โซ่ทอง Talk
เช้าวันต่อมา @ห้องนอนไทโยและโซ่ทอง คฤหาสน์ตระกูลยูกิโอะ
"ขนาดตอนนอนยังหล่อเลย สามีใครเนี๊ย" ฉันเอ่ยขึ้นมาเบาๆขณะที่ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าไทเป็นคนแรก
"อื้อ.." ไทงัวเงียดึงฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้งในขณะที่ฉันกำลังจะลุกไปเตรียมอาหารเช้าของเขา
"ไท" ฉันร้องเรียกชื่อคนที่นอนกอดฉันไม่ยอมปล่อยเบาๆ ขณะที่คนที่นอนกอดฉันอยู่เริ่มลืมตาตื่นขึ้นมา
"เช้าแล้วเหรอ"
"ค่ะ ไทนอนต่อเถอะ เดี๋ยวโซ่ทำข้าวเช้าเสร็จแล้วจะมาปลุกอีกทีนะคะ"
"ขอนอนกอดอีกหน่อยได้ไหม"
เมื่อไทพูดจบเขาก็เลื่อนใบหน้าลงมาตรงหน้าอกของฉันแล้วก้มลงดูดยอดอกของฉันเหมือนเด็กกำลังดูดนมแม่ เวลาลูกดูดนมฉันจะรู้สึกเสียวแบบที่ไทดูดนมฉันทุกครั้งแบบนี้หรือเปล่านะ
"อ๊า..ไท..อื้อ" ฉันร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าความเสียวกำลังเล่นงานฉันอยู่ แล้วอยู่ๆก็มีอะไรบางอย่างแข็งขึ้นมาและเสียดสีอยู่ตรงกลางหว่างขาของฉัน ตอนนี้ไทคงรู้สึกแบบเดียวกับฉันแล้วสินะ
"อ๊า..ไท..ใส่มาได้นะ..หรือจะให้.." ขณะที่ฉันกำลังร้องบอกไทด้วยเสียงแหบพร่า อยู่ๆไทก็หยุดการกระทำที่กำลังรุกล้ำร่างกายฉันทันที
"ไปอาบน้ำกันเถอะ" ไทบอกกับฉันที่ยังอารมณ์ค้างจากการปลุกเร้าของเขาที่หยุดกะทันหันจนฉันปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลย
"เอาเข้ามาได้นะ หรือไทอยากให้โซ่ทำให้" ฉันมองตาเขาแล้วเอ่ยถามด้วยสายตาเว้าวอนใส่
"หึหึ อาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยววันนี้พี่อาบน้ำให้โซ่เอง"
"ไทก็อาบน้ำให้โซ่ทุกครั้งอยู่แล้วนี่นาเวลาที่เราสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ไทไม่ต้องการมันจริงๆเหรอ" ฉันเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงและอยากเอาใจเขา
"เป็นเด็กเป็นเล็กนี่ยั่วผู้ชายเก่งนะเรา" ไทเอามือมาบีบจมูกฉันเบาๆขณะที่เราสองคนยังนอนกอดกันอยู่บนเตียง
"ยั่วแค่ไทคนเดียวนี่แหละ ก็ไทเป็นสามีโซ่นี่นา" ฉันตอบกลับพร้อมกับโผเข้ากอดไทแน่นขึ้นกว่าเดิม
"ครับ คุณภรรยาตัวน้อย" ไทพูดขึ้นแล้วจูบที่หน้าผากฉันเบาๆ ฉันอยากตื่นขึ้นมาเจอไทแล้วนอนกอดกันแบบนี้ทุกวันเลย
หลังจากที่เราสองคนนอนกอดกันอยู่สักพัก ไทก็อุ้มฉันเข้าห้องน้ำด้วยสภาพที่เราเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ แล้วเราสองคนต่างก็ช่วยกันอาบน้ำให้กันเหมือนทุกครั้งที่เราสองคนมีเวลาด้วยกัน
เวลาต่อมา @ห้องอาหาร คฤหาสน์ยูกิโอะ
"นายน้อย นายหญิง อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านใหญ่ของคฤหาสน์เอ่ยขึ้นมาบอกฉันและไทที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร
"เช้านี้ทำอะไรคะ" ฉันเอ่ยถามคุณแม่บ้านใหญ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและให้ความเคารพเธอเป็นอย่างมาก
"ดิฉันทำโอฉะสึเกะ(นำแซลมอนหรือปลาชนิดอื่น ๆ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำมาวางบนข้าวสุกแล้วเทชาเขียวร้อนหรือน้ำซุป โรยสาหร่าย ผักชี) ให้นายน้อยค่ะ ส่วนของนายหญิงเป็นข้าวต้มกุ้งค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันตอบกลับคุณแม่บ้านใหญ่แล้วไทก็จูงมือฉันไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
"ทานเยอะๆนะคะไท ขึ้นวอร์ดตอนบ่ายจะได้มีแรงทำงาน"
"ครับ พี่ลงวอร์ดพรุ่งนี้เช้าเลยนะ โซ่นอนคนเดียวได้ไหม" ไทถามฉันอย่างเป็นห่วง นี่เป็นครั้งแรกที่ไทขึ้นวอร์ดข้ามวันทำให้เราไม่ได้ด้วยกันเป็นครั้งแรก เขาเลยดูกังวลขึ้นมากลัวว่าฉันจะนอยด์หละมั้ง
ฉันเข้าใจไทนะในทุกครั้งเวลาที่เขาต้องทำหน้าที่หมอ เขาก็จะเต็มที่และไม่สนใจอะไรเลยจนบางครั้งเขาก็จะลืมฉันในบางที แต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าฉันเข้าใจเขา เขามักคิดว่าการที่เขาทิ้งฉันไว้คนเดียวเป็นเหมือนความผิดของเขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่สิ่งที่เขาทำนั้นทำเพื่อคนอื่นทั้งนั้น คงอาจจะเป็นเพราะพี่ไม้ที่มักจะต่อว่าเขาเรื่องฉันอยู่เสมอในสมัยช่วงที่เขาขึ้นวอร์ดครั้งแรกตอนปีสี่ ทำให้เขามักรู้สึกผิดทุกครั้งที่เขาทิ้งฉันไว้คนเดียวตั้งแต่ครั้งนั้นมา
"อืมม ไทไม่ต้องห่วงนะ โซ่อยู่ได้ค่ะ" ฉันยิ้มกลับไปพร้อมกับคำพูดที่ทำให้เขาสบายใจ
"ถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะ ถ้าพี่ไม่ได้รับ เดี๋ยวพี่โทรกลับทีหลัง" นี่ก็เป็นประโยคที่ฟังจนชินเหมือนเขาท่องไว้เพื่อบอกฉันเลย ส่วนฉันก็ทำหน้าเข้าใจพยักหน้าให้เขาเห็นว่าฉันจะทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง
"ทานข้าวเถอะค่ะ นี่ของโปรดไทเลยนะ อร่อยเท่าโซ่ทำให้ทานหรือเปล่า" ฉันบอกกับไทแล้วเราสองคนก็รับประทานอาหารเช้ากัน
บทสนทนาของเมื่อวานก็มาเป็นประเด็นในการสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้านี้ ทุกครั้งที่เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน วันต่อมาฉันจะเล่าให้เขาฟังว่าฉันทำอะไรบ้าง ไปไหนมาบ้าง เจอใครบ้าง และจบด้วยคำว่า คิดถึงเขา ทุกครั้งเวลาทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ในวันนั้น ส่วนไทก็จะเล่าเรื่องการทำงานของเขาให้ฉันฟังทุกครั้งเช่นเดียวกัน
"แล้วผู้หญิงที่ชื่อ เรย์ คนนั้นสวยไหมคะ" ฉันเอ่ยถามไททันที เมื่อเขาเล่าเรื่องการทำงานในโรงพยาบาลในเมื่อวานจบ
"อืมม ก็สวยดีนะ" ฉันเห็นสีหน้าที่นิ่งอยู่แป๊บหนึ่งของไทแล้วทำหน้านึกก่อนจะตอบฉัน
"แล้วไทชอบเขาไหม" ฉันถามอีกครั้งด้วยความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
"ฮ่า ฮ่า พี่จะชอบเค้าได้ยังไง พี่เพิ่งเจอเค้าครั้งแรก อีกอย่างพี่มีภรรยาแล้ว มีสิทธิ์ชอบผู้หญิงคนอื่นได้ด้วยเหรอ หืมม นี่โซ่กำลังทำตัวเป็นภรรยาขี้หึงอยู่หรือเปล่า" ไทเอามือมาบีบจมูกฉันเบาๆแล้วบอกฉันด้วยน้ำเสียงเหมือนพี่ชายกำลังบอกน้องสาวยังไงยังงั้นเลยไม่เหมือนกับสามีบอกกับภรรยาเลยสักนิด ฉันรู้สึกแบบนั้นนะ
"ไทรำคาญที่โซ่เป็นแบบนี้หรือเปล่า"
"อืมม แบบนี้ก็น่ารักดีนะ"
"ไปดูหนังในห้องนั่งเล่นกันไหม พี่กว่าจะขึ้นวอร์ดก็บ่าย เรามีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งสี่ชั่วโมง หรือโซ่อยากออกไปข้างนอกก็ได้นะ"
"ดูหนังอยู่บ้านกับไทดีกว่า โซ่อยากนอนกอดไทนานๆ กว่าจะได้เจอกันก็พรุ่งนี้เลย"
"ขี้อ้อนจริงๆเลยเรา งั้นเราไปดูหนังกัน พี่ให้โซ่เลือกเรื่องที่อยากดูเลย"
เวลาต่อมา @ห้องนั่งเล่น คฤหาสน์ยูกิโอะ
"ฮ้าว สงสัยตื่นเช้าไปหน่อย" ไทหันหน้ามาบอกฉันเมื่อเขาเห็นฉันมองเขาด้วยสายตาห่วงใย
"นอนก่อนไหม เดี๋ยวตอนขึ้นวอร์ดจะไม่ไหวเอานะ" ฉันบอกกับไทที่ยังฝืนดูหนังที่ฉันอยากดูด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น
"ดูต่อให้จบดีกว่า กำลังสนุกเลย" ไทยังฝืนที่จะดูหนังเป็นเพื่อนฉันทั้งที่ตาตัวเองจะปิดอยู่แล้ว
ฉันก็ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะเกรงใจฉันทำไมทั้งที่ฉันเป็นภรรยาของเขา การเป็นสามีภรรยากันมีอะไรเขาควรจะบอกฉันตรงๆ โดยนึกถึงตัวเองด้วยไม่ใช่พยายามเอาใจฉันเพียงอย่างเดียว
"ไหนบอกว่าจะดูให้จบ หลับซะแล้ว" ฉันเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กอดฉันไว้ซึ่งตอนนี้ได้หลับไปเรียบร้อยแล้ว
ติ๊ด (เสียงแจ้งเตือนมือถือไทโย)
Line
Tantawan : หมอลินทร์จะมาถึงโรงพยาบาลกี่โมงเหรอ
Tantawan : เมื่อคืนขอบใจนะที่ขับรถมาส่งที่บ้าน ถ้าไม่ได้หมอลินทร์เรย์คงแย่
ฉันอ่านข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ที่ผู้หญิงคนหนึ่งส่งมาถึงไท และด้วยความสงสัยฉันจึงกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของเธอเพื่อดูชัดๆว่าหน้าตาของเธอเป็นยังไง พอเห็นหน้าตาเธอคนนั้น ฉันก็รู้สึกได้ว่าเธอสวยมาก สวยจนฉันอดกลัวไม่ได้ว่าไทจะไปชอบผู้หญิงคนนั้น ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของไทตอนที่กำลังทานข้าวบนโต๊ะอาหาร
"เรียนปีสุดท้ายอาจารย์หมอให้จับคู่ทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างความเคยชินกับการทำงานร่วมกันเป็นทีม การรักษาคนไข้ไม่ใช่จะทำคนเดียวแล้วคนไข้จะหายเป็นปกติได้"
"แล้วไทคู่กับใครเหรอคะ พี่ไม้ พี่เหนือ หรือพี่เพิร์ธ หรือว่าเพื่อนในคณะแพทย์คนอื่น"
"โซ่เดาผิดหมดเลยครับ ครั้งนี้มีมหาลัยอื่นเข้ามาร่วมฝึกด้วย และอาจารย์อยากให้นักศึกษาต่างสถาบันจับคู่กัน เพราะวันข้างหน้าเมื่อจบไป พอไปประจำตามโรงพยาบาลก็จะเจอหมอที่จบจากสถาบันอื่นมากมายรวมอยู่ในโรงพยาบาลเดียว อาจารย์เลยอยากให้นักศึกษาลองชินและแลกเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนรู้จากมหาลัยมาแลกเปลี่ยนกันครับ"
"แล้วไทได้คู่กับเพื่อนต่างสถาบันที่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเหรอ"
"ผู้หญิง ชื่อ เรย์"
"แล้วผู้หญิงที่ชื่อ เรย์ คนนั้นสวยไหมคะ"
"อืมม ก็สวยดีนะ"
"แล้วไทชอบเค้าไหม"
"ฮ่า ฮ่า พี่จะชอบเค้าได้ยังไง พี่เพิ่งเจอเค้าครั้งแรก อีกอย่างพี่มีภรรยาแล้ว มีสิทธิ์ชอบผู้หญิงคนอื่นได้ด้วยเหรอ หืมม นี่โซ่กำลังทำตัวเป็นภรรยาขี้หึงอยู่หรือเปล่า"
คำพูดระหว่างฉันกับไทที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นยังก้องอยู่ในหัวฉัน ยิ่งฉันเห็นรูปโปรไฟล์ในแอปพลิเคชันไลน์ที่ดูก็รู้ว่าฉันสู้ไม่ได้เลย ทั้งหน้าตา และการศึกษา ฉันเทียบผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย แล้วถ้าวันหนึ่งไททำงานร่วมกับเขาไปนานๆแล้วเกิดรู้สึกชอบขึ้นมาฉันจะทำยังไง ฉันจะทำใจได้เหรอถ้ารู้ว่าไทไปชอบผู้หญิงคนอื่น ยิ่งคิดมือที่จับโทรศัพท์มือถือของไทอยู่ก็สั่นขึ้นมาจนโทรศัพท์ที่ถือไว้ร่วงลงพื้น
"อ๊ะ!" ฉันอุทานออกมาเบาๆอย่างลืมตัวเมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือของไทร่วงลงพื้นแต่พอนึกได้จึงรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้คนที่นอนกอดฉันไว้ทั้งๆที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาตอนนี้
ในขณะที่ฉันพยายามเอื้อมมือไปหยิบมือถือของไทขึ้นมาวางไว้ที่เดิม เสียงโทรศัพท์ของไทก็ดังขึ้นมาจนฉันตกใจและไทก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์แต่เขายังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเสียทีเดียวทำให้ฉันยังพอมีเวลาหยิบโทรศัพท์ของเขาที่ร่วงตกพื้นขึ้นมาไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
"โซ่ครับ หยิบโทรศัพท์ให้พี่หน่อย" ไทร้องบอกฉันทำให้ฉันรีบหยิบโทรศัพท์วางลงบนมือของเขา
"ฮัลโหล ว่าไง" น้ำเสียงที่ไทพูดตอนรับโทรศัพท์ทำให้ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มโทรเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจและหายกังวลใจไปได้สักพักหนึ่งจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งกลัวและกำลังเสียใจอยู่กับข้อความที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมาคุยกับไท
"ใช่ ฉันอยู่บ้าน"
"แล้วใครไปบ้าง"
"ถ้างั้นพวกแกไปกันก่อนแล้วกัน แล้วฝากยินดีกับมันด้วยนะ วันนี้ฉันอยากอยู่กับโซ่ เมื่อวานก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน แล้วคืนนี้ก็ไม่ได้นอนด้วยกันอีก"
"เอาไว้วันอาทิตย์ได้ ฉันจะได้พาโซ่ไปด้วย ไม่อยากทิ้งให้โซ่อยู่คนเดียว"
"อืมม ตามนั้นนะ บาย"
ฉันมองหน้าไทตลอดระหว่างที่ไทคุยโทรศัพท์อยู่ เมื่อคู่สนทนากำลังจะชวนไทไปไหนสักที่แต่ไม่มีรู้ว่าไปไหนและทำอะไรกัน เพราะฉันไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเพราะไทเอาโทรศัพท์ไปแนบหูอีกฝั่งที่ฉันนั่งพิงอกเขาอยู่
"ไอ้เพิร์ธหนะ มันโทรมาชวนไปทานข้าวเที่ยงก่อนขึ้นวอร์ดที่ร้านไอ้เหนือ" ไทหันหน้ามามองฉันขณะที่ฉันกำลังจะถามอยู่พอดีแต่เขาชิงบอกฉันก่อนทันที
"พี่เหนือเปิดร้านอาหารเหรอคะ" ฉันขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน พี่เหนือชอบทำอาหารจนเปิดร้านอาหารเลยเหรอ
"อืมม วันนี้เปิดวันแรก ไอ้เหนือเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ไว้วันอาทิตย์พี่จะพาไปนะ"
"ค่ะ" ฉันตอบกลับไปอย่างดีใจที่นอกจากหน้าที่หมอของไทแล้ว รองลงมาก็คือความรู้สึกของฉันที่เขาให้ความสำคัญ
จากนั้นไทก็เริ่มดูมือถือโดยเปิดในกล่องข้อความอีเมล และก็เข้าแอปพลิเคชันไลน์ในเวลาต่อมา ในตอนที่เขาเข้าไปดูว่ามีใครไลน์หาเขาบ้าง หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาด้วยความกลัว เขาต้องรู้ว่าฉันแอบเปิดอ่านข้อความในไลน์ของเขาแน่เลย และเขาต้องมองว่าฉันเป็นภรรยางี่เง่าที่ตามเช็คสามี แต่เขากลับไม่พูดอะไรและเอื้อมมืออีกข้างที่กอดฉันอยู่มาพิมพ์ข้อความตอบคนที่ไลน์มาหาโดยเหมือนเขาจงใจจะให้ฉันเห็นข้อความที่เขาพิมพ์ตอบอีกฝ่ายยังไงยังงั้น
Line
Kalin : คงไปถึงโรงพยาบาลสักประมาณบ่ายสองครับ คุณมีอะไรหรือเปล่า
หลังจากที่ไทพิมพ์ตอบกลับไปได้ไม่กี่นาที อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันทีเหมือนกำลังรอข้อความจากสามีของฉันยังไงยังงั้นเลย
Tantawan : ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากจะชวนทานข้าวเที่ยงก่อนขึ้นวอร์ด คือเรย์อยากเลี้ยงข้าวขอบคุณที่หมอลินทร์ไปส่งที่บ้านเมื่อคืนนี้ เลยทำให้หมอลินทร์กลับไปหาภรรยาช้าเลย
Kalin : ไม่เป็นไรครับ เป็นคนอื่นถ้าเห็นคุณยืนคนเดียวตอนดึกแบบนั้นก็ต้องเข้าไปช่วยกันทั้งนั้น ไม่ต้องขอบคุณอะไรผมหรอกครับ
Tantawan : ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
Kalin : ครับ แล้วให้ช่างมาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถหรือยังครับ
Tantawan : เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณพ่อโทรให้ช่างไปทำให้ตอนเช้าแล้วค่ะ
Kalin : ดีแล้วครับ
Tantawan : เรย์ไม่รบกวนเวลาของหมอลินทร์กับภรรยาแล้วค่ะ แล้วเจอกันตอนขึ้นวอร์ดนะคะ
ไทไม่ได้ตอบกลับไปแล้วหันหน้ามาทางฉัน อยู่ๆไทก็โน้มใบหน้าลงมาจูบที่หน้าผากของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว จนฉันรู้สึกตกใจเล็กน้อย ฉันจึงเงยหน้ามองเขาอย่างงงๆกับการกระทำของเขาเมื่อสักครู่นี้
"มีอะไรอยากรู้แล้วทำให้ไม่สบายใจ ถามพี่ได้ทุกเรื่องนะ อย่าลืม เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว สามารถบอกกันได้ทุกเรื่อง พี่ไม่อยากให้โซ่เก็บเรื่องที่ไม่สบายใจไว้คนเดียว"
"ไทก็เหมือนกันนั่นแหละ อะไรที่มันฝืนก็อย่าทำนะ โซ่ไม่อยากให้ไทต้องฝืนทำเพื่อให้โซ่สบายใจ แบบนั้นโซ่ไม่เอา"
"โอเค ดูเหมือนว่าเราสองคนต้องเปิดใจกันมากขึ้นกว่านี้แล้วสิ เอาเป็นว่าต่อไปพี่จะไม่ฝืนตัวเอง แล้วอะไรที่พี่ไม่อยากทำพี่จะบอกโซ่ แต่อะไรที่โซ่ไม่สบายใจต้องบอกพี่ ตามนี้นะครับ"
"ค่ะ ถ้าอะไรที่ไทฝืนใจรีบบอกโซ่เลยนะ หรือถ้าไทชอบใครก็บอกโซ่ได้นะ" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เศร้าขึ้นมาเมื่อพูดตอนท้ายประโยค
"มีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ไม่วันทิ้งโซ่หรอก พี่สัญญาแล้วไง" ไทยังพูดด้วยน้ำเสียงปกติกับฉันพร้อมกับเอามือขึ้นมาโยกศีรษะฉันเบาๆเหมือนทุกครั้งที่เขารู้ว่าฉันคิดมากเขาก็จะทำและพูดแบบนี้กับฉันเสมอ
"ถึงแม้ไทจะชอบคนอื่น ไทก็จะไม่ทิ้งโซ่เหรอคะ" ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความกลัวจนเกิดความเศร้าขึ้นมา
"พี่จะกล้าไปชอบคนอื่นได้ยังไง มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แบบนี้"
"แต่ไทก็ไม่ได้รักโซ่" ประโยคนี้ฉันได้แค่พูดในใจไม่กล้าที่จะเอ่ยมันขึ้นมาให้เขาได้ยิน
แล้วเราสองคนก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก เหมือนกับว่าคำพูดที่เราสองคนเพิ่งเอ่ยกันออกไปมันเหมือนคำพูดแทงใจของเราทั้งสองคน แล้วไทก็ดึงฉันไปกอดปลอบกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ที่ทำให้ฉันเศร้าขึ้นมาอย่างห้ามความรู้สึกไม่ได้ แล้วฉันจึงตัดสินใจเอ่ยพูดขึ้นมาจนเขาจับไหล่ฉันแล้วมองหน้าด้วยความตกใจกับสิ่งที่ฉันพูดออกมาตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาห้าปี
"ถ้าไทรู้สึกกับใครสักคนจนถึงขั้นรัก ไทบอกโซ่ได้นะ โซ่จะเดินออกมาเอง ไม่ให้ไทลำบากใจเป็นอันขาด"