ตอนที่ 5 แม่สามี
ผ่านมาแล้วสามวันกับการเข้ามาอยู่เป็นส่วนหนึ่งของสกุลหลี่ วันนี้หญิงสาวจึงต้องกลับบ้าน เพื่อเยี่ยมบิดา ฝ่ายแม่ทัพหลี่กล่าวอ้างว่าติดกิจธุระทำให้เดินทางไปกับนางไม่ได้ หญิงสาวเข้าใจเป็นอย่างดี ไม่คิดตำหนิต่อว่าต่อขาน
ด้วยเพราะฟางเจียวเหมยตั้งใจเอาไว้ว่า จะดูแลหลี่ฮั่วตราบจนสิ้นลมหายใจ ก็เพราะยึดมั่นในอุดมคติของตนตั้งแต่ต้น นั่นเพราะว่าหลงรักชายหนุ่มผู้ที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ครานั้น แม้วันเวลาจะผันผ่านมาแล้วถึงหกปี นางยังจดจำได้ดี แต่...เขากลับจดจำวันนั้นมิได้
ครั้นจะเอ่ยสอบถามความหลังครั้งเก่าก่อน นางก็หาได้กระทำเช่นนั้น นางเพียรพยายามเช้าเย็นให้ได้เห็นหน้า ขนมและน้ำชา มิเคยขาดตกบกพร่อง มิเคยทำงานด้วยใบหน้าบึ้งตึงสักครา กลับยิ้มแย้มมอบให้เขาเสมอ ถึงเขามักส่งสายตาไม่เป็นมิตรกับนาง
ทว่า...เมื่อเขารับน้ำชาที่นางมอบให้แล้วออกปากกล่าวชื่นชม เช่นนั้นเองฟางเจียวเหมยจึงใจชื้นขึ้นมาบ้าง คิดว่าอีกไม่นาน นางกับเขาคงได้พูดคุยสนทนากันมากกว่านี้
รถม้าคันใหญ่โตหรูหราจอดเทียบอยู่หน้าประตูจวนสกุลหลี่ซึ่งประดับประดางดงาม แม้จะเกินฐานะฟางฮูหยินไปเสียหน่อย ก็เพราะการกลับบ้านครั้งนี้ ย่อมต้องมีลูกเขยติดตามไปด้วย ทว่า...กลับมีเพียงแค่หญิงสาวซึ่งแต่งงานออกเรือนเท่านั้นที่ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเพียงผู้เดียวโดยไร้สามีเคียงข้าง
เสิ่นฮูหยินผู้เฒ่าเกรงว่าเถ้าแก่ฟางจักตำหนิต่อว่าเอาได้ มิได้คิดละเลยแม้แต่น้อยนิด ดังนั้นแล้วหญิงชราจึงจัดการตระเตรียมรถม้าคันใหญ่โต ตกแต่งให้งดงามหรูหราให้สมกับฐานะสะใภ้ของตระกูลหลี่
ผู้อื่นอย่าได้คิดดูแคลน ในเมื่อเสิ่นฮูหยินผู้เฒ่า เอ็นดูสะใภ้ผู้นี้ยิ่งนักชื่นชมการชงชา รวมถึงการทำขนม ทำให้หญิงชรามีความสุข ซ้ำสะใภ้ผู้นี้ยังแสนดีน่ารัก มอบเครื่องประดับ และใบชาให้นางอีกชุดใหญ่
ยังมีชุดถ้วยชาทำจากหยกหาได้ยากยิ่ง เป็นรูปดอกบัวลายงดงามตระการตาน่ามองยิ่งนัก หญิงชรามิเคยพานพบมาก่อน จึงเอ่ยชื่นชมมิหยุดหย่อนทีเดียว
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เพียงจัดการเรื่องรถม้า ยังกำชับแม่นมหูให้เตรียมสมุนไพรมอบให้แก่ฟางเจียวเหมย เพื่อมอบให้เถ้าแก่ฟางอีกด้วย ยังมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มอบให้คุณหนูสาม และคุณชายเล็ก คุณหนูสามและคุณชายเล็กเกิดจากฮูหยินรองแซ่เลี่ยง
“วันนี้เดินทางกลับบ้านขอให้ปลอดภัยนะ จะพักสักคืนก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้ อย่าลืมเล่า ว่าที่นี่ยังมีแม่คนนี้อยู่” หญิงชราใบหน้าหมองหม่น ไม่อยากให้ลูกสะใภ้เดินทางไกลตามลำพัง ถึงจะมีผู้ดูแลติดตาม
แต่ก็ยังเป็นห่วงและกังวลใจมากนัก หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นระหว่างทางจะทำเช่นไร หญิงชราครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน รบเร้าให้ลูกชายตัวดีกลับบ้านเดิมของภรรยาเพื่อไปด้วยกัน
กระนั้นเจ้าตัวดีนั้นกลับบอกว่ามีภารกิจสำคัญจำเป็นต้องจัดการเสียก่อน เพราะอีกสองเดือนข้างหน้า เขาจักต้องเดินทางไปยังแดนใต้ ใบหน้าของหญิงชราจึงหมองหม่นเช่นนี้
ฟางเจียวเหมยจึงเดินเข้ามาแล้วโอบกอดมารดาสามี เอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นประจบเล็กน้อย “ท่านแม่มิต้องเป็นห่วง ข้าไปแค่นี้เองเจ้าค่ะ พรุ่งนี้จึงจะกลับ”
แม้รู้ดีว่าหากกลับไปโดยไร้เงาของสามี บิดาของนางคงซักถามไม่หยุดหย่อน แต่เอาเถอะฟางเจียวเหมยหาได้เสียอกเสียใจจนผ่ายผอมไม่ เพราะทุกอย่างนั้นล้วนต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งนางและเขาก็ควรเรียนรู้ซึ่งกันและกัน หญิงสาวจึงยิ้มสู้เพราะมีแม่สามีคอยให้กำลังใจ
“ท่านแม่ เข้าบ้านเถิดเจ้าค่ะ ข้างนอกลมแรงอาจป่วยเอาได้นะเจ้าคะ” ฟางเจียวเหมยรู้สึกอบอุ่นใจนักเพราะมีแม่สามีแสนดีเช่นนี้ ไม่เคยตำหนินางสักครึ่งคำ ซ้ำยังคอยปลอบใจนางอีกด้วย
ส่วนแม่นมหูยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง รายนั้นเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี ทั้งสำรับอาหาร ไม่ว่าต้องการสิ่งใด ขอเพียงแค่เอ่ยปาก แม่นมหูจักหามาให้นางได้เสมอ ส่วนพ่อบ้านจางทำงานดูแลทุกอย่างในบ้าน ยังมีบัญชีเล็ก ๆ น้อย ๆ
ซึ่งพ่อบ้านจางสอบถามฮูหยินผู้เฒ่าแล้วว่าต้องรับหน้าที่ นี้ไปหรือไม่ และยังต้องจ่ายเบี้ยหวัดรายเดือนให้แก่ฮูหยินน้อยเท่าไร ฟางเจียวเหมยทราบแล้ว จึงมิขอรับเบี้ยหวัด
เพราะนางมีเงินทองมากมาย ใช้จ่ายอย่างไรก็ไม่หมด อีกทั้งยังรู้จักประหยัดมิเคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อันใดเห็นสมควรแก่การซื้อนางก็ซื้อ แค่เบี้ยหวัดจากทางแคว้นจ้าวมอบให้นาง ก็ใช้จ่ายสบาย ๆ ได้หลายเดือน
อีกทั้งยังมีบิดามอบให้อีก ถึงมีเงินทองมากมาย แต่ก็หาได้ไม่รู้จักคุณค่าของเงินไม่ มิเคยใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ยามนี้อากาศเย็นค่อนข้างหนาว ยังมีชาวบ้านที่อดยาก นางคิดว่าหลังจากกลับบ้านแล้ว จะตั้งโรงทานขึ้นมา
โดยใช้เงินของนางเอง แต่แจกจ่ายโจ๊กร้อน ๆ ในนามแม่ทัพหลี่ นางมิอยากได้คำชื่นชมสรรเสริญหรือเยินยอ พราะช่วงนี้อากาศเลวร้ายกว่าปีที่ผ่านมา นั่นคือความคิดของฟางเจียวเหมยผู้แสนมองโลกในแง่ดี
ทว่า...แม่สามีแสนดีใจนัก ก็เพราะมิต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ลำพังแค่เบี้ยหวัดของลูกชายยังแทบไม่พอใช้จ่ายในจวน ซึ่งมีบ่าวรับใช้อยู่ไม่น้อย อีกทั้งผู้เป็นสามีก็แก่ชรามากแล้ว จะทำงานได้อีกกี่ปีกัน
ส่วนลูกชายคนรองยังอยู่หัวเมืองทางเหนือ ป่านนี้ก็มิเดินทางกลับบ้าน สงสัยคงลืมมารดาผู้นี้ไปสิ้นแล้ว ยามนี้ในจวนมีชีวิตชีวาขึ้นมากโขต้องยกความดีความชอบให้สะใภ้ผู้แสนน่ารักและร่ำรวย
หญิงชราแซ่เสิ่น หรือเสิ่นฮูหยินทั้งรักและเอ็นดู สะใภ้คนโปรดจึงเอ่ยยกยอฟางเจียวเหมยด้วยความรักใคร่ พร้อมกับหัวเราะด้วยท่าทางที่แสนอ่อนโยน “เจ้าเด็กคนนี้น่ารักและเป็นห่วงข้า ดูสิเจ้าบ้านั่นมิเห็นค่า กลับขลุกกับงานจนไม่สนใจภรรยา หากกลับบ้านมา แม่จักต้องสั่งสอนเสียบ้าง”
ประโยคหลังเสิ่นฮูหยินต่อว่าลูกชายเข้าให้ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจนัก เหตุใดจึงมองไม่เห็นว่า ฟางเจียวเหมยน่ารักแสนดีเพียงใด ช่างมีดวงตามืดบอกเสียยิ่งกระไรเงินทองอยู่เบื้องหน้า
เหตุใดจึงมิกอบโกยหรือใช้งาน ลูกชายผู้นี้ช่างโง่เขลานัก ต้องคอยให้มารดาชี้แนะหรืออย่างไรกัน ฟางเจียวเหมยล้วนมีแต่ประโยชน์ หาได้ขาดทุนสักนิดไม่
หากมีหลาน ๆ เอาไว้เชิดชูยิ่งดีใหญ่ เถ้าแก่ฟางคงจะยกที่ดินให้อีกมากมาย รวมถึงร้านค้าในเขตเมืองหลวง เพียงแค่คิดเสิ่นฮูหยินก็มีความสุข แต่ฟางเจียวเหมยมิเคยรู้เลยว่า ตนเองได้กลายเป็นหมากให้เสิ่นฮูหยิน หยิบจับใช้งานแล้ว
หญิงสาวยังเอ่ยขึ้นกับแม่สามีว่า “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านพี่หักโหมงาน พวกเรามิควรขัดขวางอีกทั้งยังเป็นงานราชการ เช่นนั้นคงมีความสำคัญมาก ข้ามิได้คิดเล็กคิดน้อยเจ้าค่ะ” แม้รู้ดีว่า เขาหมางเมินนางเพียงใด
กระนั้นก็ได้ถือสาหาความหลี่ฮั่วไม่ ซ้ำยังมองทุกอย่างในแง่ดีไปเสียหมดทุกสิ่งอย่าง มีทันเล่ห์เหลี่ยมของคนใกล้ชิดที่นางมอบใจให้ไปนับตั้งแต่ที่ได้แต่งเข้าจวนนี้
“ดูเจ้าสิ ยังต้องแก้ต่างให้เจ้าตัวดีนั่นอีก ลูกหนอลูกเหตุใดจึงมองไม่เห็นความดีของเจ้าบ้าง” เสิ่นฮูหยิน ประทับใจสะใภ้ผู้นี้เหลือเกิน ไม่เพียงไม่ตำหนิ หรือไม่พอใจ กลับแก้ตัวให้ลูกชายของนางอีก นับว่านางมีวาสนาดีนัก มีสะใภ้แสนดีถึงเพียงนี้
เว้นแค่เพียงลูกชายตัวดีเท่านั้น ที่มักตั้งแง่ชิงชังอยู่เสมอ แม้ว่าจะออกปากตำหนิถึงสิ่งที่ไม่ควรกระทำ แต่ก็เหมือนว่าลูกชายมักประชดประชันนางเสมอ ยามนี้บุตรชายมีหน้าที่ใหญ่โต ครั้นนางจะสอนสั่งดังเก่าก่อนก็หาใช่สมควร มีแค่เอ่ยชี้ทางแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อย่าให้ขาดมือเป็นอันขาด
“ท่านแม่ เข้าข้างในเถิดเจ้าค่ะ” เพราะสายลมพัดโชยหอบเอาความหนาวเย็นมา อีกทั้งแม่สามีก็อายุมากแล้ว ต้องลมเย็น ๆ มากไม่ดีนัก อาจส่งผลต่อสุขภาพก็เป็นได้ ฟางเจียวเหมยย่อมเป็นห่วงเป็นใย
“เอาล่ะข้าไปแล้ว เจ้าก็เดินทางระมัดระวังด้วยเล่า อีกหลายร้อยลี้กว่าจะถึง มิใช่ไกล ๆ เลยนะ เสี่ยวเถาดูแลนายเจ้าให้ดี” เสิ่นฮูหยินกำชับเสี่ยวเถา อีกทั้งยังเป็นห่วงสะใภ้คนโปรดอีกด้วย
ถึงอย่างนั้นก็ยังต่อว่าต่อขานลูกชายในใจ ไม่คิดเดินทางดูแลภรรยาเสียบ้าง กลับปล่อยให้กลับไปเยี่ยมบ้านเพียงคนเดียว ห่วงก็แต่ความรู้สึกของฟางเจียวเหมย กลัวว่านางจะเสียอกเสียใจไม่กลับมาอีก
หากเป็นเช่นนั้นละก็ นางคงต้องเดินทางไปตามสะใภ้แสนดีนั้นกลับมา แม้จะต้องลากคอลูกชายไปด้วย นางก็ยินดีมิเกี่ยงงอน ครานั้นหากเจ้าลูกชายผู้แสนดื้อรั้น ยังไม่ยอมตามที่นางวิงวอน นางจักจัดการให้เข็ดหลาบ กราบทูลรายงานเรื่องแก่หวงตี้ โทษฐานเป็นบุตรชายอกตัญญูไม่รู้คุณ
แม้จะต้องแลกด้วยการลดขั้น ลดตำแหน่ง เพื่อรั้งให้ฟางเจียวเหมยกลับมา นางก็ยินดี มิใช่เพราะความดีของนาง ทว่าฟางเจียวเหมยเป็นถึงบุตรสาวของเถ้าแก่ฟางผู้ที่ร่ำรวยมั่งคั่ง กิจการมากมายในมือนับไม่ถ้วน หยิบจับอันใดก็รุ่งเรืองร่ำรวยไปหมด มิมีผู้ใดไม่รู้จักฟางเซี่ยเหวิน
อีกทั้งครานั้นกองทัพของบุตรชายขาดแคลนเสบียงถึงขั้นอดมื้อกินมื้อ ก็เพราะเถ้าแก่ฟางยื่นมือช่วยเหลือถึงผ่านพ้นวันเวลาที่แสนเลวร้ายมาได้ หากปล่อยสะใภ้ผู้นี้ไปก็เสียดายยิ่งนัก
“เจ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า” เสี่ยวเถามองใบหน้าของหญิงชรา เห็นรอยยิ้มก็รู้สึกประหลาดใจนักหนา เหตุใดเสิ่นฮูหยินจึงกระวีกระวาดแสนดีถึงเพียงนี้ ซ้ำยังออกมาส่งคุณหนูของนางด้วยตนเอง ไม่เคยมีแม่สามีที่ใดเขาทำกัน อาจเป็นเพราะถูกใจคุณหนูก็เป็นไปได้
หรือว่า...เพียงเพราะผลประโยชน์ของนายสาว ใช่หรือไม่ หากเป็นอย่างหลัง เสิ่นฮูหยินย่อมร้ายกาจไม่เบา ตบตาใครต่อใครได้อย่างแยบยล
เสี่ยวเถาไม่เพิกเฉยเรื่องนี้ ย่อมต้องคอยจับตาคนตระกูลหลี่เอาไว้ โดยเฉพาะหลี่ฮั่วแม่ทัพผู้เกรียงไกร เหตุไฉนจึงตั้งแง่รังเกียจคุณหนูของนางเยี่ยงนี้