ความเดิม- "รีบพาน้องบีตามมานะ รอที่ลานจอดรถ" ปกรณ์เอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับจับจูงมือคนตัวเล็กเดินออกไปล่วงหน้าก่อนแล้ว
…………………………………….
เปรมมนัสขับรถตามรถของปกรณ์มาในร้านขายอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งอยู่ห่างจากชุมชนพอประมาณมีร่มไม้ชายคาบรรยากาศร่มเย็นดี เมื่อถึงที่หมายผู้โดยสารรถคันข้างหน้ารีบลงจากรถแล้วกวักมือหวอย ๆ เรียกรถของเขาให้มาจอดข้าง ๆ กัน
"อานัทคะรีบเลยค่ะ ช้าเดี๋ยวคิวยาวนะคะ ที่นี่อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะ น้องเอ๋ยมากินกับยัยนางบ่อย ๆ" อัญญารินทร์ยืนกอดอกพูดยิ้ม ๆ
"อ๋อ..น้องสาวของคุณพยาบาลมานพน่ะเหรอ ขานั้นกินส้มตำเป็นด้วยเหรอ ดูเนิร์ด ๆ นะ" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ แล้วส่งสายตาให้ปกรณ์อย่างรู้ความใน เพราะเพื่อนหมออีกคนของนายปกรณ์กำลังตามกิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ เด็กสาวคนนี้อยู่แต่ปากแข็ง
"ได้ยินว่าพี่ชายลาออกแล้วพาน้องสาวกลับไปอยู่บ้านแล้วนิ่" ปกรณ์เอ่ยขึ้นตามที่ได้รู้มา
"แต่คุณพ่อรับดูแลเรื่องการศึกษาของยัยนางให้ค่ะ เพราะฉะนั้นน้องเอ๋ยอาจจะได้เจอยัยนางบ้างแหละค่ะ พูดแล้วก็คิดถึงขึ้นมาเลย"
อีกด้านของคนที่นั่งมองไก่ย่างตาปรอย มองโน่นมองนี่คล้ายอยากกินไปเสียทุกอย่างจนเปรมมนัสแอบจับสังเกตได้จึงได้เอ่ยทัก
"ไง..เราอยากกินเหรอ เดินไปเลือกเลยซิ ไปมั๊ยอาพาไป ให้สองคนนี้เฝ้าโต๊ะ" เปรมมนัสเอ่ยถามคนตัวบางพร้อมกับทำท่าจะจูงมือสาวเจ้า แต่สาวเจ้ารีบหุบแขนตรงแหน่วทันที
"เออ..บีว่าบีไปดูกับยัยเอ๋ยดีกว่าค่ะ อานัทกับอากรเฝ้าโต๊ะดีกว่าค่ะ" กานต์ธิดาปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมแล้วส่งตวัดสายตาให้เพื่อนสาวเป็นนัย ๆ ว่าให้รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ด้านอัญญารินทร์รู้ทันทีรีบลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนสาวและหันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้คุณอาหนุ่ม
"เดี๋ยวน้องเอ๋ยไปช่วยยัยบีเลือกไก่ก่อนนะคะ จะไปสั่งส้มตำด้วย หนูเห็นมีน้ำเก๊กฮวยด้วยสั่งน้ำให้หนูกับยัยบีด้วยนะคะ" อัญญารินทร์สั่งงานคุณอาหนุ่มเสร็จก็รีบเดินตามเพื่อนสาวไป
ด้านปกรณ์เมื่อเห็นว่าสองสาวเดินไปไกลแล้วจึงอดเอ่ยถามเพื่อนรักไม่ได้
"ดูท่าทางน้องบีจะไม่ญาติดีกับนายง่าย ๆ นะนายนัท ไปสร้างวีรกรรมอะไรกับน้องเค้าไว้เหรอ" ปกรณ์เอ่ยถามอีกครั้ง ทั้งที่พอจะรู้คำตอบบ้างแล้วจากที่เพื่อนรักเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนนี้
"ไม่รู้ซิ ฉั๊นคงดูแย่ในสายตาของเค้ามั๊ง คงให้อภัยไม่ได้เลยละมั๊ง สมน้ำหน้าตัวเองนักอยากหัวร้อน ปากไม่ดี" เปรมมนัสเอ่ยประชดตัวเอง
"เออ..ไอ้นี่ประชดตัวเองก็ได้ด้วยเว้ย..อย่าให้เป็นแบบคู่เฮียกิจกับพี่อันก็แล้วกัน นายมีบทเรียนจากคนในครอบครัวแล้วนะ ถ้าคิดว่าใช่ ละทิ้งไม่ได้ก็พุ่งชนเลยซิ จะกลัวอะไร" ปกรณ์ดันเพื่อนรักสุดชีวิต
"เออ..ก็กำลังรวบรวมความกล้าอยู่เนี่ย แต่ดูเจ้าหล่อนซิ ซีเรียส จะหาแต่เงิน เครียดไม่สดชื่นเหมือนเด็กวัยเดียวกัน ความคิดความอ่านแก่เกินไว ไอ้เราก็เป็นห่วงไม่อยากให้เครียด..เฮ๊อ.." เปรมมนัสพูดจบก็ถอนหายใจยาว เป็นจังหวะเดียวที่สองสาวเดินเข้ามาพร้อมกับจานไก่ย่างและส้มตำพอดี
"มาแล้วไก่ย่างหอม ๆ แล้วก็ส้มตำไม่ใส่ปลาร้า เปรี้ยวนำ หวานตาม เผ็ดปานกลาง ร้านนี้อร่อยค่ะ รับรอง” อัญญารินทร์พูดเจื้อยแจ้วพร้อมกับวางจานไก่ย่างส้มตำไว้ที่กลางโต๊ะ
ด้านเปรมมนัสรีบเช็ดมือด้วยทิชชู่เปียกแล้วฉีกชิ้นไก่เอาหนังออกแล้วหยิบใส่จานของคนตัวบางและหลานสาวทันที
"กินเฉพาะเนื้อไก่นะ หนังไก่ไม่ต้องกิน" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ แล้วตักส้มตำเข้าปากบ้างพอรับรสถึงกับตาลุกวาวเพราะรู้สึกเผ็ดจี๊ดขึ้นมา
"อานัทเผ็ดเหรอคะ กินไก่ย่างตามเข้าไปค่ะ จะได้หายเผ็ดค่ะ" อัญญารินทร์ตักชิ้นไก่ย่างให้อาหนุ่ม
"ฉั๊นว่าเอาไก่ย่างอีกตัวเป็นไง" ปกรณ์ออกความเห็น
"เออ..สั่งมาเลย เอามาแกล้มกับส้มตำ เริ่มอร่อยล๊ะ ส้มตำเผ็ดแต่อร่อยนะ อร่อยอย่างน้องเอ๋ยว่าจริง ๆ ด้วย" เปรมมนัสพูดไป เช็ดน้ำหูน้ำตาไปดูน่าสางสารในสายตาคนมอง
"ไอ้ผู้บริหารเอ๊ย.. นั่นแหละ..นั่งแต่ภัตตคาร..เป็นไงล่ะ หัดกินอะไรที่มันติดดินซ๊ะบ้าง" ปกรณ์เอ่ยยิ้ม ๆ
หึหึ (เสียงหัวเราะสะใจของคนตัวบาง)
"นายก็รีบกินเถอะ ฉั๊นไม่เห็นนายจะตักส้มตำสักเส้นเลย ทำพูดดีไป เอาเข้าจริงก็เผ็ดเหมือนกันละว๊า แน่จริงก็ลองดิ่" เปรมมนัสท้าเพื่อนบ้าง
"ลองนะคะ อากร น้องเอ๋ยชวนชิมเลย อร่อยค่ะ จะกลัวอะไรแค่เผ็ด นี่น้องเอ๋ยตักให้" อัญญารินทร์ตักส้มตำใส่ในจานของปกรณ์บ้าง ส่วนคนที่เป็นเจ้าของจานมีหรือจะกล้าขัดได้แต่จำใจตักส้มตำเข้าปากอย่างจำยอม
คิ๊ก ๆ คิ๊ก ๆ (เสียงหัวเราะคิ๊กคั๊กจากอัญญารินทร์) “อากรหน้าแดง จมูกแดงแล้วนั่น เผ็ดใช่มั๊ยคะ เหมือนอานัทเลย”
"เป็นไงล่ะ แซ่บดีมั๊ยเพื่อน ตาเหลือกเลยเหรอ" เปรมมนัสสัพยอกบ้าง ส่วนอีกคนได้แต่พยักหน้ายิ้ม ๆ
..ครื่ด…ครื่ด.. สองสาวยื่นแก้วน้ำเก๊กฮวยให้สองหนุ่มพร้อม ๆ กัน
"ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ อิ่มแล้วเหรอเราสองคน" เปรมมนัสเอ่ยถามสองสาวหลังจากดูดน้ำเก๊กฮวยเข้าไปครึ่งแก้ว
"อิ่มแล้วค่ะ" อัญญารินทร์ตอบผู้เป็นอายิ้ม ๆ ส่วนอีกคนได้แต่ยิ้มน้อย ๆ แทนคำตอบ
"เก็บตังค์ครับ" เปรมมนัสเอ่ยเรียกพ่อค้า เมื่อชำระค่าอาหารเสร็จทั้งสี่คนจึงแยกย้ายไปขึ้นรถคันของใครของมันครั้งนี้กานต์ธิดาขอมาขึ้นรถกับเปรมมนัสและอัญญารินทร์โดยอ้างว่าทางเดียวกัน ส่วนปกรณ์ได้แต่ยิ้มเจื่อน และขับรถแยกออกไปเพียงลำพัง