ทั้งสองคนเดินหลบผู้คนมาอีกทางเพื่อเลี่ยงการพบเจอกับนักข่าว แพมเดินตามชายหนุ่มมาถึงลานจอดวันนี้เขาขับรถมาเองจะได้พาหญิงสาวไปเที่ยวอย่างสะดวก ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของผู้ช่วยมากนัก
“อยากไปไหนเหรอคะวันนี้”
“อยากไปเที่ยวบ้านคุณแพมครับ ได้รึเปล่า”
เขาเอ่ยออกมาไม่จริงจัง ใจจริงก็อยากไปแต่ว่ามันคงเร็วไปหน่อยถ้าเธอยังไม่สะดวกเขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ยังมีเวลาเรียนรู้กันอีกพอควร
“ได้สิคะทำไมจะไม่ได้”
คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มแปลกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าเธออนุญาตให้เขาไปที่บ้านได้ น่าเหลือเชื่อแต่เขารู้สึกดีใจนะ
“งั้นไปบ้านคุณกันนะ”
“ค่ะ ไหนๆก็ไปบ้านแพมแล้วงั้นแวะรับน้องพั้นช์ได้มั้ยคะ โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่บ้านเท่าไหร่”
“ได้ครับช่วยบอกทางหน่อย แต่ว่ายังมีเวลาเหลือนะงั้นแวะไปซื้อของฝากที่บ้านคุณกัน เอาขนมดีกว่าผมรู้จักร้านหนึ่งอร่อยมาก”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เกรงใจ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ที่บ้านเธอไม่ได้ซีเรียสเรื่องพวกนี้หรอก
“เกรงใจอะไรกันครับ งั้นรอผมแป๊บหนึ่งนะ”
เขาขับรถเข้าไปยังร้านขนมชื่อดังหลังจากจอดรถเสร็จแล้วก็เดินลงไปในร้านสั่งเมนูขายดีของร้านมาหลายถุง เสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินกลับไปที่รถแล้วขับไปยังโรงเรียนอนุบาลตามที่หญิงสาวบอก
“ตรงนี้เลยค่ะ”
ชายหนุ่มขับรถไปในโรงเรียนอนุบาลทั้งสองคนเดินไปที่อาคารเรียนคุณครูออกมาทักทายหญิงสาวก่อนจะเดินกลับไปข้างในแป๊บเดียวก็เดินออกมาพร้อมกับน้องพั้นช์
“พี่แพมสวัสดีค่ะ ดีใจจังเลยที่มารับหนู”
เด็กน้อยกระโดดกอดคอหญิงสาวซบใบหน้าลงกับอกนุ่ม เธอไม่ค่อยมีโมเม้นแบบนี้กับน้องพั้นช์เท่าไหร่วันๆเอาแต่ทำงานหาเงินเพื่อนอนาคตของเด็กคนนี้ เธอจะดูแลอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“วันนี้พี่เลิกงานเร็วค่ะ หนูสวัสดีค่ะอาพีเจก่อนสิคะเค้าเป็นเพื่อนพี่ค่ะ”
“สวัสดีค่ะอาพีเจ หนูชื่อน้องพั้นช์อายุหกขวบค่ะ”
เด็กน้อยยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างเด็กที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี เขาเห็นเด็กน้อยครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด ความคุ้นเคยทั้งๆที่เพิ่งจะเคยเจอกันแท้ๆแปลกชะมัด
“สวัสดีค่ะน้องพั้นช์ วันนี้อาพีเจซื้อขนมมาฝากหนูด้วยนะชอบกินรึเปล่าคะ”
“ชอบค่ะ แต่ว่ากินเยอะไม่ได้พี่แพมบอกว่ามันจะอ้วนค่ะ”
“อ้วนอะไรกันคะหนูกำลังเด็กอยู่เลย มาค่ะอาอุ้มไปขึ้นรถดีกว่า คุณแพมผมฝากถือกระเป๋าหน่อยครับ”
หญิงสาวรับกระเป๋าน้องพั้นช์มาถือไว้ก่อนจะเดินตามทั้งสองคนไปขึ้นรถด้วยกัน ไม่นานก็กลับมาถึงที่บ้าน ดูน้องพั้นช์จะชอบพีเจมากเป็นพิเศษทั้งสองคนคุยกันสนุกถูกคอกันมาก
“น้องพั้นช์ได้เรียนว่ายน้ำด้วยค่ะ คุณครูบอกว่าน้องพั้นช์ว่ายน้ำเก่งมาก”
“จริงเหรอคะ ตัวแค่นี้เองว่ายน้ำเป็นแล้วสุดยอดไปเลย”
เขาอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในบ้านก่อนจะวางลงตรงโซฟาแล้วเอ่ยถามเธอที่กำลังเปิดกระเป๋าของตัวเองอยู่
“ทำอะไรคะ”
“พี่แพมบอกว่ากลับมาถึงบ้านต้องทำการบ้านก่อนค่ะ ไม่อย่างนั้นจะอดเล่นไอแพด”
“อ่อ งั้นอาสอนมั้ยคะ”
เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะเปิดหน้าการบ้านแล้วตั้งใจทำไปพร้อมกับพีเจ แพมยืนมองทั้งสองคนอยู่ไม่ห่าง รู้สึกว่าจะเข้ากันได้ดีเหลือเกินนะ คุณแม่ของเธอที่ทำอาหารเสร็จเดินออกมาจากห้องครัว ท่านเห็นลูกสาวกำลังยืนมองอะไรอยู่ก็มองตามทันที เธอดึงลูกสาวออกมาจากตรงนั้นก่อนจะเอ่ยถามเสียงตื่น
“คิดจะทำอะไรกันแน่แพม”
“เปล่านี่คะ แพมไม่ได้ทำอะไรนี่”
เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จนคนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“ลูกกำลังจะทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายนะ”
“แพมไม่สนหรอกค่ะ แม่ก็ห้ามแพมไม่ได้ด้วยวันนี้คุณพี่เจเค้าจะทานข้าวด้วยกับเราที่นี่นะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปทันที คนเป็นแม่มองตามก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ พูดอะไรไม่เคยจะฟังเกิดอะไรขึ้นมาคงต้องปล่อยเลยตามเลย
“เฮ้อ!”
คุณแม่เดินกลับไปห้องรับแขกมองชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังสอนน้องพั้นช์ทำการบ้านอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาเจอจะยิ้มกว้างพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่
“สวัสดีครับคุณแม่ ผมพีเจครับ”
“ไหว้พระเถอะจ้ะ แล้วนี่มากับยัยแพมได้ยังไง เป็นเพื่อนกันเหรอ”
“อ่อ พอดีว่าผมอยากรู้จักลูกสาวคุณแม่ครับก็เลยขอมาเจอเธอบ่อยๆ คุณแม่จะว่าอะไรมั้ยครับถ้าผมจะขอจีบลูกสาวคุณแม่”
ชายหนุ่มเอ่ยไปตามตรง เขามาที่นี่ก็เพื่อแสดงตัวว่ากำลังจะจีบลูกสาวของท่านอยู่ ผู้ใหญ่จะได้สบายใจว่าเขาเข้าตามตรอกออกตามประตูอย่างถูกต้อง คุณแม่เงียบไปก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เรื่องของเด็กแม่ไม่ว่าอะไรหรอก ตามใจเถอะ”
“ขอบคุณมากนะครับทีไม่ขัดขวางผมกับแพม”
“แล้วนี่ทำการบ้านอยู่เหรอ ยับแพมบอกว่าวันนี้พี้จจะทานข้าวเย็นด้วยกันใช่มั้ย”
เขาพยักหน้าตอบรับทันที ถ้าอยากจะรู้จักครอบครัวเธอให้มากก็ต้องหมั่นมาหาบ่อยๆอยู่ใกล้ชิดกับทั้งครอบครัว
“ครับ งั้นผมขอสอนการบ้านน้องพั้นช์ก่อน ใกล้เสร็จแล้วครับ”
“ตามสบายเถอะจ้ะแม่ไม่กวนแล้ว”
คุณแม่มองน้องพั้นช์ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นท่านก็ไปตั้งโต๊ะอาหารกับลูกสาว ท่านมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจว่าลูกสาวคิดจะทำอะไรกันแน่
“ทำไมแม่มองแบบนี้คะ”
“เปล่านี่ พีเจบอกแม่ว่ากำลังจีบลูกอยู่ เขามาขออนุญาตกับแม่มันหมายความว่ายังไง แล้วไปเจอกันตอนไหน”
แพมหันมามองคุณแม่่ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เธอไม่มีอะไรปิดบังแม่เลยทุกอย่างท่านรับรู้หมด
“แพมได้งานพรีเซ็นเตอร์สายการบินของเขาค่ะ loche’airline เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อวานที่เล่าให้แม่ฟังว่าได้หลักสิบล้าน”
“แสดงว่าบังเอิญเจอกันเหรอ”
คนเป็นแม่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความกระจ่าง ถ้าบังเอิญเจอกันก็ช่างมันเถอะ ลูกสาวเธอเลือกที่จะกลับมาทำงานทางด้านนี้เพราะมันหาเงินง่ายและได้เยอะ
“มันมีด้วยเหรอคะแม่ ความบังเอิญนะ…”