ความเดิม- "ปะ เรานั่งจนรากงอกแล้วมั๊ง น้ำก็ไม่ได้เล่นแถมยังช้ากว่าคนอื่นเค้าอีก แต่ก็ดีแล้วแค่อ่อนเพลียวิงเวียนก็พอเถอะอย่าให้เป็นหวัดเป็นไข้กับเค้าเลยมันจะยุ่งยัยผีดิบเอ้ย ยิ่งพี่ชายเธอฝากฝังมาอยู่ ถ้าป่วยกลับไปมีหวังเสียชื่อคุณหมอแย่เลย" เปรมมนัสสัพยอกคนตัวบางพร้อมกับเอื้อมมือไปประคองให้ลุกขึ้นอย่างนุ่มนวลอยู่ในที
…………………………………..
ด้านกานต์ธิดาเมื่อได้ยินคนตัวโตพูด รู้สึกไม่เข้าหูได้แต่หน้าเง้าและไม่ยอมรับความช่วยเหลือ พยายามที่จะลุกด้วยตัวเองแต่ก็เสียหลัก โชคดีที่คนตัวโตรอรับเอาไว้อย่างมั่นคงเพราะเขารอสแตนบายอยู่ก่อนแล้ว
"เป็นไงมั่งยัยบี เวียนหัวเหรอ" อัญญารินทร์เอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วงเพื่อนสาว
"อือ..แต่แป๊บเดียว ลุกเร็วน่ะ แต่หายล๊ะ ไปกันเถอะ" กานต์ธิดายิ้มให้เพื่อนสาวแล้วหันมาสบตาคนข้าง ๆ เป็นเชิงบอกว่าเราไปขึ้นรถกันเถอะ
หลังจากนั้นทุกคนได้เดินทางกลับมายังบ้านพักของปพัฒน์ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองรวมถึงนายจ๋ายผู้เป็นตาของดวงฤทัยได้ชะเง้อคอรออยู่ก่อนแล้ว
"มากันแล้วเหรอ หายไปนานเชียว เห็นแต่คนสวนแบกตะกร้าส้มกับตะกร้าองุ่นมาแต่ไม่เห็นคน ดูซิ..พาหลานไปเล่นน้ำมาใช่มั๊ยเปียกกันมามะล่อกมะแล่กเลย" คุณนายปาริดาบ่นอุบเพราะเป็นห่วงสาว ๆ
"แฮร่ หนูเห็นน้ำมันใสมากเลยค่ะ อดใจไม่ไหว" อัญญารินทร์พูดยิ้ม
"ไปอาบน้ำสระผมเถอะลูก ถ้าช้าเดี๋ยวไข้หวัดจะถามหานะลุก เราก็เหมือนกัน ใบหม่อน ไปอาบน้ำได้แล้วไป" คุณนายปาริดาเอ่ยยิ้ม ๆ อย่างผู้ใหญ่ใจดี
"ค่า/ค่า" สองสาวที่เปียกน้ำมะล่อกมะแล่กประสานตอบรับอย่างพร้อมเพรียงส่วนอีกคนได้แต่ยิ้ม ๆ แล้วเดินตามสองสาวที่เปียกน้ำไปติด ๆ
"ใบหม่อนคืนนี้ไปนอนกับพี่ ๆ เค้านะลูก เราไปเล่นน้ำมาเดี๋ยวจะเอาหวัดไปติดตาจ๋าย ตาหอบขึ้นมาแล้วจะยุ่ง" ปพัฒน์สั่งการเด็กสาวในปกครองเสร็จสรรพ เพราะถ้าติดหวัดอาการจะยิ่งแย่สำหรับคนป่วยกลุ่มนี้อยู่แล้ว
"เจ้า" ดวงฤทัยรับคำอย่างว่าง่าย
อีกด้านของผู้สังเกตุการณ์
"ดูเพื่อนของน้องเอ๋ยจะไม่ค่อยสดชื่นเลยนะม๊า น้องไม่สบายหรือเปล่า" กรพัฒน์ถามเอ่ยขึ้นหลังจากสังเกตอาการเด็กสาวมาสักพัก
"เห็นว่าเลือดซีดนะป๊า คงอ่อนเพลียจากการเดินทางแหละ ปะหนุ่ม ๆ ไปช่วยม๊าทำกับข้าวได้แล้ว สาว ๆ น่าจะไม่ไหวกันแล้วหละ เผลอ ๆ จะได้กรอกยากันกลางดึกหรือเปล่าก็ไม่รู้" คุณนายปาริดาตอบคำถามสามีและหันไปคุยกับหนุ่ม ๆ เพื่อหาแนวร่วมช่วยทำกับข้าว
สำหรับมื้อเย็นเป็นฝีมือของหนุ่ม ๆ ล้วน ๆ เพราะสาว ๆ น่ะเหรอ หายเงียบไปตั้งกลับมาถึงก็ยังไม่มีใครลงมาชั้นล่างเลย
"ม๊าว่าม๊าไปตามน้อง ๆ มาทานข้าวดีกว่า นี่ก็เป็นชั่วโมงแล้วน่าจะหิวแล้วนะ"
"คงหมดฤทธิ์กันน่ะครับ อีกคนก็เมารถ อีกสองก็คงถูกน้ำเล่น หลังจากไปเล่นน้ำมา หึหึ" ปพัฒน์พูดให้ดูขำ ๆ
“ยังจะมาพูดเล่นอีก มาเลยตามมาเลย เผื่อน้องไม่สบาย”
“ครับ ไปกันหมดนี่แหละครับ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตูห้องนอนของสามสาว)
ข้างในห้องเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ
“ม๊าว่าเปิดประตูเข้าไปเลยเถอะ น้องไม่สบายหรือเปล่า” ปาริดาเริ่มร้อนใจขึ้นมานิด ๆ แล้ว
“ครับม๊า เดี๋ยวผมไปเอากุญแจสำรองข้างล่างก่อนครับ” ปพัฒน์บอกมารดาแล้วรีบลงบันไดไปหยิบกุญแจสำรองทันที สักพักเขาก็ขึ้นมาและไขกุญแจเข้าไป
ภาพที่ปรากฎคือ สองสาวนอนบนที่นอนนุ่ม ส่วนหนึ่งสาวน้องน้อยสุดนอนที่พื้น ๆ ข้าง ๆ เตียงโดยเอาผ้าห่มมาปูแทนที่นอน และไม่มีใครห่มผ้าเลยสักคน ที่สำคัญทุกคนหลับสนิทไม่มีใครกระดุกกระดิกเลยแม้แต่น้อย
“ต๊าย!! น่าเอ็นดูลูกหลานฉั๊น คงจะเหนื่อยกันละซินี่” ปาริดาอุทานขึ้นเพราะภาพที่เห็นคือสามสามพากันนอนหลับอย่างหมดสภาพ
“เอาไงดีครับม๊า ปลุกดีมั๊ยครับ” ปพัฒน์เอ่ยขึ้นอย่างขอความเห็น
“เดี๋ยวเฮียขอเช็คก่อนนะว่ามีไข้หรือเปล่า” ปกรณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบและพยักหน้าให้เพื่อนรักเป็นอันเข้าใจกัน
ปกรณ์เดินไปหาคนของใจใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของสาวเจ้าแล้วหันมาสบตาเพื่อนรักแล้วส่ายหน้า
ส่วนเปรมมนัสเดินไปอีกฝั่งของเตียงแล้วใช้หลังมืออังที่ซอกคอและแก้มน้อย ๆ ของคนตัวบาง แล้วส่งสายตาให้เพื่อนรักเช่นกัน
“ทางนั้นเป็นไงบ้าง” เปรมมนัสเอ่ยถามเพื่อนรัก
“ไม่ไข้นะ แต่น่าจะเหนื่อยมากไปหน่อย แล้วน้องบีล่ะเป็นไงบ้าง” ปกรณ์บอกยิ้ม ๆ และถามขึ้นบ้าง
“ตัวเย็น น่าจะเหนื่อยเดินทาง หลับไม่รู้เรื่องเลย/ แล้วยัยน้องเล็กที่พื้นล่ะเป็นไงบ้าง” เปรมมนัสตอบเพื่อนรักยิ้ม ๆ แต่อดเป็นห่วงน้องเล็กสุดไม่ได้
“รายนั้นไม่ต้องห่วงเค้าหรอกครับเฮียนัท หัวแข็งไม่เจ็บไม่ไข้ง่าย ๆ หรอกครับ แต่น่าจะเหนื่อย ถ้าหิวเดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาเองแหละครับ” ปพัฒน์เอ่ยยิ้ม ๆ ในขณะที่เดินไปนั่งบนคุกเข่าที่พื้นแล้วลูบหัวลูบแก้มใสอย่างเบามือ
“ดี ไม่มีใครป่วยก็ดีแล้ว งั้นหนุ่ม ๆ ออกจากห้องสาว ๆ กันได้แล้ว พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ แบ่งกับข้าวไว้ให้เด็ก ๆ ด้วยแล้วกัน หิวเมื่อไรจะได้พากันมากิน” ปาริดาสรุป แล้วตวัดสายตาเป็นเชิงบอกให้หนุ่ม ๆ ออกไปจากห้องสาว ๆ กันได้แล้ว
ส่วนพวกหนุ่ม ๆ เข้าใจทันที รีบพากันลงลงบันไดไปอย่างว่าง่ายเพราะสายตาพิฆาตของคุณนายแม่ยังไงเล่า ใครจะกล้าหือ