บทที่ 13
คุณพ่อที่แสนดีกลายเป็นคุณพ่อที่แสนเลว
‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
เสียงปฏิเสธโทรศัพท์ฝั่งโน้นดังพร้อมเสียงแก้วเหล้าในมือเหวี่ยงกระทบผนังห้องดัง ‘เพล้งง!!’
“บ้าเอ๊ย! ทำไมต้องปิดเครื่องหนีกันด้วยนะ” มุกดาโกรธพิสุทธิ์มากที่ชายหนุ่มปิดสายหนี เธอกำไอโฟนรุ่นใหม่ไว้แน่น
“หึ! ถ้าไม่อยากให้มุกโทรหาเหรอ ได้! มุกโทรหาเมียของคุณก็ได้” มุกดายิ้มมุมปาก แล้วทำตามใจกดหมายเลขโทรศัพท์ของพัชชา…
ตืดด!! ตืดด!!!!...
“สวัสดีค่ะ พัชชาพูดค่ะ” พัชชาละสายตาจากยัยหนูที่นอนหลับอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับที่เธอนั่ง และก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายมาถือไว้ คุณแม่ท้องนูนได้ดึงเสื้อสูทของสามีห่มตัวให้ลูกสาว
“ฮัลโหล พัชชาพูดค่ะ ต้องการพูดกับใครคะ” พัชชาเอามือถือออกจากข้างหู
“โทรมาแล้วไม่พูด ยังจะมาปิดเครื่องใส่หูอีก ประหลาดคนจริง” คนท้องอารมณ์ยังขุ่นเคืองโกรธสามีเรื่องเมื่อครู่ที่พี่เก้าตียัยหนูจนแขนขามีแต่รอยนิ้วมือ
“ใครโทรมาเหรอหนูนา” เสียงบ่นของน้องทำให้พิสุทธิ์ที่ยังมีความผิดอย่างไม่น่าให้อภัยเงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะทำงาน ในใจก็ยังระแวงหวาดหวั่นกลัวเป็นมุกดาโทรเข้ามือถือของพัชชา เพราะเมื่อครู่นี้พิสุทธิ์ได้บล็อกเบอร์โทรเธอไปแล้ว
“ไม่รู้ค่ะ หนูถามก็ไม่ตอบ หนำซ้ำยังปิดเครื่องใส่หูหนูอีกค่ะ” พัชชาจำใจพูดกับพี่เก้า ซึ่งพี่เขาวางงานทุกชิ้นบนโต๊ะทำงานแล้วเดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ
“ไหนพี่ดูขอดูเบอร์ซิ...”
“นี่ค่ะ เบอร์แปลก ๆ ค่ะ หนูไม่คุ้นเลย” พัชชาเอาโทรศัพท์ให้เขา แต่ไม่ได้มองหน้าชายหนุ่ม เพราะจุดสนใจของเธอคือรอยเขียวช้ำบนลำแขนของลูกสาว
“...” พิสุทธิ์นิ่งเงียบ ดวงตาสีเข้มแดงก่ำจ้องหมายเลขโทรศัพท์เขม็ง เสียงเต้นตึกตัก ๆ ของหัวใจดังแข่งกับคำถามของตัวเองว่า ‘บ้าที่สุด! นี่คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ ทำไมต้องโทรเข้ามือถือของพัชชาด้วย’
“พี่เก้าพูดอะไรคะ” เสียงงึมงำของพี่เก้า ทำให้พัชชาถาม
“...” พิสุทธิ์ยังนิ่งเงียบ หน้าตาแดงก่ำไม่ได้ยินเสียงของเมีย
“พี่เก้ารู้จักหมายเลขโทรศัพท์นี้เหรอคะ” คิ้วเรียวสวยสองข้างย่นเข้าหากันเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของสามี เธอจึงทำเสียงดังใส่
“...” พิสุทธิ์ยังคงจมอยู่กับความคิด เขาจะจัดการกับอดีตภรรยาอย่างไรดี
“พี่เก้าคะ” พัชชาจับแขนกำยำของสามี เขย่าแรง ๆ ให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว
“อะไรเหรอหนูนา เมื่อกี้นี้หนูนาถามอะไรพี่นะ” พิสุทธิ์ตื่นจากภวังค์ ใบหน้าหล่อแดงก่ำปรับให้เป็นปกติเมื่อได้สบตากลมโต
“พี่เป็นอะไรคะ ทำไมเอาแต่มองมือถืออย่างนั้นคะ?” พัชชามองหน้าสามีแล้วก้มมองมือถือของตัวเองในมือของชายหนุ่ม
“เอ่อ ปะ...เปล่า พี่กำลังนึกว่าเป็นเบอร์ของใครต่างหาก” พิสุทธิ์หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเขาโกหกน้องเป็นครั้งที่ร้อยแปด
“พี่รู้จักคนที่โทรมาหาหนูเหรอคะ” เป็นเพราะเสียงร้องงอแงของยัยหนู ทำให้พัชชาตบก้นกล่อมให้ลูกนอนต่อ เลยไม่ได้เห็นแววตาหวาดหวั่นสั่นสะท้านของพี่เก้า
“ทำไมคิดว่าพี่รู้จักล่ะหนูนา” พิสุทธิ์ไม่กล้ามองลูกสาวนอนหลับ ซึ่งเด็กน้อยนอนผวาละเมอว่า ‘คุณแม่ขา คุณพ่อใจร้าย’ ช่างเป็นคำพูดอาบยาพิษราดลงบนอกข้างซ้ายจนทำให้หัวใจของเขาเจ็บแสบและเป็นแผลเหวอะหวะช้ำเลือดช้ำหนอง
“ก็ท่าทีของพี่ทำเหมือนรู้จัก ใครเหรอคะ” เสียงหงอย ๆ ของสามี ทำให้คนท้องขี้สงสัยหันไปมอง เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มเห็นเงาของตัวเองนั่งอยู่ในดวงตาของชายหนุ่ม
“พะ...พี่ก็ไม่รู้ สงสัยเป็นพวกขายประกัน หรือไม่ก็ไอ้พวกโรคจิตแน่ ๆ เลย” เมื่อถูกเมียจับผิดยิ่งทำให้พิสุทธิ์ลูบหน้าชาหนึบแรง ๆ หายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกมาเป็นคำพูดเสียงดังขึงขังใส่น้อง
“...” พัชชาไม่อยากคิดให้เสียสุขภาพจิตจนกระทบถึงลูกในท้อง เธอจึงเลือกที่จะเก็บเงียบไว้ในใจ
“พี่บล็อกเบอร์ให้นะ” หน้าตาเหงาเศร้าสร้อยของเมีย ทำให้พิสุทธิ์รู้สึกตัวว่าตัวเองเสียงดังใส่น้องโดยที่เธอไม่มีความผิด เขาจึงลูบหัวแล้วจับเส้นผมเหน็บข้างหูให้เมียอย่างนุ่มนวล
“ค่ะ บะ...” ถึงจะสงสัยและคิดมากแค่ไหน พัชชาก็เลือกที่จะไม่ถาม เธอจึงบอกให้สามีบล็อกเบอร์ แต่ก็ไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘บล็อกเลยค่ะ’ เธอก็ต้องหยุดพูดทันทีเมื่อยัยหนูร้องไห้
“คุณแม่ขา อึกก...”
“แม่อยู่นี่ค่ะ ลูกพีชของแม่เจ็บตรงไหนคะ?” เมื่อแก้วตาดวงใจตื่น พัชชาก็ไม่ได้สนใจสามี เธอดันให้เขาออกห่าง แล้วอุ้มลูกสาวดั่งดวงใจให้นั่งคร่อมขาสองข้างของลูกขนาบเอวท้วม
“ลูกพีชจะเข้าห้องน้ำค่ะ” หนูน้อยซบหน้าบนหน้าอกของแม่ไม่ยอมมองคุณพ่อ และร้องฮือ ๆ เมื่อคุณพ่อลูบหลังแผ่วเบา
“ชู่วว ไม่เป็นไรนะคะ แม่อยู่นี่แล้วค่ะ” พัชชาอยากจะร้องไห้เมื่อสัมผัสได้ว่าลูกสาวหวาดกลัวพ่อของแกมาก มากจนเด็กน้อยสั่นงก ๆ ในอ้อมกอดของเธอ
“ฮืออ” ดวงหน้าเต็มคราบน้ำตาเก่าและใหม่ยังซุกอยู่บนทรวงอกอบอุ่นของแม่ ซึ่งหนูน้อยไม่ยอมให้คุณพ่อได้จับ จึงขยับตัวแนวชิดเป็นเนื้อเดียวกันกับคุณแม่
“เดี๋ยวพี่พาลูกไปเอง ลูกพีชมาหาพ่อมะ” พิสุทธิ์ปวดหัวใจมากที่เห็นท่าทีของลูก ยัยหนูไม่ยอมมองหน้าและไม่ยอมให้เขาจับแม้แต่ปลายเส้นผมเลย
“กรี๊ดด!!! คุณแม่ขา” เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังผสมเรียกหาแม่ เมื่อถูกคุณพ่อแอบอุ้มจากทางด้านหลัง
“ดวงใจของพ่อ พ่อขอโทษ” พิสุทธิ์ปลอบขวัญแก โดยอุ้มยัยหนูให้นั่งบนตัก เขาจับแขนที่มีรอยเขียวช้ำด้วยน้ำมือของเขามาจูบเบา ๆ
“ฮืออ ลูกพีชจะไปหาคุณแม่” หนูน้อยพิชญาไม่ยอมฟังคำปลอบขวัญของคุณพ่อ และไม่ยอมให้พ่อหอมและจูบรอยเจ็บปวดบนแขนและขา
“พ่อรู้ว่าลูกพีชเจ็บ พ่อจะทายาให้นะ เจ็บตรงนี้ใช่ไหม บอกพ่อสิคะ” อาการหวาดกลัวตัวสั่นงันงกของลูกทำให้พิสุทธิ์ใจแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขากลั้นน้ำตาไว้จนดวงตาแดงก่ำมองแขนขาของยัยหนูที่มีแต่รอยนิ้วมือของเขา
“ฮืออ คุณแม่ขา” หนูน้อยพิชญาฝืนตัวขัดขืนเด้งหน้าเด้งหลังไม่ยอมอยู่ในวงกอดของคุณพ่อ
“พี่เก้าปล่อยลูกเถอะค่ะ” พัชชาเองก็เจ็บปวดหัวใจใช่น้อย เธอเสียใจมากที่สามีทำร้ายลูกแบบนี้ ซึ่งเธอไม่เข้าใจทำไมพี่เก้าโมโหอะไรถึงต้องลงไม้ลงมือตีลูกรุนแรงอย่างนี้
“หนูนา พี่ไม่ได้ตั้งใจจะตีลูกเลยนะ” พิสุทธิ์เริ่มเครียดเมื่อแก้ตัวครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่ยอมบอกความจริงกับเมียว่าทำไมต้องตีลูก
“ให้เวลาแกหน่อยนะคะ ลูกคงช็อกน่ะที่พี่ตีแก” หัวอกของคนเป็นแม่รีบโอบกอดปกป้องยัยหนูเหมือนจงอางห่วงไข่ ยามยัยหนูคลานเข้ามานั่งคร่อมตัวสั่นสะท้านหวาดกลัวสัมผัสของพ่อแก
“พ่อไม่ได้ตั้งใจนะลูกพีช พ่อขอโทษนะคะ” พิสุทธิ์จุกแน่นอกข้างซ้ายมาก เขาหายใจไม่ออกต้องหายใจทางปาก พิสุทธิ์ชะงักมือไว้ไม่กล้าแตะต้องลูก เมื่อยัยหนูมีอาการกลัวจนตัวสั่น
“เดี๋ยวหนูจะพาลูกไปห้องน้ำ” ถึงจะหนักท้องลุกยืนลำบากแค่ไหน คนท้องที่รักลูกสาวมากก็ไม่ยอมปล่อยให้แกยืนเคว้ง เธออุ้มลูกให้ขาสองข้างของแกขนาบเอวท้วม แล้วลุกขึ้นยืน
“ให้พี่อุ้มลูกนะ” ณ ตอนนี้พิสุทธิ์ดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับยัยหนูมาก ซึ่งลูกสาวที่เขารักเต็มหัวใจและลูกก็รักเขามากทำท่าทีเหมือนเขาเป็นเพียงแค่อากาศ
“อย่าเลยค่ะ”
สองแขนอวบป้อมกอดคอระหงไว้แน่นด้วยอาการหวาดกลัว ทำให้พัชชาห้ามสามีด้วยคำพูดและสายตาแห่งความเสียใจ
“หนูนา ลูกพีช พ่อขอโทษ” ในตอนนี้พิสุทธิ์ร้าวรานหัวใจที่สุด เมื่อมองสองแม่ลูกเดินออกจากห้อง ช่างเปรียบเสมือนพวกเธอทั้งสองเดินออกจากชีวิตของเขาเหลือเกิน
พิสุทธิ์หน้าเครียดขรึมเมื่อนึกย้อนตอนที่พัชชาไปเข้าห้องน้ำ...
เขานั่งทำงานอย่างเพลิดเพลินสลับกับเหลือบตามองลูกสาว ซึ่งบางครั้งยัยหนูก็นอนเกลือกกลิ้งพูดคนเดียวอยู่บนโซฟา และบางทีก็ลงมานั่งบนพื้น ลูกสาวของเขาบางครั้งก็ยิ้มและหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ดูการ์ตูน
ตืดด!! ตืดดดด!!!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้พิสุทธิ์ย่นคิ้วหนาเป็นปื้นเข้าหากันจนเป็นรอยหยัก คนหวาดระแวงเป็นวัวสันหลังหวะรีบเดินไปหาลูกสาว
“ฮัลโหล ใครพูดคะ นี่ลูกพีชลูกพ่อเก้ากับแม่หนูนาพูดค่ะ” หนูน้อยพิชญาถอดแบบนิสัยคุณแม่ แม้กระทั่งท่าทางการพูดคุยจึงเหมือนคุณแม่มาก
“คุณพ่อทำงานค่ะ” เมื่อคนในสายถามหาพ่อหนูน้อยพิชญาก็ตอบ ครั้งนี้เด็กน้อยเลียนแบบคุณพ่อ ลุกขึ้นยืนทำไม้ทำมือเดินคุยโทรศัพท์
“ลูกพีช หนูคุยกับใครคะ?” ท่าทีของยัยหนูดูเหมือนแม่ของแก ทำให้พิสุทธิ์อดยิ้มไม่ได้ เขาเดินตามหลังลูกสาวคอยฟังเสียงของคนในสายโทรศัพท์
“ลูกพีชคุยกับเพื่อนค่ะ” หนูพิชญาเอามือปิดลำโพงโทรศัพท์ แล้วพูดกระซิบกระซาบกับพ่อ ทั้งที่เดินกลับไปกลับมา ทำเหมือนว่าเจ้าหนูน้อยกำลังคุยเรื่องสำคัญ
“ไหนเอาโทรศัพท์มาให้พ่อสิ” เสียงแว่ว ๆ เหมือนเสียงของผู้หญิงดังอยู่ในโทรศัพท์ ทำให้พิสุทธิ์ขมวดคิ้วเข้าหากันจนหน้าผากเป็นรอยหยัก
“คิกก คุณพ่อขาอย่าค่ะ ลูกพีชจะคุยกับเพื่อน” เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ พร้อมทั้งเดินถอยหลังไม่ยอมให้คุณพ่อจับตัวได้
“ลูกพีช พ่อบอกให้เอามือถือมาให้พ่อ” ‘ใช่!! นั่นเสียงมุกดา’ พิสุทธิ์หน้าตาเริ่มแดงก่ำ เขาโกรธอดีตภรรยาที่ตอแยเขาไม่ยอมเลิก แต่เขากลับเอาไปลงที่ลูกสาว
“คิกก คุณพ่ออยากได้ก็จับลูกพีชให้ได้สิคะ” หนูน้อยพิชญาไร้เดียงสาคิดว่าพ่อหยอกล้อ จึงถือโทรศัพท์วิ่งหนีพ่อรอบห้อง
“ยัยพีช ทำไมถึงดื้อด้านแบบนี้ฮะ เอาโทรศัพท์มาให้พ่อเดี๋ยวนี้” เป็นเพราะกลัวแม่ของลูกจะเข้ามาได้ยิน จึงทำให้คุณพ่อ ซึ่งในเวลานี้ดูจะไม่สนุกกับลูกแล้ว เขาเดินเพียงก้าวเดียวก็คว้าแขนของยัยหนูกระชากจนเด็กน้อยปลิวเข้ามาปะทะตัวของคุณพ่อ
“คุณพ่อขา ลูกพีชเจ็บ คุณพ่อตีลูกพีชทำไมคะ ฮืออ” เด็กน้อยพิชญาตกใจร้องกรี๊ด และยิ่งร้องไห้เสียงดังเมื่อพ่อทำให้แขนสองข้างเจ็บร้าว
“ทำไมหนูเป็นเด็กเกเรพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ฮะ” พิสุทธิ์กระชากโทรศัพท์มาถือไว้ เขาโมโหมากมากที่มุกดาโทรมาวุ่นวาย พิสุทธิ์จึงเอาความโกรธแค้นไปลงที่ลูกสาว ด้วยการฟาดฝ่ามือลงบนแขนและขา แม้แต่ก้นของแกคุณพ่อก็ตีไม่ยั้งมือ
“กรี๊ดด!!! ลูกพีชจะไปหาคุณแม่” หนูน้อยพิชญาร้องหวีด ๆ เพราะความเจ็บเมื่อคุณพ่อตีโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งหนูน้อยกลัวมากจึงกระโดดเข้ากอดคอของพ่อไว้
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่หยุดพ่อจะตีหนูอีก” พิสุทธิ์ขู่ยัยหนูเสียงเหี้ยม เขาไม่ยอมให้ลูกสาวได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เขาจับบ่าเล็กสองข้างเขย่าจนแกหัวสั่นคลอนแล้วดันลูกสาวให้ออกห่าง
“ฮืออ คุณพ่อขา ลูกพีชอยากไปหาคุณแม่” เด็กน้อยพิชญายืนตัวสั่นพยายามกระโดดเข้าไปเกาะขาของพ่อ พร้อมทั้งร้องไห้เสียงสะอื้น ดวงตาบ้องแบ๊วน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้างมองพ่อผลักไส
พิสุทธิ์ในตอนนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นความหวาดกลัวของยัยหนู ยามแกแหงนหน้ามองและอ้าแขนให้พ่อมาอุ้มและปลอบขวัญ เพราะชายหนุ่มกำลังสนใจคนในโทรศัพท์
“มุก!” เมื่อคนฝั่งโน้นรับสายพิสุทธิ์ก็เดินหนีไปยืนตรงกลางห้องไม่คิดหันไปสนใจยัยหนูเลยสักนิด เขากรอกเสียงเหี้ยมแต่ก็ไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘คุณเลิกโทรมาวุ่นวายกับผมได้แล้ว’ คนฝั่งโน้นก็พูดตัดขึ้นทันทีว่า
“เก้าคะ เมื่อตะกี้นี้มุกคุยกับลูกสาวของเก้า แกพูดน่ารักมากค่ะ มุกชักจะรักลูกสาวของเก้าแล้วสิ” มุกดาพูดเสียงเล็กเสียงน้อยในโทรศัพท์ เธอไม่เปิดโอกาสให้ได้พูดเลย
“ลูกพีช พี่เก้า นี่เกิดอะไรขึ้นคะ” เสียงร้องไห้ของลูกสาวทำให้คุณแม่รีบพรวดพราดเข้ามาในห้อง เธอแทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน ที่เห็นพิสุทธิ์ปล่อยให้ลูกสาวร้องไห้เดินตามหลัง ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
“คุณแม่ขา ฮืออ” เสียงของแม่ ทำให้เด็กน้อยพิชญากำลังขวัญเสียอ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดายหันไปมอง แล้วหนูน้อยก็วิ่งร้องไห้เสียงดังเข้าไปหาแม่
“หนุ...หนูนามาตั้งแต่เมื่อไร! ทำไมพี่ไม่ได้ยินเสียงเลย” เสียงของเมียช่างเปรียบเสมือนเสียงฟ้าผ่าลงกบาล พิสุทธิ์ยืนตัวแข็งทื่อ เขามองเมียกอดยัยหนู เสียงแจ้ว ๆ ของมุกดาดังอยู่ในโทรศัพท์ทำให้พิสุทธิ์รีบปิดสายทิ้งอย่างเร็ว
“พี่ทำอะไรลูกคะ ทำไมลูกถึงร้องไห้” พัชชาถามสามี แต่ไม่ได้เห็นพี่เก้ากำลังยืนมือสั่นลบข้อความและบล็อกเบอร์ของมุกดาออกจากโทรศัพท์
“ฮืออ” เมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นและปลอดภัยของแม่ หนูน้อยพิชญาก็ร้องไห้โฮ
“ร้องไห้ทำไมคะ บอกแม่สิคะ ลูกแม่เป็นอะไร?” ถึงยัยหนูจะตัวหนักแค่ไหน คุณแม่ท้องโตก็อุ้มลูกขึ้นแนบอก แล้วเดินผ่านสามีไปนั่งเก้าอี้ ซึ่งมียัยหนูนั่งคร่อมอยู่บนตัก
“คุณพ่อใจร้าย คุณพ่อไม่รักลูกพีช คุณพ่อตีลูกพีชค่ะ” เด็กน้อยพิชญาสะอื้นสะอึกบอกแม่
“พี่เก้า นี่แขนขาลูกไปโดนอะไรมาคะ” น้ำตาของลูกช่างเหมือนน้ำกรดรดลงกลางใจ ทำให้คุณแม่เจ็บปวดอยู่แล้วและยิ่งมาเห็นรอยเขียวช้ำตามแขนของลูก หัวใจของพัชชาก็ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ลูกพีชไม่รักคุณพ่อแล้วค่ะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มนองน้ำตาซบบนหน้าอกของแม่แขนสองข้างที่มีรอยเขียวช้ำก็กอดแม่ไว้แน่น พร้อมทั้งบอกแม่ว่าพ่อตีตัวเองแบบไหน
“ลูกทำอะไรเหรอคะ” พัชชาถามสามี เพราะไม่อยากจะเชื่อว่ารอยพวกนี้เป็นฝีมือของพี่เก้า
“...”
พัชชาเงยหน้าจากรอยช้ำบนแขนขาของลูก เธอจ้องหน้าหล่อและถามพี่เก้าว่า
“ลูกทำผิดอะไรคะ ทำไมพี่ถึงตีลูกจนแขนขาเป็นรอยฝ่ามืออย่างนี้คะ” หัวใจของคนเป็นแม่แตกสลายเมื่อเห็นลูกเจ็บ พัชชาก้มจูบหัวของแก แล้วอุ้มหน้าของลูกเช็ดน้ำตาทั้งคราบใหม่และเก่าออกจากแก้มย้วยสองข้างด้วยริมฝีปากสั่นระริก
“พะ...เพราะลูกดื้อ มะ...” ด้านพิสุทธิ์เมื่อดึงสติกลับมาอยู่กับตัว เขาก็ใจแตกยับเมื่อเห็นผลงานอันเลวร้ายบนตัวของลูกสาว ชายหนุ่มพูดอ้ำอึ้งไม่ทันจบคำว่า ‘ไม่ยอมเชื่อฟังพี่น่ะสิ พี่เลยต้องทำโทษแก’ เขาก็ต้องหยุดพูดทันทีเมื่อยัยหนูบอกแม่ว่า
“คุณพ่อไม่ยอมให้ลุกพีชคุยโทรศัพท์กับคุณอาค่ะ...”
“คุณอา ใครคะ” พัชชาถามยัยหนู แล้วเงยหน้ามองหน้าพี่เก้า คุณแม่ท้องลูกคนที่สองจิตใจเริ่มปั่นป่วน ดวงตาคู่งามไหวสะท้านจ้องลึกหาความจริงในดวงตาสีเข้ม
‘พี่เก้าของเธอเป็นอะไร ร้อยวันพันปี พี่เก้าไม่เคยดุด่าและลงไม้ลงมือตีลูกแบบนี้ นี่พี่เก้าถูกซาตานตัวไหนเข้าสิงถึงได้ตีลูกจนเนื้อตัวมีแต่รอยนิ้วมือ’ พัชชานึกและถามสามีในใจ
“ลูกค้าโทรมา พี่ขอโทรศัพท์คืน แต่ยัยหนูไม่ยอมให้พี่ พี่ก็เลยดุลูกก็เท่านั้นเอง” พิสุทธิ์เดินเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าเมีย มือใหญ่ที่คิดว่าอบอุ่นสำหรับลูกและเมีย จับมือเมียและอีกข้างก็ลูบหลังของลูกสาว
“ฮืออ คุณแม่ขา” สัมผัสของพ่อทำให้ยัยหนูสั่นสะท้านหวาดกลัวร้องกรี๊ด ๆ ทำเหมือนว่าพ่อของแกเป็นยักษ์เป็นผีปีศาจ
“ไม่ต้องร้องไห้นะ” อาการตัวสั่นกลัวไม่ยอมหยุดของยัยหนูทำให้พัชชาร้องไห้ เธอสงสารลูกมากในตอนนี้จึงทำให้ลูกรับรู้ถึงความปลอดภัยจากการโอบกอดและเสียงปลอบขวัญ
“คุณอา ผะ...” เด็กน้อยสะอึกไห้ผสมฟ้องแม่ แต่ก็ไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘คุณอาเป็นผู้หญิงค่ะ’ คุณพ่อที่มักแก้ตัวโกหกหลอกลวง กลัวเมียจับได้ก็รีบพูดสวนทันทีว่า
“คุณอาที่ลูกว่าก็คนนี้ไง ลูกค้าน่ะ เขาโทรมาคุยเรื่องงาน ถ้าหนูนาไม่เชื่อพี่จะโทรคุยกับเขาต่อหน้าหนูเลยก็ได้นะ” พิสุทธิ์ลนลานเปิดมือถือ แล้วเอาเบอร์ของลูกค้าให้น้องดู
“เจ็บไหมคะ” ถึงแม้คำพูดของยัยหนูจะทำให้คุณแม่ท้องลูกคนที่สองสงสัยมากแค่ไหน แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บไว้ในใจแล้วหันมาสนใจความเจ็บปวดของลูกรัก
“ลูกพีช คือ พ่อขอโทษนะ พ่อไม่ได้ตั้งใจตีหนูนะ” พิสุทธิ์แน่นหน้าอก เขาหายใจไม่ออกเมื่อได้โยนความผิดในสิ่งที่ตัวเองปกปิด เป็นความผิดของลูกสาว…
ตืดด!!! ตืดดดด!!!!
เสียงโทรศัพท์ของเมียดังขึ้น ทำให้พิสุทธิ์สะดุ้งตื่นจากความคิดอันโสมม เขาลูบหน้าชาหนึบแรง ๆ หัวคิ้วหนาขมวดย่นเข้าหากันเมื่อได้เห็นเบอร์บริษัทของตัวเองโชว์อยู่ในมือถือของเมีย
“ฮัล ละ...” พิสุทธิ์ยังไม่ได้พูดอะไรคนในสายก็พูดขึ้นว่า
“พี่เก้าหนูจะพาลูกกลับบ้าน พี่ช่วยเอากระเป๋าและกุญแจรถมาให้หนูได้ไหมคะ...”
“หนูนา ยุ...” พิสุทธิ์ไม่มีโอกาสได้ถาม เมื่อน้องพูดตัดคำถามว่า
“หนูรออยู่ข้างล่างค่ะ...”
“หนูนาอย่าไปไหนนะรอพี่ด้วย เดี๋ยวพี่จะรีบลงไปหาเดี๋ยวนี้แหละ” ในตอนนี้พิสุทธิ์เหมือนถูกเมียและลูกทิ้ง เขาคุยโทรศัพท์พลางกระตือรือร้นเก็บข้าวของเครื่องใช้ของเมียและลูกใส่กระเป๋าอย่างรีบเร่ง รวมทั้งเอกสารบนโต๊ะที่เขาทำค้างอยู่ใส่ในกระเป๋าทำงาน แล้วชายหนุ่มก็รีบออกจากห้องโดยไม่ได้สั่งงานกับเลขาหน้าห้อง…
ด้านมุกดาโทรหาพัชชาและกำลังจะเอ่ยถามพัชชา เธอก็ต้องรีบปิดเครื่องไม่ทันได้พูดกับพัชชา เมื่อไอโฟนรุ่นใหม่อีกเครื่องดังขึ้น เธอลนลานรีบกดรับแล้วเอ่ยเสียงหวานถามคนในสายว่า
“คุณท่านขา สวัสดีค่ะ คุณท่านทะ...” มุกดาไม่ทันได้ถามว่า ‘คุณท่านโทรมาหาหนูในเวลานี้มีอะไรหรือเปล่าคะ’ ฝั่งโน้นก็คำรามเสียงดังน่าเกรงขามว่า
“เธอทำอะไรอยู่ ทำไมถึงรับสายฉันช้าจัง...”
“คึ...คือว่าหนู” มุกดาได้แต่ทำเสียงอ้ำอึ้ง จึงเป็นเหตุให้คนฝั่งโน้นกรอกเสียงเหี้ยมมาตามสายว่า
“ฉันไม่ชอบรอ เธอก็รู้นิสัยฉันดี...”
“หนูขอโทษค่ะ...”
“นี่เธอจะกลับมาวันไหน...”
“หนูขออยู่ที่นี่อีกสักสามสองเดือนได้ไหมคะ” ครั้งนี้มุกดาใจสู้เอ่ยขอคนที่มีอำนาจกุมชีวิตของเธอ ซึ่งเธอเปรียบเสมือนนกน้อยในมือมาร จะบีบก็ตายจะคลายเธอก็ตาย
“อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอคิดไม่ซื่อสัตย์กับฉัน”
คนมีอำนาจไม่ได้ขู่เธอให้กลัว แต่เขาทำจริง ซึ่งข้อนี้มุกดาก็รู้อยู่แก่ใจและเคยเจอมาแล้วด้วย
“คุณท่านขา หนูจะโกหกคุณท่านทำไมคะ คือหนูมาเยี่ยมญาติจริง ๆ ค่ะ” เสียงของคนมีอำนาจ กำชีวิตของเธอไว้ ทำให้มุกดาหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
“ฉันให้เธออยู่อีกหนึ่งเดือน ถ้าครบกำหนดเธอยังไม่กลับมา เธอรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ...”
“คุณท่านคะ อย่าเพิ่งวางสายค่ะ” มุกดารีบพูดขึ้น
“เธอมีอะไร...”
“คือ ว่าหนู”
“ฉันไม่ชอบคนพูดอ้ำอึ้ง เธอจะพูดอะไรก็พูดมา”
“ดะ...เดือนนี้หนูขอเงินเพิ่มอีกสักเจ็ดแสนได้ไหมคะ”
“หึ!”
เสียงทรงอำนาจดูหมิ่นหยามเกียรติเธอเหมือนเศษผ้าขี้ริ้วดังมาพร้อมเสียง ‘ตู๊ดด!! ตู๊ดดด!!!’ ทำให้มุกดาอยากเหวี่ยงไอโฟนรุ่นใหม่ทิ้งเหลือเกิน
‘ไอ้เฒ่าหัวงู ที่ฉันอยู่กับแกก็เพราะเงินหรอกนะ’ มุกดาแค้นเคืองมากจนทำร้ายตัวเองโดยกัดริมฝีปากจนเลือดไหลออกมา ซึ่งเธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด เพราะหัวใจของเธอต่างหากที่เจ็บปวดเมื่อผู้ชายทรงอำนาจไม่เคยให้ความสำคัญและยกย่องเธอเลยสักนิด
“เมื่อไรจะตาย ๆ สักทีนะ อย่าคิดว่ามีพระคุณกับกูแล้ว มึงจะมาพูดดูถูกกูได้ง่าย ๆ นะ ไอ้แก่ตัณหากลับ ไอ้เ*******ู” ก่อนที่มุกดาจะโยนมือถือไปกองบนที่นอน เธอก็สาปแช่งคนในโทรศัพท์ให้ตายตกนรก…