ชลธิดายิ้มให้ญารินดา เธอนึกเอาไว้แล้วเชียวว่าแผนนี้ต้องสำเร็จ ที่เหลือก็ปล่อยให้พี่ชายเป็นคนจัดการเคลียร์ปัญหานี้เอง แต่ก่อนอื่นเธอต้องวางแผนกำจัดญารินดาออกไปจากชีวิตของพี่ชายเสียก่อน คืนนี้เธอต้องปรึกษากับมารดา เผื่อท่านมีแผนอะไรที่ดีกว่าเธอ
“คนพิเศษของคุณคีย์เป็นใครหรือค่ะน้องชล ทำไมพี่ถึงไม่รู้”
“ชลก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณญาญ่า ว่าคนพิเศษของพี่คีย์เป็นใคร ชลรู้แต่ว่าตอนนี้พี่คีย์พาคนพิเศษไปเที่ยวก็เท่านั้นเอง แถมยังไม่รู้ว่าไปเที่ยวที่ไหนอีก เฮ้อ...ไม่รู้จะไปสวีตหวานกันแถวไหนอีก ที่จริงชลก็อยากเห็นหน้าคนพิเศษของพี่คีย์เหมือนกันนะคะคุณญาญ่า แต่พี่คีย์น่ะสิค่ะไม่ยอมพามาเปิดตัวเสียที”
ได้ทีชลธิดาก็ใส่ไฟใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าแข็งกร้าวกับดวงตาวาวโรจน์ของอีกฝ่าย คิดจะมาเป็นสะใภ้ของวีรเศรษฐกุลชัยมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากเธอกับมารดาไม่เห็นชอบด้วย ก็ไม่มีทางได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายอัคคี วีรเศรษฐกุลชัยเด็ดขาด
“พี่กลับก่อนนะคะ เอาไว้ว่างๆ แล้วพี่จะมาใหม่”
ญารินดาเอ่ยลาเสียงแข็งเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกมาจากห้องด้วยความแค้นใจอย่างรุนแรง แต่ก็ทำอะไรชลธิดาไม่ได้ แล้วยังเรื่องคนพิเศษของอัคคีอีก ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร กล้าดียังไงมาแย่งชายหนุ่มที่เธอหมายปองและต้องการแต่งงานด้วย
...ฉันไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปให้ผู้หญิงคนไหนหรอกคีย์ ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะได้แต่งงานกับคุณ...
ชลธิดายิ้มแก้มแทบปริเมื่อญารินดาขอตัวกลับ ไม่นึกเลยว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้ แผนการขั้นที่หนึ่งสำเร็จด้วยดี แผนขั้นที่สองก็คือเธอต้องขอความช่วยเหลือจากมารดาว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้วารินมาอยู่ที่นี่ได้
...เห็นทีงานนี้ต้องพึ่งคุณแม่เสียแล้ว...
//////////
หัวหิน, ประจวบคีรีขันธ์
“นี่ครับเสื้อผ้า รับไปสิหนูน้ำ”
อัคคียื่นถุงกระดาษยี่ห้อดังห้าถุงให้กับวาริน ซึ่งเขาลงไปซื้อเองกับมือเพราะสาวเจ้าดันไม่ยอมลงไปด้วย แถมยังทำหน้างอใส่เขามาตลอด ไม่นึกเลยว่าสาวน้อยคนนี้จะเอาแต่ใจและดื้อรั้นอย่างร้ายกาจ ปกติเห็นเรียบร้อย เงียบๆ ไม่นึกเลยว่าพออยู่กับเขานิสัยถึงได้เปลี่ยนไปมากมายถึงขนาดนี้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างสูงกำยำที่ยื่นถุงกระดาษห้าใบมาให้เธออย่างเคืองขุ่น บอกหลายครั้งแล้วว่าเธอไม่นอนที่หัวหิน จะกลับกรุงเทพฯ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้พูดยากพูดเย็น เอาแต่ใจและบ้าอำนาจเป็นที่สุด ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย แต่กลับวุ่นวายกับเธอยิ่งกว่าบิดามารดาของเธอเสียอีก วารินเม้มริมฝีปากแน่นกับท่าทางกวนประสาทของอีกฝ่าย
“น้ำจะกลับกรุงเทพฯ”
“ก็พี่บอกแล้วไงครับ คืนนี้พวกเรานอนที่นี่กัน”
“แต่น้ำไม่อยากนอนที่นี่ พี่คีย์พาน้ำกลับกรุงเทพฯ ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้น้ำต้องทำงาน”
“หนูน้ำลืมไปแล้วหรือครับว่าพี่เป็นใคร เรื่องงานที่บริษัทหนูน้ำไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก พี่จัดการลาหยุดให้หนูน้ำเรียบร้อยแล้ว”
“น้ำว่าพี่คีย์วุ่นวายกับชีวิตน้ำมากไปแล้วนะคะ เกิดบ้าอะไรขึ้นค่ะ เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจหรือพูดกับน้ำ พี่คีย์ทำแบบนี้ทำไมค่ะ”
อัคคีมองหญิงสาวที่ลุกขึ้นยืนจ้องเขาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ตัวแค่นี้กล้างัดข้อกับเขาเชียวหรือ เขามีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลอะไรก็ไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหน ที่สำคัญเขาไม่คิดจะบอกสาเหตุที่เธอมาเที่ยวหัวหินอยู่แล้ว ขืนบอกไปสิ เดี๋ยวเขาก็ถูกหาว่าจุ้นจ้าน วุ่นวาย นิสัยไม่ดีอีกที่ดันไปแอบฟังเรื่องที่เธอถูกแฟนหนุ่มบอกเลิก
“พี่มีเหตุผลของพี่ล่ะน่า ไม่ต้องพูดมากเลยหนูน้ำ ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ไม่ค่ะ น้ำจะกลับกรุงเทพฯ”
“อย่าให้พี่โกรธนะหนูน้ำ ไม่งั้นหนูน้ำเจอดีแน่ พี่หิวข้าวแล้ว”
“หิวก็ไปกินสิค่ะ มาบอกน้ำทำไม”
“พี่ถึงบอกให้หนูน้ำไปอาบน้ำไง แล้วเราจะได้ไปกินข้าวกันหรือหนูน้ำอยากให้พี่กินหนูน้ำแทนข้าว”
คำพูดของอัคคีทำให้วารินหน้าแดงก่ำ หญิงสาวถลึงตาใส่ ทั้งโมโหทั้งอับอาย เขากล้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร นี่เธอเป็นเพื่อนรักของน้องสาวของเขานะ ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างระงับอารมณ์เดือด เธอไม่ใช่คนเรียบร้อยอ่อนหวานนักหรอก เกิดสติแตกขึ้นมาแล้วทำร้ายเขากลับไป จะมาโทษเธอไม่ได้นะ
“หยาบคายที่สุด”
“พี่จะหยาบคายกว่านี้อีก ถ้าหนูน้ำยังขืนดื้อรั้นอยู่แบบนี้ เอ้...หรือหนูน้ำอยากให้พี่อาบน้ำให้”
“อ๊ายยยย! พูดบ้าอะไรของพี่คีย์ค่ะ อย่ามาคิดลามกกับน้ำนะ”
“ไม่ได้คิดลามก แต่ถ้ายังขืนช้า พี่อุ้มหนูน้ำไปอาบน้ำจริงๆ นะขอบอก”
ชายหนุ่มย้ำเสียงหนักแน่น จนคนที่ยืนอยู่ถึงกับหนาวๆ ร้อนๆ กับน้ำเสียงและสายตาพราวระยับคู่นั้น หญิงสาวยื่นมือออกไปกระซากถุงกระดาษยี่ห้อดังทั้งหมดมาไว้ในมือ ก่อนสะบัดหน้าและเดินหนีหายเข้าไปในห้องนอนของตนเอง โกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรแล้ว อยากทำร้ายเขากลับแต่ก็กลัวเขาลงโทษเธอเหมือนช่วงบ่ายอีก แบบนั้นไม่ดีแน่ ขาดทุนย่อยยับทีเดียว
อัคคีได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับนิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจของวาริน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ปกติหญิงสาวจะเรียบร้อย อ่อนหวาน ไม่มีปากไม่มีเสียง ขนาดน้องสาวเขาชวนไปไหนก็ไม่เคยบ่นสักคำ หรือเวลาทั้งสองทะเลาะกัน เขาก็เห็นวารินยอมแพ้และอ่อนข้อให้ชลธิดาตลอด
“ทีกับหนูชล...ยอมอ่อนข้อให้ แต่ทำไมกับพี่...หนูน้ำไม่เห็นอ่อนข้อให้มั้งเลย”
ในขณะที่อัคคีกำลังคิดหาวิธีทำให้วารินยอมอ่อนข้อให้อยู่นั้น เสียงเพลงก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าเหลียวมองไปรอบห้องก็ไม่พบที่มาของเสียงเรียกเข้า แต่เจ้าเพลงหวานที่ฟังทีไรก็รู้สึกอบอุ่นนั้นก็ยังดังขึ้นเรื่อยๆ เขาจำได้ว่าเสียงเพลง ‘มีกันตลอดไป’ มันเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของวาริน
ชายหนุ่มเดินหาที่มาของเสียง จนสายตาไปเจอกับกระเป๋าสะพายใบเล็กที่วางอยู่บนเก้าอี้โซฟา เท้าที่หยุดอยู่เมื่อกี้ก็ก้าวเดินตรงไปยังโซฟาตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ก้าวก็ร่างสูงกำยำก็เดินมาหยุดอยู่ตรงกลางห้องพร้อมกับก้มลงไปหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาสะพาย มือข้างที่เหลือล้วงลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋า สายตามองไปที่หน้าจอมือถือก็เห็นชื่อของคนที่โทรมา
“พี่วัฒน์...นี่มันแฟนของหนูน้ำไม่ใช่เหรอ”
คิ้วหนาเลิกขึ้น แฟนของวารินโทรมาทำไม ในเมื่อเลิกกันแล้ว แต่เสียใจด้วยนะ ในเมื่อผู้ชายคนนี้เป็นฝ่ายบอกเลิกไปเอง จากนี้ไปเขาไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้คนของเขาอีก นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นไปต้นไป วารินต้องเป็นผู้หญิงของเขาเพียงคนเดียว
อัคคีกดรับปลายสายทันที หลายปีที่ผ่านมาเขาได้แต่แอบรักวารินอยู่ห่างๆ แม้จะตั้งกฎเหล็กให้ตนเองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือจีบเพื่อนสนิทของน้องสาว แต่ตอนนี้มันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปลดระวางกฎเหล็กนั่นลง ที่สำคัญตอนนี้วารินก็โสดสนิท ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เขาลงมือจีบสาวน้อยที่เขาแอบรักเสียที
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...