“แต่บ้านเงี๊ยบเงียบ”
“เขาคงอยู่ข้างในกันนั่นล่ะ ว้าว!...ประตูรั้วบ้านเปิดละ สงสัยเขาจะรู้ว่าพวกเรามากันแล้ว”
บุศรายิ้มตื่นเต้นเมื่อประตูรั้วเลื่อนเปิดโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่แต่หล่อนคนเดียวที่ตื่นเต้นแต่ทั้งดาราและเมยาวีต่างก็ตื่นเต้นตามไปด้วยเพราะเมื่อประตูรั้งเปิดแล้วบุศราก็เลื่อนรถเข้าไปจอดด้านใน ใกล้โรงจอดรถก่อนทั้งสามจะเปิดประตูลงมาสักครู่ก็มีหนุ่มร่างสูงเดินตรงมายังทั้งสามสาวและเอ่ยทักขึ้น
“ไฮ...สาว ๆ ว่าไง พึ่งมาถึงกันใช่มั้ย?”
“สวัสดีค่ะพี่เพทาย”
บุศรากล่าวทักหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีและดูหมดจดเหมือนพระเอกเกาหลีที่เดินเข้ามาและหยุดที่หญิงสาวทั้งสาม
“นี่พี่เพทาย รุ่นพี่เพื่อนสนิทของพี่ปรัช คนที่ชวนฉันมางานเลี้ยงนี่ล่ะ...พี่เพทาย...นี่เพื่อนของบุศเองค่ะ ดารากับเมยาวี”
บุศรารีบแนะนำทั้งหมดให้รู้จักกัน และเมื่อเพทายเห็นเพื่อนสาวทั้งสองของบุศราที่ยกมือไหว้เขาก็ยิ้มกริ่ม
“สวัสดีจ้ะ...พี่เคยเห็นพวกน้อง ๆ ในมหาลัยแต่ไม่เคยทักทายเลยสักครั้ง อืม...เราเข้าไปข้างในกันเถอะ พี่กับเพื่อน ๆ ของปรัชจัดงานเลี้ยงกันในบ้านน่ะ มันเลยเงียบ ๆ เนอะ”
“ค่ะ...พี่เพทาย”
ทั้งสามสาวรีบรับคำพร้อมกัน แต่ท่าทางดาราและบุศราสะดีดสะดิ้งมากกว่าเมยาวีที่มองไปรอบ ๆ บ้าน หล่อนไม่ได้เป็นกังวลเรื่องงานเลี้ยงแต่มัวตื่นเต้นกับการได้พบกับหนุ่มรุ่นพี่อย่างปรัชอีกครั้ง
“นี่นังเมย์...ยืนเหม่ออะไรอยู่ยะ โน่น...นังบุศกับพี่เพทายเขาเดินนำหน้าเข้าบ้านกันไปแล้ว”
ดาราสะกิดเพื่อนสาวของหล่อนทำให้เมยาวีรีบดึงสติตัวเองกลับมาทันที หล่อนรีบพยักหน้า
“อ้า...เอ้อ...จ้ะ...ไปกันๆ เข้าไปในบ้านกันเลย”
“นังเมย์...ฉันขอเตือนหล่อนไว้ซะก่อนนะว่างานเลี้ยงเนี่ยมีหนุ่ม ๆ รุ่นพี่ แกอย่าทำซุ่มซ่ามให้พวกฉันเสียหน้านะยะ หล่อนยิ่งเด๋อ ๆ ด๋า ๆ อยู่ด้วย”
“เออ...ฉันรู้ล่ะน่า...”
เมยาวีรับปากอย่างเสียมิได้ก่อนเดินตามเพื่อนของหล่อนเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่มีห้องหับมากมายก่อนจะไปถึงห้องหนึ่งและเมื่อเปิดประตูเข้าไปหล่อนก็ต้องแปลกใจที่ในห้องนั้นมีการจัดงานเลี้ยงกันจริง ๆ แต่มีหนุ่ม ๆ อยู่ประมาณห้าหกคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นคือ ปรัช หนุ่มรุ่นพี่ที่รีบลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาทักทายหญิงสาวทั้งสาม
“สวัสดีครับน้อง ๆ ที่น่ารัก...ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงของพวกพี่ครับ”
พอปรัชกล่าวทักคนแรกที่ยิ้มหน้าบานและตอบรับคือบุศรา
“ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ปรัชที่อุตส่าห์ชวนพวกเราสามคนมา แต่ว่า...นี่เลี้ยงกันแค่นี้เหรอคะ”
บุศรามองเข้าไปในห้องเห็นมีแต่หนุ่ม ๆ นั่งกันอยู่ห้าหกคนรวมทั้งเพทาย ทุกคนเป็นหนุ่มรุ่นพี่ในแก๊งหน้าตาดีที่หล่อนรู้จักทั้งสิ้น ทุกคนหันมายิ้มและยกแก้วไวน์เพื่อแสดงไมตรี หล่อนยิ้มให้และได้ยินปรัชตอบว่า
“ครับ...เราเลี้ยงกันแค่นี้ คือเลี้ยงกันเฉพาะหนุ่ม ๆ ดื่มไวน์อย่างดีจากต่างประเทศ พี่จัดงานเลี้ยงบ่อย ๆ ก้เป็นแก๊งคนกันเอง แต่รับรองนะครับว่าไม่มียาเสพติดแน่นอน และที่ให้เพทายชวนพวกน้อง ๆ มาก็เพราะว่าจะได้สร้างสีสันให้งานเลี้ยงของเราครับ”
“ว้าว! เยี่ยมไปเลยนะคะพี่ปรัช แบบนี้ก็ดีนะคะ ดาราชอบ ไม่มีคนเยอะ มากคนก็อึกทึกเสียงดังเปล่าๆ”
ดาราสนับสนุนและเมยาวีก็รู้สึกว่าความคิดของเพื่อนสาวน่าเห็นด้วยจริง ๆ เพราะหล่อนมัวแต่ให้ความสำคัญกับหนุ่มรุ่นพี่ที่มองหล่อนตาเป็นมันโดยเพื่อนสาวอีกสองคนไม่ทันสังเกต สักครู่เพทายก็พูดขึ้นว่า
“โอเค...ถ้างั้นขอเชิญสาว ๆ มาร่วมงานเลี้ยงสนุก ๆ กับพวกพี่ ๆ กันดีกว่านะ”
เขาเชิญชวนให้สาวรุ่นน้องทั้งสามเข้าไปนั่งที่โซฟาภายในห้องแสนสบาย มีทีวีจอใหญ่และไวน์พร้อมอาหารอย่างดี แต่อะไรก็ไม่ทำให้สาวทั้งสาวหัวใจพองโตได้เท่ากับการที่ได้อยู่ท่ามกลางหนุ่มรุ่นพี่หน้าตาดีหกเจ็ดคนที่ต่างยื่นแก้วไวน์และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมยาวีเหลียวมองปรัชซึ่งเขาก็มองเธออยู่เช่นกันแล้วแอบหน้าแดงด้วยความเขินอาย แต่พอหันกลับมาก็โดนดาราแซวด้วยเสียงเบา ๆ เข้าให้
“เป็นไงล่ะนังเมย์ แกฟินล่ะซี๊...ได้มาอยู่แบบนี้ นี่เป็นเพราะนังบุศแท้ ๆ ที่ทำให้พวกเราได้พลอยมางานเลี้ยงของพวกรุ่นพี่ หนุ่มหล่อท้างน้าน”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย แกน่ะกินไวน์กินขนมไปเลย...แต่ตอนนี้ฉันว่าหน้าแกเริ่มแดงแล้วนะ นี่แกดื่มไวน์มากไปรึเปล่า หน้าแดงเหมือนลูกตำลึงเลย”
“ช่างฉันเถอะน่า ว่าแต่แกเถอะหัดดื่มซะบ้าง ดื่มให้เป็น เวลาฉันกับนังบุศพาออกงานจะได้ไม่อายคน”
“ตามใจแกเถอะ เดี่ยวฉันไปห้องน้ำก่อน”
“ตื่นเต้นขนฉี่ราดเรอะแก ฮ่าๆๆๆ”
ดาราหัวเราะร่วนเมื่อเมยาวีลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอกเพื่อตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านในของบ้าน เสียงเพลงยังดังต่อเนื่องและหนุ่มสาวในห้องจัดเลี้ยงก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เมยาวีเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมายืนนิ่งนึกหน้ากระจกอยู่ชั่วครู่ ในบ้านหลังนี้มีแต่พวกหล่อนกับพวกหนุ่ม ๆ รุ่นพี่ที่มาสังสรรค์กัน แต่หล่อนกลับคิดถึงปรัชมากกว่าใครเพื่อน เมยาวีมือเย็นเพราะหล่อนตื่นเต้นกับการมางานในคืนนี้
“อยากรู้จริง ๆ ว่าพี่ปรัชคิดยังไงกับเรา เขาจะยังคิดถึงตอนที่อยู่บนรถเมล์รึเปล่าน๊อ...เฮ้อ...ทำไมต้องคิดมากด้วยเนี่ย แต่ก็อยากคุยกับพี่เขาจังเลย”
หล่อนนึกในใจและจ้องมองตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ สักครู่จึงถอดแว่นตาออกแล้วปล่อยผมยาวสลวยสะบัดไปมาเบา ๆ รู้สึกว่าภาพสะท้อนในกระจกเหมือนคนละคนกับที่มองดูเมื่อครู่ หล่อนนึกกระหยิ่ม