ถึงเวลา
“ตกลงแกจะไม่ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยเหรอ” ธีรดนย์เพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในเช้านี้เอง ตอนเที่ยงต้องไปกินข้าวเที่ยงร่วมกับญาติๆ ฝ่ายพ่อ ซึ่งจะนัดรวมตัวในวันอาทิตย์ของทุกเดือน
เขาพยายามชวนน้องชายให้ไปด้วย แต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธท่าเดียว
“ใจคอแกจะปล่อยให้ฉันถูกบรรดาอาๆ ทั้งหลายรุมทึ้งหรือไง!”
“ไป ก็ช่วยอะไรพี่ไม่ได้หรอก” เผลอๆ เขานี่แหละจะเป็นเป้าให้บรรดาญาติๆ รุมทึ้ง
พี่น้องเยอะในตระกูลร่ำรวย หาความปรองดองกันยาก มีแต่แข่งกัน ไม่ต่างละครหลังข่าว บอกตามตรง เขาเกิดมาเป็นลูกคนเดียว อยู่กับแม่ ไร้ญาติโยม ในตอนเด็กก็รู้สึกเหงาอยู่บ้าง แต่โตมาก็ชิน แต่พอมีญาติเยอะกับเขาบ้าง บอกเลย อยากกลับไปเป็นคนไม่มีญาติจะดีกว่า มีแค่ธีรดนย์เป็นพี่คนเดียวก็พอแล้ว ทว่าบางเวลาเขาก็อยากกลับไปเป็นลูกคนเดียวเหมือนที่เคยเป็นมา เช่นตอนนี้...
“แกนี่นา ช่วยกันบ้างก็ไม่ได้”
“พี่จะกลัวอะไร ยังไงพวกเขาก็เอาหุ้นจากพี่ไปไม่ได้หรอก ถ้าพี่ไม่ขายหรือโอนให้เขาฟรีๆ”
“มันก็ใช่ แต่ต้องทนฟังนั่นนี่จากพวกเขา มันกดดัน ยิ่งเวลาอาๆ ทั้งหลายรวมหัวกันนะ บอกเลย ฉันอยากจะกรี๊ด”
“ก็กรี๊ดออกมาเลยสิ กรี๊ดเลย” ธีธัสบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“แกกวนตีนฉันใช่ไหมเนี้ย ขืนฉันกรี๊ดออกไป พวกเขาก็จะยิ่งกรี๊ดใส่ฉันน่ะสิ”
“งั้นไม่ต้องไปหรอก วันนี้วันเกิดพี่หนิงด้วยไม่ใช่เหรอ พี่ก็อ้างไปสิ ว่าต้องไปวันเกิดแฟน”
“ปาร์ตี้หนิงเริ่มที่หนึ่งทุ่มโว้ย”
“ไปก่อนเวลาไม่เห็นแปลก เป็นแฟนกันนี่ แถมไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือนแล้วด้วย”
“เออ ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนแล้ว เพราะใครล่ะ” ธีรดนย์โทษน้องชายที่ปล่อยให้เขาดูแลรีสอร์ตคนเดียวมาตลอดหลายปี ทำให้บรรดาอาๆ ทั้งหลาย กล่าวหาว่าเขาเป็นผู้บริหารโรงแรมที่เข้ามาทำงานน้อยที่สุด ทั้งที่ถือหุ้นมากกว่าคนอื่นๆ
“ถ้าพี่อยากเจอกัน บินมาหาทุกเดือนก็ได้ โทษผมทำไม” ธีธัสย้อน
“เออ แกไม่ผิดอะไร ฉันผิดเองทั้งนั้น” ธีรดนย์ประชด จริงๆ ความรักของเขากับนรากร มันอาจจะเหมือนคู่อื่นๆ ที่คบกันนานนับสิบปี ทุกอย่างก็จืดจาง มันไม่หอมหวาน หรือเร้าใจเท่าตอนแรกๆ ที่คบหา ซึ่งไม่เห็นหน้ากันวันเดียว ก็เหมือนจะขาดใจตาย แต่ถึงอย่างนั้นความรักมันก็คงอยู่ ไม่ได้จากไปไหน
“แล้วแกจะไปรีสอร์ตวันไหน”
“พรุ่งนี้”
“งั้นฝากนี่ให้น้องดรีมหน่อย” เขาเดินไปหยิบกล่องโมเดลรถสองกล่องมายื่นให้น้องชาย ซึ่งเป็นของเล่นในวัยเด็กของเขานั่นเอง
“น้องดรีม นี่...พี่มีกิ๊กเหรอ” ธีธัสมองหน้าพี่ชายอย่างสงสัย
“กิ๊กพ่อแกสิ จะให้โมเดลรถกับกิ๊กนี่นะ ก็บ้าแล้วไหม”
“แล้วน้องดรีมเป็นใคร”
“แกไม่ต้องรู้ แค่เอาของขวัญนี่ไปฝากไว้กับผู้จัดการคาเฟ่หรือพนักงานในคาเฟ่นั่นแหละ ที่เหลือฉันจัดการเอง”
ธีธัสพยักหน้ารับ ขี้เกียจถามอะไรต่อ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากรู้ว่า ‘น้องดรีม’ เป็นใคร สำคัญกับพี่ชายเขาอย่างไร ถึงต้องส่งของขวัญให้
ส่วนธีรดนย์นั้นยิ้มกริ่ม เพราะจู่ๆ เขาก็อยากรู้อะไรบางอย่าง หลังจากค้นข้อมูลในใบสมัครงานของดาริณ รับรู้ว่าเธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับน้องชายของเขา แถมเรียนคณะเดียวกันอีกเสียด้วย แต่คนละสาขา ดาริณเรียนการบัญชี ส่วนธีธัสจบสาขาการตลาด และจบปริญญาโทที่อเมริกาด้านการจัดการ (Management)
แม้ทั้งสองจะเคยเรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยและคณะเดียวกัน ต่างสาขาและต่างชั้น เพราะธีธัสอายุมากกว่าดาริณสามปี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอหรือรู้จักกัน
ธีรดนย์แค่สงสัย และอยากทำให้ความสงสัยตัวเองกระจ่าง ยิ่งรู้ชื่อจริงของน้องดรีม ความสงสัยของเขายิ่งพุ่งสูง
ดาริณรู้สึกแปลกใจเมื่อไปรับลูกชายที่โรงเรียนในเวลาห้าโมงครึ่งเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้ครูพี่เลี้ยงบอกว่าลูกชายของเธอกำลังเตะบอลอยู่กับครูพละที่สนามฟุตบอล ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่เด็กประถมที่เล่นในสนามฟุตบอล
ดาริณเดินไปถึงสนามฟุตบอลที่สองข้างสนาม มีต้นไม้เรียงราย มีม้านั่งข้างสนาม เธอเห็นลูกชายกำลังเตะบอลส่งไปมากับชายหนุ่มร่างสูง อีกฝ่ายอยู่ในชุดกางเกงวอร์มสีดำ และเสื้อกีฬาสีขาว คงเป็นครูพละที่ครูพี่เลี้ยงบอก
ลูกชายเธอถึงจะเป็นเด็กที่จ้ำม่ำไปบ้าง แต่เวลาเตะบอลกลับดูคล่องแคล่ว และมีแววจะพัฒนาไปได้อีก
ชายหนุ่มหันมาเห็นเธอก่อน เขาส่งยิ้มบางให้ แล้วเอ่ยบอกลูกชาย
“คุณแม่มาแล้วครับ”
เจ้าตัวเล็กหยุดเตะบอลทันที แล้ววิ่งมาหาเธอ เนื้อตัวอาบไปด้วยเหงื่อ แต่ใบหน้ากลับยิ้มร่าเริง
“ดรีมเตะบอลกับครูบอมส์คับ”
“สวัสดีค่ะ เออ ครูบอมส์นะคะ ขอบคุณมากๆ ที่ให้น้อง
ดรีมเล่นบอลด้วย”
ดาริณยกมือไหว้ชายหนุ่ม ที่คิดว่าเขาคงอายุมากกว่าเธอ อีกฝ่ายเดินมาใกล้พร้อมยกมือรับไหว้ และส่งยิ้มให้ ใบหน้าที่ดูธรรมดาจึงดูมีเสน่ห์ และที่สำคัญดูเป็นมิตรมาก รู้สึกเบาใจที่ลูกชายได้เพื่อนเล่นบอลเป็นถึงครูพละของโรงเรียน
“พอดีเห็นน้องดรีมเล่นบอลอยู่สนามเด็กเล่นคนเดียว เลยชวนมาเล่นด้วย เพราะผมต้องดูแลเด็กๆ ซ้อมบอลทุกวันอยู่แล้ว”
“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ดาก็กลัวน้องดรีมเหงาเหมือนกัน เพราะกว่าดาจะเลิกงานก็เย็นมากๆ แล้ว”
“งั้น ผมขออนุญาตชวนน้องดรีมมาเตะบอลข้างสนามด้วยกันนะครับ”
“ได้ค่ะ”
จากนั้นเธอกับลูกชายก็ล่ำลาครูพละ แล้วเดินไปตามฟุตบาท เพื่อไปยังป้ายรถสองแถวเหมือนเช่นทุกวัน
พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอจะพาลูกไปที่คาเฟ่ด้วย เพราะไหนๆ ก็ได้รับอนุญาตจากธีรดนย์แล้ว เธอเชื่อมั่นลูกชายของเธอ ไม่ซน ไม่พังร้านอย่างแน่นอน
ธีรดนย์กลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว เมื่อวานธีรดนย์ยังโทร. มาหาเธอ บอกว่าฝากของเล่นมาให้ลูกชายเธอด้วย จะมีคนมาส่งที่คาเฟ่ในวันมะรืนนี้
เสียงครางหวานประสานกับเสียงคำรามแหบพร่าดังก้องไปทั่วห้องพัก ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอดถุงยางโยนทิ้งถังขยะ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้หญิงสาวที่ยังเนื้อตัวเปลือยเปล่า นอนอ่อนระทวยบนเตียงเพียงลำพัง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่ปลายเตียงมาสวมใส่
“จริงๆ อยากให้คุณธีค้างด้วยจังเลย”
“ไว้โอกาสหน้านะ พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางแต่เช้า”
“งั้นแพมว่างเมื่อไหร่จะไปหาที่รีสอร์ตนะคะ”
“ได้ครับ” ธีธัสแต่งตัวเสร็จ เขาก็เดินไปหอมแก้มพิราลัย แล้วเดินออกจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของหญิงสาว โดยที่เขาไม่ต้องวางเงินหรือของตอบแทนเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะพิราลัยเป็นสาวไฮโซฯ ตระกูลดังที่ร่ำรวยระดับเศรษฐี รวยกว่าตระกูลอรุณกรเสียอีก
ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เจอในผับที่อเมริกา จากนั้นก็ไปต่อกันในห้องพักของเขา รุ่งขึ้นก่อนไปทำงาน ได้วางเงินให้เธอ ไม่ต่างจากหญิงสาวคนอื่น แต่กลับมายังห้องพักในตอนเย็นก็เห็นว่าเงินยังอยู่ครบ แถมมีโน้ตวางไว้
‘แพมไม่ใช่อีตัวนะคะ จะบอกว่าเป็นค่าแท็กซี่ก็เยอะเกินไป เอาเป็นว่า กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ก็โทร. มานะคะ’
เธอทิ้งทั้งเบอร์โทร.ไว้ และเขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ทางกายด้วย ครั้นได้เจอที่กรุงเทพฯ รับรู้ว่าหญิงสาวคือ พิราลัย ลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัววิเชียร์ เรืองตระกูลเกียรติ เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และธุรกิจในเครืออื่นๆ อีกมากมาย เขาจึงไม่แปลกใจที่หญิงสาวจะไม่รับเงินของเขาในค่ำคืนอันร้อนแรงนั้น
ธีธัสกลับมายังห้องพัก ที่เป็นเพนท์เฮ้าส์สุดหรูด้วยความรู้สึกเหมือนเดิม ที่ไม่ว่าเขาจะเสพเซ็กซ์เพื่อปลดปล่อยอารมณ์วัยหนุ่มตามธรรมชาติ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนจะเก่งกาจเรื่องบนเตียงจนสุขสมไม่รู้กี่ครั้ง แต่มันข้างในเขากลับว่างเปล่า ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาเติมเต็มได้
มันว่างโหวงจนรู้สึกเศร้า ที่สุดท้ายแล้วเขายังโหยหารสสัมผัสจากผู้หญิงใจร้ายคนนั้น ความสุขทางกายที่ถูกปลดปล่อย พร้อมกับความสุขทางใจที่เต็มเปี่ยม อ้อมกอด การคลอเคลีย เสียงหัวเราะ คำหยอกเย้าหลังจากร่วมรักกันอย่างร้อนแรง
ความรู้สึกนั้น สลัดอย่างไรก็ไม่ออกไปจากใจเสียที ผู้หญิงกี่สิบคนก็ไม่อาจทดแทนได้ มันเป็นแบบนี้มานานเกินไปแล้ว
จะทำอย่างไรดีที่จะลืมได้ แล้วมีความสุขกับผู้หญิงสักคน เพื่อจะสร้างครอบครัว แต่หากเขายังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น เขาก็สร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้หญิงที่เลือกจะมาอยู่เคียงข้างไม่ได้อยู่ดี และมันไม่แฟร์กับผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน
หรือเขาควรไปหาดาริณ เผื่อจะได้ตัดใจจากเธอได้ ไปให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความสุขกับชีวิตแต่งงาน และอาจมีลูกเป็นโขยงสารรูปดูไม่ได้ เพราะวันๆ มัวแต่เลี้ยงลูก
การได้ไปเห็นภาพแบบนั้นเขาอาจตัดใจได้ง่ายขึ้น ดีกว่าเก็บภาพความทรงจำเก่าๆ ที่งดงามระหว่างกัน เพื่อทิ่มแทงใจตัวเองอยู่แบบนี้ เพราะบ้านเกิดของดาริณ อยู่อีกอำเภอใกล้เคียงกับอำเภอที่ตั้งของรีสอร์ตอรุณกร
ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนหลับไปในค่ำคืนนั้น
:::::::::::::::::::::::::::::