังยิ่งอยากร้องไห้
“รู้ไหมว่าธุรกิจของผมเกือบล้มละลาย โชคดีของผมมากๆ ที่คุณดีแลนด์เข้ามาช่วย”
กึกก
คะนิ้งชะงัก ก่อนจะหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านด้านหลังมานั่งเก้าอี้ข้างๆ เขาคุยโทรศัพท์อยู่ ยกมือเรียกบาร์เทนเดอร์มาสั่งเครื่องดื่ม มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู และที่นั่งถัดไปเป็นผู้หญิง
“ผมเครียดมาก จำได้ว่าตอนนั้นเกือบจะคิดสั้นแล้ว ต้องขอบคุณคุณดีแลนด์จริงๆ ไม่งั้นคงได้ล้มละลาย ไม่เหลืออะไรเลย”
“…” เธอนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ใครๆ ก็บอกผม คุณดีแลนด์คุยยาก คุยไม่ถูกคอ ไม่ถูกใจไม่ช่วย นั่นก็จริง สงสัยเป็นความโชคดีของผม วันนี้เลยมาดื่มฉลองกับภรรยา”
เธอเลื่อนสายตามามองไวน์ในแก้วนิ่งๆ ครุ่นคิดว่าควรเอายังไงกับชีวิตตัวเอง หากนิ่งเฉยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ยัยแม่เลี้ยงใจร้ายในคราบนางฟ้าแม่ทูลหัว คงเอาทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัวเธอไปจนหมด
หรือเธอจะลองดู?
“พี่มิลค์คะ” เธอเดินเข้าไปหามิลค์ที่เดินผ่านมาทางนี้อีกครั้ง
“ว่าไงนิ้ง”
“นิ้งจะลองคุยกับเขาดูค่ะ”
เขาที่คะนิ้งหมายถึง มิลค์รู้ดีว่าหมายถึงใคร
“เอาสิ ลองดู”
“นิ้งไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่อยากลองดูค่ะ”
“ถ้านิ้งตัดสินใจแล้ว พี่เอาใจช่วยนะ” มิลค์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ไม่มั่นใจเลย ไม่รู้ว่าต้องคุยด์ยังไงให้เขายอมช่วยเหลือ การช่วยเหลือเธออาจทำให้เขาเสี่ยงหลายอย่าง เขาเป็นนักธุรกิจ คงมองออกว่าควรช่วยหรือว่าไม่ หากได้รับการปฏิเสธ เธอคงทำได้เพียงรอคอยปาฏิหาริย์เอาแล้วล่ะ
เธอนั่งเขี่ยโทรศัพท์อ่านประวัติของคุณดีแลนด์คร่าวๆ เป็นผู้ชายโพรไฟล์ดี เรียนจบนอก เป็นนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เจอคนเพอร์เฟกต์มาตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าเขา เป็นประเภทที่หาได้ยาก คงเพราะเธอรู้ด้านมืดที่ใครๆ ไม่เคยรู้กันมั้ง คุณดีแลนด์นอกจากเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแล้ว ยังเป็นหัวหน้ามาเฟียอีกด้วย เท่าที่เคยฟังมิลินเล่าให้ฟัง
เธอไม่ได้แค่คุยกับเขาในฐานะนักธุรกิจอย่างเดียว แต่เป็นการคุยกับเขาในฐานะ…มาเฟียอีกด้วย
“แต่คุณดีแลนด์ไม่ได้ช่วยใครฟรีๆ หรอกนะ ทุกอย่างย่อมต้องตอบแทน”
เสียงผู้ชายที่นั่งข้างๆ พูดกับภรรยาตัวเอง ตอนนี้ฝ่ายนั้นเริ่มเมาแล้วนิดนึง จึงพูดค่อนข้างเสียงดัง
“เคยได้ยินว่าบางคนลืมคำสัญญา เขาตามเอาชีวิตเหมือนยมทูต ที่รอส่งวิญญาณไปลงนรก”
เธอยกไวน์ขึ้นมาดื่มพรวดเดียวจนหมดแก้ว เพื่อดับความกลัว ได้ยินแบบนี้เธอเริ่มถอดใจแล้วสิ
ยิ่งฟังยิ่งกลัว…