‘อ้อ ผมสำรองข้อมูลไว้ในคลาวด์แล้ว ต่อให้โทรศัพท์พังหรือหาย ก็ไม่มีผลอะไรกับคลิปนั่น’
เขาพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเอื่อยเฉื่อย แล้วยังวางโทรศัพท์ของตัวเองไว้บนเตียงอีกด้วย เหมือนอ่านความคิดของเธอออก ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
วลัญช์ชั่งใจอยู่ว่าเธอจะออกจากห้องนี้ไปเลยดีไหม
หากเธอไปแล้ว เขาปล่อยคลิปของเธอเล่า แต่ถ้าไม่ไปตอนนี้ เธอจะมีโอกาสได้ออกไปไหม ก็แล้วทำไมถึงจะไม่มีโอกาสออกไปล่ะ
วลัญช์คิดทบทวนไปมาพร้อมด้วยอาการปวดหัวหนัก ๆ ที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามารบกวนเธอ สุดท้ายก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่าน่าจะลองต่อรองกับเขาดูก่อน เผื่อว่าเขาจะเป็นคนพูดคุยอะไรด้วยได้แบบง่าย ๆ
ยังไม่ลองจะไปรู้ได้อย่างไร
พอเห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ค่อยขยับปากเตรียมพูดขอร้องเขาดี ๆ เรื่องคลิปหวิวนั่น
"คุณน่าจะไปอาบน้ำนะ" เขาบอกก่อนที่เธอจะทันได้พูดเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ออกมาเสียอีก สายตาของเขามองสำรวจเธออีกครั้ง แล้วถึงได้พูดออกมาว่า "หรือชอบให้มีกลิ่นคาวติดตัว คงเก็บไว้ดมก่อนจนกว่าจะพอใจ? งั้นก็แล้วแต่คุณ"
เขาถามเธอแล้วก็สรรหาคำตอบแนวเหยียดหยันมาตอบให้เสร็จสรรพอีกด้วย
วลัญช์ได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็หน้าชาไปหมด เธอก้มลงดมตามตัวก็พบว่าเนื้อตัวของเธอมีกลิ่นคาว ๆ แปลก ๆ จริงอย่างที่เขาว่า ไม่รอให้เขาพูดจารุนแรงออกมาอีกซ้ำ ๆ เธอรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมไปยังอีกทาง เพื่อเข้าห้องน้ำไป นึกโล่งใจที่ในนั้นมีผ้าเช็ดตัววางกองอยู่พร้อมให้หยิบใช้ได้เลย ไม่อย่างนั้นคงต้องบากหน้าออกมาถามเขาอีก
วลัญช์ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ในการล้างเนื้อตัว ความรู้สึกรังเกียจ โกรธ กลัวค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในหัวใจ แต่แล้วก็ไม่มีเวลาให้กับอารมณ์เหล่านั้น
คลิปที่ผู้ชายคนนั้นมีทำให้เธอสลัดความรู้สึกด้านลบพวกนั้นทิ้งไปจนหมด พร้อมกับคิดหาทางทำลายคลิปทั้งหมดที่เขามี
วลัญช์ใช้ผ้าขนหนูสามผืนใหญ่พันรอบตัวเธอจนมิดชิดแล้วค่อยเดินออกไปที่ด้านนอกอีกครั้ง
"คุณพักที่ไหน"
เขาถามเธอ ตามองเธอที่คลุมด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดตาด้วยแววตาราวกับกำลังมองตัวตลก แต่วลัญช์ไม่ได้นึกสนใจเขา และเธอก็ไม่อยากสานต่ออะไรกับเขาด้วย เธอไม่อยากให้เขารู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลยแม้แต่เรื่องเดียว จึงเงียบแล้วเอ่ยถามเขากลับไป ด้วยคนละเรื่องกันกับที่เขาถามเธอเมื่อนาทีก่อนหน้านี้
"ถ้าฉันจะขอเสื้อผ้าของคุณเปลี่ยนสักชุด จะได้ไหม"
"ได้สิ แลกกับเซ็กส์บนรถอีกสักรอบ"
วลัญช์เงียบ หุบปากฉับทันที เธอลดสายตามองที่พื้นแล้วลากสายตาไปมองยังทางอื่นที่ไม่มีเขาแทน เธอไม่น่าขออะไรคนแบบนี้เลย ก็น่าจะรู้ว่าเขามันเดนคน ไม่รู้ว่าเธอทำกรรมอะไรเอาไว้ถึงต้องมารับเคราะห์กรรมแบบนี้
และตอนที่วลัญช์กำลังก้มหน้าคิดน้อยใจโชคชะตาอยู่นั่นเอง เธอจึงไม่เห็นว่าคนที่ยื่นข้อเสนอน่าอับอายให้เธอนั้นกำลังยิ้มอยู่ แม้จะเป็นเพียงมุมปากยกขึ้นนิดเดียวก็ตาม สายตาของชายคนนั้นฉายแววพึงพอใจ ที่น้อยครั้งจะปรากฏอยู่บนใบหน้า
อึดใจต่อมาร่างสูงใหญ่ขาวจัดของผู้ชายคนนั้นก็ค่อยเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวยาวตัวใหม่มายื่นส่งให้เธอ
"ใส่แบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน เซ็กซี่ดี"
วลัญช์พึมพำแทบไม่มีเสียงออกมาจากปากว่า ‘ขอบคุณ’ พร้อมทั้งรับเสื้อมาจากเขาแล้วใส่แทนชุดเกาะอกตัวเมื่อคืนนี้ ที่ขาดวิ่นใส่ไม่ได้แล้วด้วย ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
เขา หรือ เธอ
รถของผู้ชายคนนั้นดูเปรียว มองจากภายนอกดูเหมือนจะนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น แต่เมื่อเข้าไปในนั้นแล้ว ก็พบว่าเบาะกว้างขวางดี และกลิ่นที่ภายในตัวรถนั้นก็เป็นกลิ่นแบบที่เธอไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน หอม สะอาด เย้ายวน ต่างจากเจ้าของรถแบบคนละขั้วเลยทีเดียว
วลัญช์คิดพร้อมกับเหลือบตามองที่ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันหรู แล้วถึงได้เห็นว่าเขากำลังมองมาที่เธออยู่เช่นกัน
"จะเอาไง สรุปว่าอยากทำอีกรอบบนรถ?"
วลัญช์ไม่ตอบ เธอเลือกที่จะใช้ความนิ่งเงียบ เพื่อสยบคำถามร้ายกาจของเขาที่มักจะพูดเรื่องเซ็กส์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
มุมปากของผู้ชายคนนั้นขยับเป็นรอยยิ้มโค้งขึ้นนิดเดียวก่อนจะกลับมาเป็นใบหน้าเรียบนิ่งปกติดังเดิม รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากอาคารที่พัก ตรงสู่ร้านอาหารก่อน วลัญช์ถูกเขาดึงลงให้ไปกินข้าวที่ห้องรับรองแบบส่วนตัว ก่อนจะตรงไปยังร้านเสื้อผ้าชื่อดังต่อจากนั้น
วลัญช์อยากกลับหอใจแทบขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ให้เธอกลับไปแบบง่าย ๆ ลากลงมาที่ร้านเสื้อผ้าแล้วก็หยิบเสื้อผ้าชุดนั้นชุดนี้ส่งให้เธอเข้าไปลองสวมดู
วลัญช์ยืนเฉย เธอรอจนพนักงานถอยห่างออกไปแล้วค่อยพูดขึ้น "ฉันไม่ได้ต้องการเสื้อผ้า ฉันอยากกลับ"
"เวลาผมให้อะไรใคร ผมจะไม่รับการปฏิเสธทีหลัง ส่วนเรื่องตอบแทนเอาไว้ไปคุยกันบนรถ”
เขาบอกจบก็ส่งเธอให้พนักงานในร้าน ให้ไปลองเสื้อผ้าที่ส่งให้ตั้งแต่ทีแรก แล้วยังลงมือเลือกให้เธออีกเกือบสิบกว่าชุดเห็นจะได้ เขาซื้อทั้งหมดนั่น แล้วเดินนำเธอไปที่รถของเขาอีกครั้ง
วลัญช์ตามเขาไปแล้วก็เริ่มลังเล เธอยืนรีรอที่นอกรถ เขาหยุดแล้วหันมามอง เธอจึงพูดเสียงตะกุกตะกักบอกเขาออกไป
"เรื่องตอบแทนที่คุณบอก เรา เอ่อ เราไม่ ไม่ต้องทำอะไรกันบนรถได้ไหม"
ผู้ชายคนนั้นทำหน้างงครู่หนึ่ง เขานึกตามไปว่าคือเรื่องอะไรที่เธอหมายถึง ก่อนจะกลั้นยิ้มเอาไว้ในนาทีต่อมา เขาถามเธอกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ทำอะไรบนรถของคุณน่ะ มันหมายถึงอะไร”
วลัญช์ก้มหน้าลง ไม่อยากมองตาเขา แล้วถึงได้ถูกเขาจับข้อมือพากลับขึ้นรถไปอีกครั้ง ทีแรกเธอขืนไม่ตามไป แต่พอเขาก้มหน้าลงบอกว่านอกรถเขาก็ทำได้เท่านั้นเอง เธอเลยต้องเดินตามแรงดึงของเขาไป เมื่อขึ้นนั่งบนรถได้แล้ว เสียงทุ้มของเขาเอ่ยถามออกมาอีกประโยค
"คุณพักที่ไหน"
วลัญช์ไม่มีทางบอกเขาหรอกว่าเธอพักอยู่ที่ใด