บทที่ 4
ความผิดหวังเป็นเหตุ (2)
ปังง!!..
เสียงโครมครามผสมเสียงสะอึกอื้นไห้ดังจนทำให้พิสุทธิ์ขยับนอนหงายแล้วลุกกึ่งนั่งกึ่งนอน หัวหนักอึ้งเกยพนักโซฟา เขาลูบหน้าขยี้ตาพร่ามัวมองเพดานแล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ
“มุก!” พิสุทธิ์สร่างเมาทันทีเมื่อรู้สึกตัว เขามีความสุขกับเมียรักหลายครั้งต่อหลายครั้ง ซึ่งเธอกลับมาหาเขา
“มุกกลับมาหาผมแล้วใช่ไหม มุก คุณอยู่ไหน มุกอยู่บนห้องเหรอ” พิสุทธิ์ยิ้มดีใจแล้ววิ่งขึ้นบันไดเข้าไปในห้องนอนมองหาเมียทุกที่ที่คิดว่าเธออยู่ แม้แต่ตู้เสื้อผ้าเขาก็เปิดดูแต่ก็ไม่เห็นเธอ เขาก็วิ่งลงบันไดมายืนบีบขมับอยู่กลางห้องนั่งเล่น
“เอ้ย! นี่อะไรวะ นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของมุกดานี่ ละ...ละ...เลือด เลือดใครวะ” พิสุทธิ์เดินไปหยิบชุดกระโปรงขาดเหมือนผ้าขี้ริ้วขึ้นมาดู แล้วไปนั่งบนโซฟาใช้ชุดกระโปรงตัวนั้นเช็ดเลือดบนเบาะและตัวตนของเขาที่มีเลือดติดกรัง
“เธอเป็นใครวะ” พิสุทธิ์หน้าซีด พยายามนึกถึงหน้าตาของเธอคนนั้นแต่ก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มไม่ทันได้สบถด่าตัวเองว่า ‘เชี่ยเอ๊ย!’ หัวคิ้วของเขาก็ย่นเข้าหากันเมื่อเสียงมือถือที่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
“เอ้ย! นะ...นี่โทรศัพท์ของหนูนานี่ นี่เราทำอะไรลงไปวะ เราขืนใจยัยเด็กนั่นเหรอ” เมื่อได้เห็นรูปภาพของหญิงในโทรศัพท์ พิสุทธิ์ก็หายใจไม่ออก ร่างโตเซถลาทรุดนั่งทับรอยเลือดสาวบริสุทธิ์ ถึงเขาจะจำอะไรไม่ได้มากแต่ข้าวของทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าและกระเป๋าสะพายหรือแม้แต่มือถือนี้ มันเป็นหลักฐานอย่างดีว่าพัชชามาที่นี่และเขาก็ได้ทำร้ายขืนใจเธอ…
เก้าโมงเช้าที่บริษัท...
ตึงง!!!
เสียงเดินขึ้นบันไดดังมาแต่ไกลทำให้ลิซ่าที่นั่งจัดโต๊ะทำงานอยู่นั่นต้องหันไปมอง ซึ่งเธอเบิกตาโพลงเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นเจ้านายกลับมาทำงาน
“คุณเก้า คุณเก้าหายไปไหนมาครับ หลายวันมานี่ผมโทรหาคุณคุณก็ไม่รับสาย แล้วเมื่อวานนี้ผมให้หนูนาเอาเอกสารไปให้คุณเซ็น คุณเก้าได้เซ็นไหมครับ” ลิซ่าถามไม่ยอมหยุดหายใจ พร้อมทั้งเดินตามหลังพิสุทธิ์เข้าไปในห้องทำงาน
“พี่ลิซ่าช่วยโทรเรียกพัชชามาพบผมด่วนนะครับ” พิสุทธิ์วางกระเป๋าทำงานไว้บนเก้าอี้ แล้วเดินไปยื่นมือสองข้างยันขอบประตูหน้าต่าง แววตาสีนิลกังวลมองแสงแดดผ่านกระจกหน้าต่าง
“ดะ...ได้ครับ” ลิซ่ามองหลังของเจ้านาย แล้วหันหลังกลับเดินออกจากห้อง
“อื้อ พี่ลิซ่าไม่ต้องละ” เสียงประตูเปิด ทำให้พิสุทธิ์เรียกลิซ่าไว้
“คุณเก้าจะไปไหนครับ” ลิซ่างงเปิดประตูให้เจ้านาย แล้วเมื่อเขาเดินออกจากห้อง เธอก็เดินตาม
“ผมเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้วนะ พี่ลิซ่าลองเช็กดูด้วย” พิสุทธิ์ยกมือห้ามไม่ให้ลิซ่าถามและเดินตาม เขารีบร้อนเดินออกจากห้องตรงไปห้องทำงานของโชคชัย
ไม่ถึงห้านาทีพิสุทธิ์ก็มาถึงที่หมาย เขาหยุดยืนมือเคาะมองโต๊ะทำงานของพัชชา มองไปรอบ ๆ ไม่เห็นหญิงสาว เขาจึงก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของโชคชัย
“ไอ้โชค ไอ้เอก” พิสุทธิ์ไม่ยอมเคาะประตูห้อง เขาพรวดพราดเข้าไปในห้อง เรียกชื่อเพื่อนทั้งสองพร้อมเดินวนเวียนกลับไปกลับมา
“เอ้ย! ไอ้เก้า มาทำงานได้แล้วเหรอวะ” เอกภพที่นั่งหมิ่นตรงขอบโต๊ะทำงานหันไปมองเพื่อน เขาทำหน้ากวนโอ๊ยเพื่อนเมื่อได้สบตากัน
“ไงไอ้เก้า นี่เมียมึงปล่อยให้มาทำงานแล้วเหรอวะ” โชคชัยยิ้มมุมปากยักคิ้วให้เอกภพมองพิสุทธิ์ ซึ่งชายหนุ่มเดินไปนั่งโซฟาแล้วลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าต่างแล้วเดินกับมาหาเพื่อน
“กูเลิกกับมุกดาแล้วว่ะ” พิสุทธิ์เสียใจเรื่องเมียอยู่แล้ว เขากลับยิ่งช้ำใจเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายสารเลวทำร้ายหญิงสาวบริสุทธิ์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนรัก และเขาก็เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว
“มึงว่าอะไรนะ” โชคชัยและเอกภพตกใจในคำพูดของเพื่อน จึงพากันตะโกนถามเสียงดังพร้อมกัน
“กูกับมุกดาหย่ากันแล้ว” พิสุทธิ์เดินไปนั่งบนเก้าอี้อาร์มแชร์ ชายหนุ่มไม่อยากให้เพื่อนเห็นสายตาเจ็บปวดเขาจึงเกยหัวตรงพนักเก้าอี้แล้วหลับตา
“ทำไมวะ” โชคชัยลากเก้าอี้เข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อน แล้วยื่นมือไปตบหัวเข่าปลอบใจเพื่อน ซึ่งเขารู้นิสัยของมุกดาดีว่าเป็นผู้หญิงแบบไหน เขาเคยเตือนตั้งแต่เพื่อนคบกับมุกดา
“กูไม่ดีพอสำหรับเธอมั้ง” พิสุทธิ์ผงกหัวขึ้นจากพนักเก้าอี้ เขาหายใจไม่ค่อยออก มันจุกจนต้องแอบเพื่อนทุบหน้าอกของตัวเองแรง ๆ
“เฮ้ย! ทำไมพวกผู้หญิงนี่ไม่ชอบคนดีเลยวะ คนเลว ๆ นี่พากันชอบดีจัง” เอกภพเข้าไปนั่งข้างเพื่อนแล้วตบบ่าของเพื่อนให้กำลังใจเช่นกัน
“มึงอยากให้กูช่วยอะไรก็บอกนะเก้า พวกกูอยู่ข้างมึงนะโว้ย” โชคชัยมองหน้าเอกภพ ซึ่งเอกภพก็แอบพูดเพียงแค่ขยับปากให้โชคชัยเห็นคนเดียวว่า ‘ไอ้เก้ามันเป็นคนดีเกินไปเมียมันถึงไม่ชอบ ผู้หญิงร้อนแรงอย่างมุกดาน่ะชอบผู้ชายเลว ๆ มึงรู้ไว้ด้วย’
‘เอ่อกูรู้แล้ว’ โชคชัยก็ขยับปากพูดเบามากตอบโต้เอกภพ โดยที่ไม่ให้พิสุทธิ์ได้ยินและเห็น
“นี่หนูนาไม่มาทำงานเหรอวะ” พิสุทธิ์ถอนหายใจแรง ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำไว้กับพัชชาจ้องมองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมา
“นั่นน่ะสิวะ นี่ก็เลยเวลาเข้างานแล้วนะ กูยังไม่เห็นหนูนาเลยว่ะ” เอกภพไม่อยากให้เพื่อนจมอยู่กับความทุกข์ เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“หนูนาไม่สบายว่ะ เพิ่งโทรมาลางานเมื่อกี้นี่เอง มึงมีอะไรกับน้องเขาเหรอวะ แล้วเอกสารที่หนูนาเอาไปให้มึงเซ็นเมื่อวาน มึงได้เซ็นไหมวะ” โชคชัยบอกและถามพิสุทธิ์กลับ
“เมื่อวานกูเมามากจนคิดว่าหนูนาเป็นมุกดาว่ะ” พิสุทธิ์หยุดพูดเพื่อที่จะถอนหายใจยาว ๆ ออกทางปาก แล้วพูดต่อว่า “กูคิดว่าเมื่อวานกูขะ...” แต่เขาก็พูดไม่ทันจบประโยคว่า ‘กูข่มเหงน้ำใจหนูนาว่ะ’ โชคชัยก็ถามขึ้นทันทีว่า
“แล้วไงวะ มึงทำอะไรหนูนาเหรอ...”
“กูเมาโว้ย กูไม่ได้ตั้งใจทำร้ายยัยเด็กนั่น” พิสุทธิ์ลูบหน้าแรง ๆ แล้วหันไปมองทางอื่นเมื่อเจอสายตาตำหนิของเพื่อนทั้งสองที่เอาแต่จ้องเขาเขม็งเป็นสายตาเดียวกัน
“ไอ้เชี่ยเก้า!! นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงทำมิดีมิร้ายหนูนา” เอกภพยกมือตบหน้าผากของตัวเอง ซึ่งชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่เป็นสุภาพบุรุษของสาว ๆ หลายคนจะกล้าทำอะไรเลว ๆ แบบนี้
“ไอ้เก้า นี่มึงทำอะไรน้องกูวะ” โชคชัยใช้เท้าเตะขาเพื่อนแทนคำถาม
“แล้วนี่มึงจะเอายังไงกับหนูนาวะ มึงจะปล่อยน้องเขาไว้แบบนั้นไม่ได้นะโว้ย นี่ถ้าน้องเขาท้องขึ้นมา ตายห่าเลยมึง” คำพูดของเอกภพทำให้พิสุทธิ์หน้าเครียดหันขวับมองหน้าเอกภพและโชคชัย
“มันจะทำยังไง มันก็ต้องรับผิดชอบน่ะสิ น้องกูมีพ่อมีแม่นะโว้ยไอ้เก้า มึงต้องรับผิดชอบน้องเขานะโว้ย” โชคชัยเสียงดังขึ้นมึงขึ้นกูบังคับให้เพื่อนรับผิดชอบลูกพี่ลูกน้อง
“กูก็ไม่ได้บอกพวกมึงสักหน่อยว่ากูจะไม่รับผิดชอบน้องเขา” พิสุทธิ์ได้แต่นั่งเอนหลังพิงเบาะพนักเก้าอี้ เขาถอนหายใจแรง ๆ พร้อมทั้งยกมือลูบหน้าชาหนึบแรง ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ซึ่งเขาพยายามนึกถึงเรือนร่างหอมกรุ่นเหมือนดอกแอปเปิล ซึ่งไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมฉูดฉาดที่มุกดาชอบใช้ ‘ใช่!’ เขาจำได้แล้วกลิ่นหอมแบบนี้ยังติดอยู่ปลายจมูกที่เขาได้สูดดมชุดกระโปรงที่เขากระชากขาดจากตัวของเธอจนขาดเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว…
พิสุทธิ์รู้จากโชคชัยว่าพัชชาขอลาออกจากงาน ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดและอยากพูดเรื่องของเขาและเธอ เขาจึงมาหาเธอที่ห้องเช่า
“มาหาใครเหรอพ่อหนุ่ม” เสียงรถจอดข้างรั้วทำให้เจ้าของห้องเช่าเดินไปยืนเกาะประตูรั้ว นางมองพิสุทธิ์ตั้งแต่เท้าจนถึงเส้นผม เขาแต่งตัวดีภูมิฐานดูสุภาพเรียบร้อยมาก
“สวัสดีครับ ผมมาหาพัชชาครับ ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหมครับ” พิสุทธิ์ยกมือไหว้หญิงชรา
“พ่อหนุ่มเป็นอะไรกับหนูนาเหรอ” เจ้าของห้องเช่าถาม
“ผมเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานของพัชชาครับ” พิสุทธิ์แนะนำตัว แล้วเดินเข้าไปในบริเวณลานบ้าน เมื่อเจ้าของห้องเช่าเปิดประตูรั้วให้
“หนูนาอยู่ห้องเลขที่สิบ” หญิงชราเดินนำหน้าพร้อมทั้งบอกให้ชายหนุ่มขึ้นบันไดไปชั้นสอง
“ขอบคุณมากครับ” พิสุทธิ์ขอบคุณหญิงชรา แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน เขาเดินไปยืนตรงหน้าห้องหมายเลขสิบ มองอยู่สักพักแล้วก็เคาะประตู
ก๊อก!!!
เสียงเคาะประตูดังอยู่ข้างนอก ขณะที่เจ้าของห้องยังนอนจมอยู่กับความเจ็บปวดชอกช้ำหัวใจจนแทบใจขาดตาย เธอเอาแต่ร้องไห้ไม่มีเสียงมีแค่น้ำตาแห่งความเสียใจเท่านั้นที่ไหลอาบดวงตาสองคู่ผ่านสันจมูกลงหมอนที่เธอหนุน
“คะ...ใครคะ” พัชชาหยุดสะอื้นไห้แล้วลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะมองไปยังประตูห้อง เธอใช้มือสองข้างเช็ดน้ำตาออกจากแก้มซีดแรง ๆ
“...” เสียงของคนด้านในทำให้พิสุทธิ์ยืนตัวแข็งทื่อ ชายหนุ่มเอาแต่เงียบไม่ตอบโต้
“พี่ดวงใจเหรอคะ” พัชชาเดินไปยืนแนบหูชิดบานประตูห้องฟังเสียงคนด้านนอก ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเพื่อนข้างห้อง
ก๊อก!!!
คนด้านนอกไม่ตอบ แต่กลับเคาะประตูห้องอีกครั้ง
“พี่ เอาแขวนไว้ตรงกลอนประตูก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูออกไปเอาค่ะ” พัชชาไม่อยากเห็นหน้าใครในเวลานี้ เธอจึงปฏิเสธที่จะเปิดประตูออกไปเอายาแก้ไข้ที่เธอฝากเพื่อนข้างห้องไปซื้อให้
“หนูนาเปิดประตูให้พี่ด้วย” เมื่อรู้ว่าคนด้านในไม่เปิดประตูให้เขาเข้าไปแน่ พิสุทธิ์จึงเคาะประตูและเรียกหญิงสาวเสียงดัง
“...” พัชชายืนตัวแข็งแผ่นหลังแนบบานประตู เธอเอียงหน้าฟังเสียงข้างนอก จำได้ไม่เคยลืมว่าคนด้านนอกเป็นใคร
“ถ้าเธอไม่เปิด พี่จะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ” พิสุทธิ์มองคนข้างห้องที่เปิดประตูออกมาดู เขาทำเพียงแค่พยักหน้าขอโทษที่ทำเสียงดังรบกวน
“...” คนด้านในเงียบไม่ตอบโต้
“เปิดประตู ถ้าไม่เปิดพี่พังประตูนะ” เคาะก็แล้วขู่สารพัดก็แล้ว แต่เจ้าของห้องก็ไม่ไม่พูดอะไรสักคำ จึงทำให้พิสุทธิ์โมโห เขาจึงตะโกนเสียงดังจนคนข้างห้องพากันออกมายืนมอง
“พี่เก้า” เสียงเอะอะของพิสุทธิ์และเพื่อน ๆ ข้างห้องตะโกนตำหนิว่าพิสุทธิ์เสีย ๆ หาย ๆ จึงทำให้พัชชารีบเปิดประตูห้อง
“ไม่สบายเหรอ” เมื่อประตูแง้มเล็กน้อย พิสุทธิ์ก็ดันให้เปิดกว้างจนได้เห็นหน้าเธออย่างชัดเจน เขาไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต เดินเข้าไปในห้อง และก่อนที่จะเดินตามหญิงสาวเข้าไปยืนกลางห้องนั้นเขาก็ปิดประตูลงกลอนทันที
“พี่เก้ามาทำไมที่นี่คะ?” พัชชาเดินนำหน้าพาชายหนุ่มไปนั่งที่มุมนั่งเล่น
“พี่เอาโทรศัพท์ที่เธอลืมไว้ที่บ้านพี่มาคืน” พิสุทธิ์ไม่ยอมนั่ง เขาเดินตามเธอไปยืนข้างหน้าต่างคนละฝั่ง
“พะ...พี่ คือ...เรื่องนั้น พี่กับหนู” พัชชาหน้าซีดขาว เธออยากจะร้องไห้ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องโหดร้าย แล้วเมินหน้าหนีเพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นความเจ็บปวดในดวงตาแดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้
“พี่ขอโทษ วันนั้นพี่เมามาก เลยเผลอตัวทำอะไรไม่ดีกับเธอ” พิสุทธิ์เดินเข้าไปยืนชิดคนตัวน้อย เสียงของเขาสั่น มือก็สั่นเข้าไปจับปลายคางน้อยให้เธอหันมาสบตากัน
“พี่ไม่ได้ทำอะไรหนู พี่ไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะ” พัชชาดันมือหนาออก แล้วเดินหนีจนหลังของเธอชนกับผนังห้อง
“ถึงพี่จะเมามาก แต่พี่ก็รู้ว่าทำอะไรลงไป พี่รู้ว่าพี่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอ” พิสุทธิ์สีหน้าหม่น เขาเดินตามไปยืนกักคนตัวเล็กไว้ ซึ่งเธอสูงเพียงแค่หน้าอกของเขา
“อึกก” พัชชายืนตัวสั่นเสียงสั่น น้ำตาก็ไหลเป็นสายอาบแก้มสองข้าง เธอทำได้เพียงแค่ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ประสานกำกันแน่น
“พี่จะรับผิดชอบเธอ” พิสุทธิ์ประคองดวงหน้างามให้เงยขึ้นมองตากัน เขาใช้นิ้วมือเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มขาวซีดออกให้อย่างเบามือ
“แบบไหนคะ พี่จะรับผิดชอบหนูได้ยังไง” พัชชาถามเสียงสั่น รู้สึกเสียใจที่ปล่อยใจปล่อยตัวให้เขาเชยชมทั้งที่เธอน่าจะขัดขืนสู้เขาได้ แต่ทำไมเธอถึงยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายมีเมียแล้วเชยชม
“แต่งงานกับพี่นะ” เมื่อพัชชาเดินหนีพิสุทธิ์ก็คว้าข้อมือน้อยกระชากอย่างแรงจนเธอหมุนลอยตัวเข้าไปอยู่ในวงแขนกำยำอีกครั้ง
“พี่เก้า พิ...พี่พูดอะไรนะ พี่จะแต่งงานกับหนู แล้วพี่มุกล่ะคะ พี่เอาพี่มุกไปไว้ที่ไหน” พัชชาขัดขืนไม่ต้องการอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“พี่กับมุกเลิกกันแล้ว” พิสุทธิ์ตัดสินใจบอกหญิงสาว
“พี่เก้า พี่มุกรู้เรื่องนั้นเหรอคะ พี่มุกขอเลิกกับพี่เพราะว่า ระ...” พัชชาไม่ทันได้พูดว่า ‘เพราะเรามีอะไรกันเหรอคะ?’ ก็ถูกคนตัวสูงเดินเข้ามายืนตรงหน้าพูดตัดประโยค
“อย่าปฏิเสธพี่เลย นี่ถ้าเธอเกิดท้องขึ้นมา เธอจะทำยังไง ยาคุมฉุกเฉินเธอได้กินไหม คงไม่ได้กินแน่” พิสุทธิ์ถามเสียงเบา แขนกำยำก็กระชับอ้อมแขนกอดเอวคอด ใบหน้าหล่อโน้มลงพูดใกล้ใบหน้างามจนพวกเขาทั้งสองได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน
“คะ...แค่ครั้งเดียวคงไม่ทำให้หนูท้องหรอกมั้ง” พัชชาหน้าซีดได้ไม่ถึงวินาทีก็แดงระเรื่อเพราะเขินอาย เธอเมินสายตาหนีแล้วคิดตามคำพูดของเขาจนหัวคิ้วย่นเข้าหากัน ‘ใช่’ ถ้าเธอท้องจริงเธอจะทำยังไง
“ถึงพี่จะเมามากแต่พี่ก็รู้นะว่าพี่ไม่ได้ทำเธอแค่ครั้งเดียวแต่หลายรอบ” พิสุทธิ์พูดเสียงทุ้มไพเราะ ดวงหน้าหล่อยังวนเวียนชิดใกล้ใบหน้างาม ปลายจมูกโด่งก็ชนกับพวงแก้มหอม ซึ่งเจ้าของพวงแก้มก็คอยแต่ย่นหน้าห่อตัวเข้าหากัน เพื่อหนีไม่ยอมให้คนเจ้าเล่ห์ได้กอดและสัมผัส
“พี่เก้า!” ถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มมีภรรยาอยู่แล้ว แต่เพราะชายหนุ่มสุภาพอบอุ่นทำให้พัชชาแอบรักเขาที่มีภรรยาอยู่แล้ว เธอได้แต่ยืนร้องไห้ไม่มีเสียง มีแต่น้ำตาแห่งความเสียใจเท่านั้นที่ไหลอาบแก้ม การแต่งงานจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายรักกัน แต่นี่มีเพียงเธอที่แอบรักเขา แต่ชายหนุ่มไม่ได้รักเธอ ซึ่งเขาจะแต่งกับเธอเพื่อรับผิดเธอน่ะหรือ…