อลิชชามองอาหารตรงหน้าราวกับว่ามันคืออาหารทิพย์ จะหยิ่งไม่กินก็ไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้เธอหิวชนิดที่เรียกว่า ‘โคตรของความหิว’ เลยละ มือเล็กจึงรีบตักข้าวสวยใส่ปากทันที กินมันทั้งๆ ที่ร้อนๆ แบบนี้แหละ พร้อมกับซดน้ำซุปอย่างโหยหิว ผัดเห็ดปารีสถูกตักมาราดข้าวจนหมดจาน มือเล็กที่ถือช้อนข้าวสั่นๆ เพราะความหิวที่ไม่ได้กินข้าวมาตั้งสองมื้อ และนี่มันก็คงจะเลยมื้อเที่ยงไปนานแล้ว
เอริคมองคนตัวเล็กที่นั่งกินข้าวอย่างสวาปามด้วยความเอ็นดู นี่หล่อนคงหิวจนลืมเจ็บไปเลยสินะ เพราะชายหนุ่มจำได้ว่ารถของเขาพุ่งชนที่ขาของเธอ ถึงจะไม่แรงมาก แต่ก็คงจะมีรอยฟกช้ำดำเขียวและปวดระบมอยู่บ้าง แต่คงเพราะความหิวที่มีมากกว่า จึงทำให้เธอไม่ได้สนใจความเจ็บระบมที่ขาของตนเอง
ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที กับข้าวทุกอย่างในจานก็เกลี้ยงจนไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียว แม้แต่น้ำซุปเห็ด เธอก็ยกซดจนเกลี้ยงและลืมนึกไปว่าเจ้าของบ้านกำลังยืนมองเธออยู่ ดวงตากลมโตปรายตาไปมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน หล่อนยิ้มแหยๆ ตาหยีออกมาอย่างเอียงอาย ใบหน้าเริ่มมีริ้วสีแดงเรื่อพาดผ่านทั้งสองข้างแก้มนวล
แต่เอริคดูเหมือนจะชอบใจในกิริยาท่าทางไร้เดียงสาของหญิงสาวไม่น้อย ชายหนุ่มอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะบอกเธอว่า
“เอากับข้าวเพิ่มอีกมั้ย จะได้ให้ลัวโซตักมาให้”
อลิชชาหันไปมองเจ้าของบ้านรูปหล่อด้วยความเกรงใจ และเริ่มรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อถูกชายหนุ่มมองด้วยรอยยิ้มขัน
คงเพราะอาหารแต่ละอย่าง ผู้หญิงจนๆ อย่างเธอ คงจะหาโอกาสทานได้ยากมาก มันจึงทำให้หญิงสาวกินจนไม่มีเหลือติดจาน อย่างเห็ดทริฟเฟิลหรือทรุฟเฟิลดอกหนึ่งราคาตั้งหลายร้อยยูโร เผลอๆ อาจจะหลายพันยูโรเลยด้วยซ้ำ แล้วเนื้อวัวโกเบที่ราคาแพงลิบลิ่วซึ่งคนจนๆ อย่างเธอจะหาโอกาสกินง่ายๆ ได้ที่ไหน
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันอิ่มแล้วค่ะ เอ่อ...ฉันขอตัวเอาถ้วยชามไปเก็บนะคะ” ร่างบางรีบลุกขึ้นแล้ววางถ้วยชามเรียงซ้อนกันก่อนที่จะเอาไปเก็บข้างนอก
“เดี๋ยว” สองเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปนอกประตูต้องชะงักทันที แล้วค่อยๆ หันหลังมามองตามเสียงเรียกช้าๆ
“เอาจานไปเก็บแล้ว เข้ามาหาผมในห้องนี้ด้วยนะ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“ค่ะ”
ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ แต่พอนึกได้ว่า ตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในชุดสกปรกมอมแมมที่อำพรางตนเองนั่นแล้ว อลิชชาก็พอจะเดาออกมาได้ว่า เขาคงอยากจะถามว่าเธอปลอมตัวมาทำไม หรือไม่เขาอาจจะทวงค่าอาหารที่เธอเพิ่งกินเข้าไปเมื่อสักครู่นี้ก็ได้
ถ้าหากลองคำนวณค่าอาหารที่เธอเพิ่งทานเข้าไปเมื่อกี้ดู ก็คงจะหลายพันยูโรแน่ๆ เลย แล้วเธอจะต้องทำงานชดใช้เขากี่เดือนเนี่ยถึงจะหมดหนี้
เพราะคิดว่าถ้าทำงานเป็นแม่บ้าน เขาก็คงจะให้เงินเดือนเธอไม่เกินเดือนละสามร้อยถึงห้าสิบยูโรแน่นอน เพราะเธอเรียนจบแค่ระดับปริญญาตรีเท่านั้น อีกทั้งหลักฐานสำคัญต่างๆ ตอนนี้ก็หายไปหมดแล้ว เขาต้องคิดว่าเธอเป็นคนเถื่อนลักลอบเข้าเมืองมาแน่นอน
สิบนาทีต่อมา อลิชชาก็เดินเข้ามาหาคนที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ให้รอดตายจากความหิวโหย ก่อนมาพบหน้าเขาเธอได้คุยกับแม่บ้านลัวโซเล็กน้อยแล้ว เพื่อถามว่าใครที่เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ พอรู้ว่าไม่ใช่เขาหญิงสาวจึงได้โล่งใจ และหญิงชรายังบอกกับเธอว่า เขาชื่อเอริคเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
เจ้าของร่างบางเดินมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูห้องสองที ก่อนที่มือบางจะผลักประตูเข้าไป ก็เห็นสายตาคมจ้องมองมาทางเธอไม่กะพริบ หญิงสาวออกจะประหม่าเล็กน้อยในนาทีแรก และเพิ่มมากขึ้นทุกทีเมื่อร่างสูงใหญ่งามสง่าเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากเรือนกายของเขาช่างดึงดูดให้เธอเผลอสูดดมความหอมเย้ายวนใจนั้นเข้าไปจนชุ่มปอด
“อันดับแรกบอกชื่อของคุณมาก่อน” เสียงห้าวทุ้มเริ่มสัมภาษณ์
“อลิชชาค่ะ” สาวน้อยก้มหน้างุดตอบคำถามเขา ไม่กล้าสบตาคมนั่น เพราะมันทำให้เธอรู้สึกประหม่า ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“เอาแบบสั้นๆ มีหรือเปล่า”
“อริสค่ะ”
“เวลาคุยกับผมกรุณาเงยหน้ามองผมด้วย” เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม
“ค่ะ” หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ประสานสายตาสวยซึ้งที่เต็มไปด้วยความประหม่านั้นเข้ากับสายตาคมกล้าของเขา
“อริส ต่อไปนี้ให้คุณเรียกผมว่า เอริคนะ” ชายหนุ่มบอกแต่ดูเหมือนเป็นการบังคับให้เธอเรียกเขาเสียมากกว่า แววตาของเขาดูดุดัน แต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นหวานซึ้งในบางครั้ง จนอลิชชาอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้
“ค่ะ”
เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่หุ่นเอ็กซ์ และมีใบหน้าหล่อเข้มกระชากใจตัวเป็นๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก และที่สำคัญต้องมาอยู่ในห้องนอนกับเขาสองต่อสองแบบนี้เธอยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่ อุปกรณ์พรางกายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว หญิงสาวจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น เพื่อฟังเขาพูดประโยคต่อไป
“คุณรู้มั้ยว่าวันนี้ คุณทำให้ผมเกือบเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย เพราะคุณ” ร่างบางก้มหน้างุดอีกรอบ รีบกล่าวขอโทษชายหนุ่มเป็นการใหญ่
“เอ่อ ฉัน...ฉันต้องขอโทษคุณจริงๆ นะคะ คือว่าตอนนั้นฉันหิวข้าวจนตาลาย ก็เลยเป็นลมน่ะค่ะ” เธอละล่ำละลักบอกกับชายหนุ่มด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“ผมนึกว่าคุณคิดจะฆ่าตัวตายซะอีก”
“เปล่าค่ะ พอดีว่าฉันถูกวิ่งราวกระเป๋า เงินของฉันและเอกสารต่างๆ ของฉันอยู่ในนั้นทั้งหมด ฉันก็เลยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น”
“แล้วคุณปลอมตัวเองเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์น่าเกลียดทำไม”