“เกิดอะไรขึ้น...ทำไมหมอภีมถึง...มาอยู่ที่นี่...”
เสียงพึมพำในช่วงบ่ายของวันถัดมาดังขึ้นเมื่อพึ่งรู้สึกตัวหลังจากดื่มจนเมามายเมื่อคืนนี้ และที่สำคัญเธอดันพบว่าตัวเองกำลังนอนกอดอยู่กับผู้ชายซึ่งตะวันนั้นคิดว่าเป็นเพชรภีม เพราะเธอได้ยินมาว่าเพชรภีระบินกลับต่างประเทศไปแล้ว
“ขนาดนี้แล้วยังจำไม่ได้อีกรึไง...”
ตะวันถึงกับสะดุ้งเมื่อคนที่นอนอยู่ดันพูดออกมา ก่อนเธอจะจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อนี่ไม่ใช่เพชรภีม แต่เป็นเพชรภีระอย่างแน่นอน
“คุณ! ไหนว่ากลับไปแล้ว...”
เธอถามขึ้นพร้อมกับขยับกายหนีห่าง ทำเอาคนที่ค่อยๆลืมตามองถึงกับนึกขำเมื่อเห็นสองมือของเธอกำผ้าห่มเอาไว้แน่นแถมยังดึงจนตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาค่อยๆโผล่ออกมา ความเป็นชายที่ตื่นตามเจ้าของชี้ผงาดชูชันจนตะวันที่เผลอมองถึงกับหน้าแดง
“หึหึ อายทำไม ทีเมื่อคืนไม่เห็นอาย ทั้งกินทั้งดูด ดูสิ รอยเต็มไปหมด”
ไม่พูดเปล่าแต่เขายังอ้าสองขาออกกว้างเพื่อให้เธอดูหลักฐานที่เธอทำเอาไว้ ซึ่งเป็นรอยแดงจ้ำเต็มต้นขาด้านในของเขา
“ไม่จริง! อีตาบ้า! แล้วนี่มันห้องของฉัน คุณนั่นแหละเข้ามาได้ยังไงห๊ะ!”
ด้วยความอายตะวันเลยเผลอเสียงดังใส่เขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็มีคนลากเข้ามาน่ะสิ ยื่นกุญแจให้ เปิดประตูเชิญ...”
“พอๆๆๆ ตื่นแล้วก็ออกไปสิ”
“อะไรกัน ได้แล้วทิ้งเลยเหรอ?”
“ฉันเมา...”
“เมาแล้วไง? เมาแล้วนอนกับใครก็ได้เหรอ?”
“อ๊ายยยย อีตานี่! หยุดพูดแบบนั้นเลยนะ”
“ผม...ชื่อ...ภีร์...เพชรภีระ จำเอาไว้บ้าง”
“จะชื่ออะไรก็เรื่องของคุณ รีบๆออกจากห้องของฉันไปได้แล้ว”
“ไม่...ผมชอบห้องนี้”
ปกติเพชรภีระไม่ใช่คนที่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใคร แต่ทำไมกับเธอเขาถึงรู้สึกดีที่ได้ทำแบบนี้ก็ไม่รู้
“งั้นฉันไป...”
หมับ!
“มาคบกันไหม?”
ร่างบางที่กำลังจะลุกจากเตียงต้องชะงักค้างเมื่อคำพูดต่อมาของเขาดังกึกก้องในหัวของเธอ ก่อนตะวันจะหันไปมองเขาด้วยสายตาอึ้งตะลึง
“ทำไม? ก็คุณยังโสด ผมเองก็...โสด ไม่เห็นน่าจะมีปัญหาอะไร”
เขาพูดออกมาเหมือนมันเป็นแค่เรื่องง่ายๆ แต่สำหรับตะวันมันไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเขาเป็นพี่ของเพชรภีม แถมยังเป็นอาของหลานๆเธออีก
“ฉันไม่เล่นด้วยหรอก ปล่อยฉันนะ!”
“ผมไม่ได้พูดเล่น โตเกินกว่าจะพูดเล่นแล้วด้วย”
เพชรภีระบอกขึ้นพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“ยังไงเราก็นอนด้วยกันแล้ว ไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ ผมให้เวลาคุณหนึ่งอาทิตย์แล้วผมจะกลับมาเอาคำตอบ”
พูดจบ เพชรภีระก็ลุกขึ้นไปหยิบกางเกงที่กองอยู่บนพื้นมาใส่แล้วเดินออกจากห้องพักของตะวันไปทันที ส่วนเจ้าของห้อง ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งเมื่อเขาคิดเองเออเองเสร็จสรรพอย่างนั้น
และหลังจากวันนั้นตะวันก็ไม่ได้เจอเพชรภีระอีกเลย เมื่อเขาบินกลับสวิตเซอร์แลนด์ไปโดยไม่คิดจะล่ำลาเธอสักนิด แต่ตะวันก็ยังเอาแต่คิดถึงคำพูดของเขาจนแทบไม่มีสมาธิทำงานเมื่อเธอดันมีความรู้สึกดีกับเขาแบบที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน ถึงแม้เวลาเจอกันจะเอาแต่ทำหน้างอง้ำใส่แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่เธอแสดงออกแทนอาการเขินอายนั่นเอง
“คะ? ไปประชุมแทนคุณพ่อเหรอคะ? แต่ซันมีคิวผ่าตัดตั้งเยอะ หรือว่าคุณพ่อไม่สบายคะ?”
สามเดือนต่อมา หลังจากที่ใจจดใจจ่อรอการกลับมาของเพชรภีระแต่ก็ดูเหมือนเรื่องที่เขาพูดนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกเด็ก เพราะเขาหายไปตั้งแต่วันนั้นจนตอนนี้เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่เขาหายเงียบไป
“ก็...พอดีพ่อต้องดูแลงานทางนี้ อาทิตย์หน้ามีประชุมบอร์ดบริหารด้วย เอาน่า ถือซะว่าลูกไปศึกษาดูงานที่โน่น ส่วนเรื่องทางนี้พ่อจะให้หมอคนอื่นจัดการให้”
“แต่...”
“เอาน่า อีกไม่นานพ่อก็จะวางมือแล้ว ยังไงศึกษาเอาไว้ก่อนดีที่สุด งั้นพ่อขอตัวล่ะ คุณวสันต์นัดเอาไว้บ่ายสามโมงพอดี”
ไม่รอให้ตะวันได้พูดหรือถามอะไรอีก คุณประจักษ์ก็ลุกเดินหนีออกจากห้องทำงานของบุตรสาวไป ปล่อยให้เจ้าของห้องได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจกับท่าทีแปลกๆนั้น
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ตะวันและคุณหมออีกนับสิบก็เดินทางไปศึกษาดูงานกันที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่และมีศูนย์วิจัยยาระดับโลกอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้อีก ทำเอาตะวันที่อยากปฏิเสธแต่ก็ทำไม่ลง
และพอมาถึงก็ยิ่งทำให้ตะวันแปลกใจเมื่อถูกต้อนรับอย่างดีจากคนที่นี่ แถมที่พักและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันจนไม่อยากเชื่อว่ามาทำงาน เหมือนมาเที่ยวมากกว่า
“นี่เป็นกุญแจรถของคุณค่ะ ถ้าต้องการอะไร นี่เป็นนามบัตรของฉัน โทรติดต่อได้ตลอดเวลาค่ะ”
“ค่ะ...ขอบคุณค่ะ”
ตะวันมองคนตรงหน้าที่เป็นคนไปรับพวกเธอจากสนามบินและมาส่งเธอที่บ้านหลังเล็กที่พักชั่วคราวของเธอ ก่อนจะมองตามร่างบางที่พึ่งเดินจากไปแล้วหันกลับมามองที่บ้านสไตล์ยุโรปหลังเล็กที่เธอต้องอยู่จนกว่าจะกลับประเทศไทย
“เหมือนมาเที่ยวเลยแฮะ...”
เธอพึมพำออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งตกแต่งน่ารักเหมือนกับบ้านน้อยในฝันเลยก็ว่าได้ ตะวันเดินสำรวจไปทั่วก่อนจะมาหยุดลงที่ห้องนอนแสนน่ารักโทนสีครีมซึ่งเป็นสีโปรดของเธอเสียด้วย
“คุณพ่อ ซันมาถึงแล้วนะคะ”
ตะวันโทรออกไปรายงานบิดา เมื่อพึ่งมาถึงที่พัก
“เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยไหม”
“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่ว่าบ้านพักสวยจังเลยค่ะคุณพ่อ นี่คุณพ่อเลือกเหรอคะหรือบริษัทเลือกให้”
“ห๊ะ...เอ่อ ทางนั้นจัดการให้น่ะลูก ดูแลตัวเองดีๆนะ ไม่นานก็ได้กลับแล้ว”
“ค่ะ งั้นซันขอพักก่อนนะคะ เพลียๆ”
พอวางสายจากบิดาตะวันก็ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลียโดยไม่รู้เลยว่านอกบ้านพักของเธอมีรถยนต์สุดหรูคันหนึ่งจอดอยู่
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“เธอไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไรค่ะ”
“อืม ดีมาก”
รายงานจบร่างบางของเลขาสาวก็เดินไปขึ้นรถอีกคันที่จอดรออยู่ ส่วนผู้เป็นเจ้านายก็ได้แต่นั่งมองบ้านหลังเล็กที่เขาซื้อเอาไว้เพื่อคนในบ้านโดยเฉพาะด้วยสายตาหมายมาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาลงทุนหลายสิ่งหลายอย่างเพียงเพื่อเธอโดยที่เธอเองไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง
เช้าวันต่อมา ตะวันและทีมงานที่มาด้วยกันก็เข้าศึกษาดูงานในโรงพยาบาลที่มีบริษัทผลิตและวิจัยยาควบรวมอยู่ด้วยซึ่งการมาของพวกเธอก็ทำเอาทุกคนที่นี่ตื่นเต้นกันอย่างมากเพราะปกติแล้วแค่คนนอกจะเข้ามายังแทบจะเป็นไปไม่ได้เมื่อทั้งการรักษาความปลอดภัยทั้งเรื่องความลับต่างๆอีก แต่โรงพยาบาลของตะวันกลับได้สิทธิพิเศษให้เข้ามาศึกษาดูงานที่นี่ ถึงแม้จะมีเพียงแค่เธอคนเดียวที่สามารถเข้าไปในศูนย์วิจัยยาได้ส่วนคนอื่นๆก็ได้ไปศึกษาดูงานกันที่โรงพยาบาลกัน
“สวัสดีครับ ผมเกรย์ จะเป็นคนดูแลและแนะนำทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากรู้ตลอดเวลาที่ดูงานที่นี่ ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามผมได้เลย”
“ค่ะ...”
พอเข้าไปด้านในของศูนย์วิจัย ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นามว่า เกรย์ แถมหน้าตาหล่อเหลาเข้าขั้นนายแบบก็เดินยิ้มกว้างเข้ามาทักทายและแนะนำตัวว่าเขาจะเป็นคนคอยแนะนำเธอตลอดการดูงานอยู่ที่นี่ ซึ่งแค่มองสายตาที่เขามองเธอหญิงสาวก็ขนลุกซู่เสียแล้ว
“งั้นเราไปกันเลยดีไหมครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูตามที่ต่างๆของศูนย์เรา”
“ค่ะ”
นอกจาก ค่ะ ตะวันก็แทบไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นเมื่อรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเพราะที่นี่แทบจะเรียกได้ว่าคนน้อยมาก น้อยจนแทบไม่มีคนเดินผ่านจนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าคนทั้งศูนย์นี่มีถึงร้อยคนรึเปล่า
“นี่เป็นห้องทำงานของคุณขณะที่ดูงานกับเรา...บอสเป็นคนให้จัดเอาให้หวังว่าคุณจะถูกใจ”
เกรย์บอกออกมาพร้อมกับมองตะวันด้วยสายตาอยากรู้เมื่อปกติแล้วเจ้านายของพวกตนไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้แต่ตอนนี้ดูทุกอย่างจะแปลกไปเมื่อเขาลงมาดูแลจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ห้องทำงานของทุกคน เอ่อ เป็นแบบนี้กันหมด เอ่อ หมายถึงดูหรูหราแบบนี้กันหมด...”
“หืม? ไม่ครับ นี่เป็นห้องใหม่ที่จัดขึ้นเอาไว้รองรับคุณโดยเฉพาะ อ้อ แล้วก็อย่าถามผมเลยครับว่าทำไม ต้องถามเจ้านายของพวกเราแล้วล่ะครับ เพราะเขาสั่งมา”
“คะ? เจ้านาย...คุณเดวิด...”
“ไม่ใช่ครับ เดวิดน่ะแค่เลขา อุ่ย! ผมพูดเยอะแล้ว เดี๋ยวต้องไปประชุม งั้นเชิญคุณตามสบายก่อนนะครับ เอกสารบนโต๊ะศึกษาได้หมดเลย ประชุมเสร็จเดี๋ยวผมกลับมา จะพาไปดูห้องวิจัยของเรา แล้วเจอกันครับ”
พูดจบเกรย์ก็เดินออกไป ปล่อยให้ตะวันได้แต่มองไปรอบๆอย่างไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นห้องทำงานชั่วคราวของเธอ เพราะแค่โซฟาหลุยส์ตัวใหญ่ก็ราคาเกือบๆล้านแล้ว แล้วโต๊ะอันทันสมัยนั่นอีก ของทุกอย่างในห้องดูหรูหราไปหมด เธอค่อยๆเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานสูดหรูก่อนจะสะบัดความคิดนั้นทิ้งเมื่อเธอมาดูงาน เพราะฉะนั้นเธอต้องโฟกัสกับงานให้มากที่สุด