ตอนที่ 9 ทำความรู้จักกัน (แบบจริงๆ)
ผมอยู่ที่ห้อง 908 นี้มาเป็นเวลาเกือบจะ 1 เดือนแล้ว สภาพแวดล้อมภายนอกทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยกเว้นแค่อย่างเดียวที่เปลี่ยนแปลง ก็คือความสัมพันธ์ของคนในห้อง
ตอนนี้ผมกับไอ้ไฟไม่ใช่แค่คนร่วมห้อง หรือศัตรูกันเหมือนปกติ แต่เราเป็นศัตรูที่ปากก็ยังด่ากัน แต่เอวก็โยกหากันไปด้วย
พอความสัมพันธ์มันเปลี่ยนไป ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของเราทั้งสองคนเปลี่ยนไปด้วย จากคนที่ต่างคนต่างอยู่คนละมุมห้อง เดี๋ยวนี้ไฟมันก็มีการถามไถ่ผมมากขึ้น มีซื้อข้าวมาฝาก ซักผ้าเผื่อ แถมยังช่วยผมติวหนังสือวิชาภาษาอังกฤษที่ผมไม่ได้เรื่องซะเลย
จริง ๆ การทำดีต่อกัน มันก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในกฎของเรา มันไม่ใช่ว่าเป็น friends with benefits แล้วจะต้องทำดีต่อกันมากขึ้น ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไอ้ไฟทำเพิ่มมาให้ แต่ผมก็เข้าใจได้ มันคงจะเห็นผมเป็นเพื่อนมนุษย์คงนึง แถมยังเป็นเพื่อนมนุษย์ที่เอากันเป็นประจำอีก เลยอยากจะทำดีด้วยบ้าง อันนี้ผมก็พอเข้าใจ
ในขณะเดียวกัน ผมเองก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน แต่ของผมมันเป็นคนละด้านกับไอ้ไฟ ผมไม่ได้ลุกขึ้นมาทำดีกับมัน ผมยังเป็นผม ที่ปากดีแล้วชอบด่าไอ้ไฟไว้ก่อนเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือเดี๋ยวนี้ผมชอบแอบมองไอ้ไฟมากขึ้น
ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไอ้พฤติกรรมชอบมองคนหล่อเนี่ยผมก็เคยทำบ้าง แต่มันก็ไม่ถึงขั้นเป็นนิสัย แต่พอตั้งแต่ได้กับไอ้ไฟ ผมก็เริ่มชอบทำสิ่งนี้อยู่บ่อย ๆ ผมชอบแอบมองหน้ามัน เวลาเบื่อ ๆ ชอบแอบหันไปมองเวลามันถอดเสื้อ หรือบางทีก็จะชอบเดินผ่านไปใกล้ ๆ มันเวลาทำการบ้านแล้วคิดไม่ออก
ผมก็ไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี่มันคืออะไร ผมอาจจะกำลังหลงจู๋มันอยู่รึเปล่า แม้ผมจะไม่เข้าใจ แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้นัก เราก็ยังเป็น friends with benefits กัน ถ้าผมจะหลงจู๋ หลงเซ็กซ์ของมัน ก็ไม่น่าจะแปลกอะไร มันคงเป็นสิ่งที่ทำได้แหละ ผมว่านะ
“ตั้ง ของมึงอะ”
ระหว่างที่ผมกำลังนึกถึงไอ้ไฟอยู่ จู่ ๆ มันก็โผล่เข้ามาในห้องพอดี ไฟมันไปฟิตเนสของมหา’ ลัยมา แล้วมันก็กลับมาพร้อมกล่องไปรษณีย์สี่กล่องที่น่าจะเป็นของผม เพราะมันยื่นมาให้ผมทั้งหมด
“ของกูหมดเลยเหรอ”
“เออ พักนี้มึงช็อปเก่งนะ”
ผมพยักหน้ารับไป ไม่ได้ตอบโต้อะไร รอจนไอ้ไฟมันออกไปกินข้าวกับพวกเพื่อนมัน ผมจึงเอากล่องไปรษณีย์ทั้งหลายมาแกะ
อีกอย่างนึงที่เปลี่ยนไปนอกจากความหลงใหลที่ผมมีต่อไอ้ไฟ คือรสนิยมการแต่งตัวของผมด้วย เมื่อก่อนผมค่อนข้างเป็นคนขี้หนาว ตอนอยู่ที่ห้องเลยชอบแต่งตัวมิดชิด แต่ตั้งแต่เอากับคนชื่อไฟ ไฟร่านในตัวมันก็ลุกโชน เดี๋ยวนี้ผมติดร้อนตลอดเวลา ต้องนุ่งสั้นตลอดไม่รู้เป็นอะไร
ล่าสุดเสื้อผ้าที่มีอยู่ก็ไม่ค่อยอยากจะใส่ จึงไปสั่งกางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม เสื้อเว้าแขน แล้วก็กางเกงในใหม่ ๆ มาเยอะแยะเต็มไปหมด ดู ๆ แล้วพฤติกรรมผมก็เริ่มเหมือนเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ไอ้ไฟมันชอบมาแก้ผ้า โชว์หุ่นให้ผมมอง ตอนนี้ผมก็ชอบนุ่งน้อยห่มน้อยยั่วไอ้ไฟมันเหมือนกัน
จริง ๆ เดี๋ยวนี้ถ้าผมอยากมีเซ็กซ์ ผมก็สามารถบอกไอ้ไฟตรง ๆ เลยก็ได้ แต่ผมก็ยังไม่ทำ ผมเลือกจะใส่กางเกงในตัวเดียว แล้วเดินไปเฉี่ยว ๆ ให้ไอ้ไฟมันดึงไปฟัดมากกว่า มันจะเหมือนว่าไอ้ไฟเป็นคนเริ่มก่อน แม้ผมจะเป็นฝ่ายยั่วก่อนเองก็เถอะ
แกร๊ก
ไฟมันไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วกลับมาที่ห้องอีกทีตอนสองทุ่มกว่า เป็นเวลาที่ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วก็กำลังยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกพอดี ผมไม่ได้หันไปทักทายอะไรไอ้ไฟมันเท่าไร มันเองก็ไม่ได้ทักทายอะไรผม แค่รีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำบ้าง แต่พอออกมาจากห้องน้ำ แทนที่มันจะไปแต่งตัว ไปเช็ดผมให้เรียบร้อย มากลับเดินพุ่งมาที่เตียงผมแทน
“มีไร”
“เมื่อกี้กางเกงใหม่เหรอ”
ไฟมันถามถึงกางเกงขาสั้นที่ผมยืนใส่ทาครีมอยู่หน้ากระจกเมื่อครู่ มันเป็นกางเกงขาสั้นสีม่วง ผ้านุ่มแล้วเว้าที่ส่วนขาด้านข้าง ที่สำคัญมันกระชับตรงก้นมาก ๆ มองมาก็น่าจะเห็นก้นของผมชัดอยู่เหมือนกัน
“อือ เพิ่งซื้อมาเลยลองใส่ดู”
“มันสั้นมากเลยนะ มันใส่ไปข้างนอกได้เหรอ”
“ก็ใส่แค่ในห้อง ไม่ได้จะใส่ไปไหน”
“ไหน กูขอดูด้วยดิ”
“ไม่เอา”
“นะ ขอดู”
ไฟมันพยายามจะดึงผ้าห่มที่คลุมช่วงล่างผมออก แต่ผมไม่ยอม เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่สักพัก จนสุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมเปิดผ้าห่มออก ทำให้ไฟมันได้รู้ว่าไอ้กางเกงตัวนั้นของผมมันไม่อยู่แล้ว
มันเหลือแค่กางเกงในตัวจิ๋วของผม
“กางเกงมึงหายไปไหนแล้ว”
“เพิ่งซื้อมา เลยจะซักก่อน เมื่อกี้แค่ลองใส่”
ไฟมันนิ่งไปนิด คิ้วหนาขมวดเข้าหากันไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ หน้ามันดูหนักใจนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกวน ๆ เหมือนที่ชอบทำ แล้วจัดการจับขาผมกางออก ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง
“ทำไมเดี๋ยวนี้มึงชอบแก้ผ้า ยั่วกูเหรอ”
“เปล่า กูแค่ร้อน” ผมบอกปัด ๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจที่ไฟมันพูด ทั้ง ๆ ที่ในใจก็คือตั้งใจยั่วจริง ๆ นั่นแหละ
“มึงก็รู้ว่ากูชอบก้นมึง ให้โอกาสไปเปลี่ยนกางเกงดี ๆ ไม่งั้นต่อจากนี้มึงจะได้เหนื่อยทุกคืน”
“แล้วถ้ากูไม่เปลี่ยนล่ะ”
ผมยักคิ้วท้าทาย แถมยังยกเท้าข้างนึงขึ้นวางบนตักของไอ้ไฟ ผมใช้เท้าน้อย ๆ สอดเข้าไปในผ้าขนหนู แล้วลูบไปมาตรงส่วนนั้นของไอ้ไฟ
“ตั้ง อย่าซน เมื่อวานเพิ่งทำไป”
“วันนี้ก็เลยหมดแรงเหรอ ว้า มึงนี่อ่อนกว่าที่กูคิด...อ๊ะ”
ผมยังพูดไม่ทันจบ ไฟมันก็จับขาข้างที่กำลังซนของผมไว้ แล้วยกขาผมขึ้นสองข้าง ร่างกายกำยำขยับเข้ามาตรงหว่างขาของผม แล้วแหวกกางเกงในของผมออก
“แล้วตอนเช้าอย่ามาบ่นว่าเพลียแล้วกัน”
“อึก”
ไฟสอดนิ้วเข้ามาในตัวผมทีเดียวสองนิ้ว ทำผมที่กำลังทำหน้าตาท้าทายมันอยู่ต้องเบิกตากว้างเพราะสัมผัสที่ได้รับ
“เตรียมรับผลของการเป็นคนขี้อ่อยรึยัง”
“เดี๋ยว จะทำเลยเหรอ นี่เพิ่งสองทุ่ม”
“จะรอเหี้ยอะไรล่ะ ตั้งหมดแล้วเนี่ย”
“อ๊า”
แล้วจากนั้นไฟมันก็จัดการลงโทษที่ผมหาเรื่องยั่วมันทุกวี่ทุกวัน แต่ใครจะกลัว ลงโทษกันแบบนี้ผมก็ยิ่งคึกคัก มีแรงยั่วมันต่อน่ะสิ
เล่นผิดคนแล้วไอ้ไฟ
“หิวฉิบหาย”
หลังจากไฟมันจัดการลงโทษผมไปสองรอบ ผมก็ได้นอนพักแล้วตื่นมาอีกทีตอนเที่ยงคืน พอตื่นมาผมก็บ่นหิวจนไฟมันต้องไปต้มมาม่ากระป๋องให้กิน อนาถชีวิตตัวเองเหมือนกันนะ คิดแต่จะเยจนลืมกินข้าว สุดท้ายต้องมากินมาม่าตอนนี้เนี่ย แล้วพุงมันก็จะป่อง
เฮ้อ
“กูก็นึกว่ามึงกินข้าวแล้ว”
“ก็กูแกะกล่องไปรษณีย์จนลืมกินข้าว”
“ไม่ใช่ว่ามัวแต่คิดว่าจะยั่วกูยังไงจนลืมกินข้าวหรอกนะ”
“ไอ้ไฟมึงหลงตัวเองไปละ ใครเขาจะอยากให้มึงเอาขนาดนั้น”
ผมพูดแบบไม่มองตาไอ้ไฟ ถ้าถามว่าใครอยากจะให้มันเอาขนาดนั้นก็ผมเนี่ยแหละ แต่เราก็ต้องมีฟอร์มนิดนึงไง จะให้พูดตรง ๆ มันก็ยังไงอยู่ เลยแสดงออกแทน เอ๊ะ แบบนี้คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ
“มันก็เห็นชัดอยู่นะว่าใคร”
“มึงอยากเอากูเองแล้วมาอ้างเถอะ”
“ก็ไม่ปฏิเสธว่าอยากเอาจริง”
“เหอะ”
ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เวลาเถียงกันแบบนี้ ในขณะที่ผมปฏิเสธหัวชนฝา ไอ้ไฟมันดันชอบยอมรับออกมาง่าย ๆ ซะอย่างนั้น การที่มันยอมรับง่าย ๆ ยิ่งทำให้ผมสู้มันยากยิ่งกว่าตอนมันเถียงกลับซะอีก
ผมนั่งกินมาม่าไป ส่วนไอ้ไฟมันก็นั่งอยู่เป็นเพื่อน แรก ๆ ผมก็กินแบบไม่ได้สนใจมันมากเท่าไร จนมันเริ่มคุยกับผมขึ้นอีกครั้ง
“จะว่าไปตั้งแต่อยู่ห้องนี้มา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่เรานั่งเหมือนคุยกันอยู่ คือปกติเราจะต่างคนต่างทำโน่นนี่ ต่างคนต่างอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เราเหมือนกำลังนั่งคุยกัน อ่อ ไม่นับตอนเอากันนะ”
“อันนี้กูก็ไม่ได้กำลังคุยกับมึงนะ กูกำลังกินมาม่า”
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เราลองมานั่งคุยกันแบบไม่ตีกันดูไหม”
“ไม่อะ” ผมตอบปัด ๆ แต่ไฟมันก็ไม่สนใจคำพูดผม มันลุกขึ้นจากเตียง เอาเก้าอี้มานั่งลงตรงข้างผม
“มึงนึกไงมาเรียนวิศวะซอฟต์แวร์ ไหนตอน ม.หนึ่งมึงพูดหน้าห้องว่าอยากเป็นครู”
ไฟมันเริ่มชวนผมคุยจากเรื่องเรียนของผม ผมก็ไม่คิดว่ามันจะถามเรื่องนี้ เพราะปกติเราก็ไม่เคยคุย หรือถามไถ่กันดี ๆ อยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้แปลกหรอกที่มันจะถาม เพราะเอาจริง ๆ ถึงเราจะรู้จักกันมาหกปีแล้ว แต่เราก็แทบจะเหมือนคนไม่รู้จักกันนั่นแหละ
“โห ก็ครูมันพูดง่ายสุดไหม ตอนนั้นกูยังไม่รู้เลยโปรแกรมเมอร์คืออะไร จู่ ๆ ครูก็ให้ไปพูดหน้าชั้น หันไปเห็นครู ก็เลยตอบอาชีพครูนี่แหละ”
“แล้วทำไมมึงเข้าที่นี่ล่ะ มึงเรียนเก่งจะตาย น่าจะเข้า ม.เดียวกับไอ้กร ไอ้กิตได้เลยนะ”
“มึงอย่าพูดเลย พูดแล้วกูยิ่งเจ็บใจ ตอนสอบแกตกูพลาดอิ๊งไปเยอะเลย แล้วอิ๊งในโอเน็ตกูก็ด้วย เกือบไม่ถึงขั้นต่ำที่คณะกำหนด ได้เรียนที่นี่ก็บุญแล้วไหม”
“แล้วทำไมมึงมาอยู่หอในอะ กูนึกว่ามึงจะอยู่กับเพื่อนมึง”
“กูอยากเอาเงินไปเติมเกม แล้วอยู่หอในมันก็ใกล้ดี แม่กูให้เอามอ’ ไซค์มาใช้ปีสอง ถ้าอยู่หอนอกต้องเปลืองตังค์เรียกวินอีก อยู่หอในสบายสุดแล้ว”
“อ่อ แล้ว...”
“นี่ มึงจะถามอะไรเยอะแยะ ตอนอาจารย์สอบสัมภาษณ์กูเขายังไม่ถามขนาดนี้เลย”
“ก็ กูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลยนี่”
เป็นครั้งแรกที่พอผมบ่น แล้วไอ้ไฟมันไม่กวนตีนกลับ มันทำหน้าสลด เหมือนเศร้านิด ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมเลยจริง ๆ ผมเลยเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการถามมันคืนบ้าง
“แล้วมึงล่ะ ทำไมมาเรียนนี่ แล้วทำไมมาอยู่หอใน”
“ไม่รู้จะเรียนอะไร เลยเรียนตามพี่ชาย เห็นเขาได้เงินเดือนเยอะ แล้วที่มาเรียนที่นี่เพราะคะแนนถึงแค่นี้ ส่วนที่อยู่หอในเพราะอยากรู้ว่าหอในมีผีจริงรึเปล่า”
“ไอ้สัส มึงตบปากเลย หลายรอบละมึงอะ ชอบพูดเรื่องผี ปากไม่สมควรฉิบเป๋ง”
“พูดไม่ได้เหรอวะ”
“ไม่ได้ ตบปากเดี๋ยวนี้”
“อะไรวะ คนไทยแม่งพูดอะไรก็ชอบให้ตบปาก”
ไฟมันบ่นพึมพำ แต่ก็ยอมยกมือขึ้นตบปากตามที่ผมบอก ระหว่างนั้นผมก็เอามาม่าไปทิ้ง แล้วฉีดสเปรย์ปรับอากาศ เตรียมขึ้นเตียงไปนอน แต่ไอ้ไฟมันก็ตามขึ้นมานั่งบนเตียงกับผมด้วย
“อะไรเนี่ย ไปจากเตียงกูเลย”
“ยังถามไม่จบ แล้วน้องผู้หญิงคนนั้นที่มึงคบตอน ม.สามล่ะ ตอนนั้นทำไมถึงเลิกกัน แล้วตอนนั้นยังชอบผู้หญิงเหรอ รู้ตัวตอนไหนว่าชอบผู้ชาย”
“ไฟ เลิกถามได้แล้ว กูจะนอน”
ผมดันหลังไอ้ไฟให้ลุกไปจากเตียงผมแต่มันไม่ยอม พอมันไม่ไปผมเลยเอาผ้าห่มมาคลุมโปงหนีมันแทน ไม่รู้จะสงสัยอะไรเยอะแยะ คนจะหลับจะนอน
“ตอบก่อน ถ้าไม่ตอบกูจะเย็ดมึง”
“กูก็กลัวมากเลยมั้ง”
“งั้นกูจะไม่เย็ดมึงอีก”
“สัสเอ๊ย”
ผมดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน เอาผ้าห่มที่คลุมหัวออก อยากจะท้าทายอยู่ แต่เดี๋ยวมันทำจริงจะเป็นผมที่ลำบากเอง เลยจะยอมถ่างตาอยู่ตอบอีกสักหน่อย
“เลิกกันเพราะน้องเขาไปจีบไอ้ฟิว คงไม่รู้ว่าไอ้ฟิวเป็นเพื่อนในกลุ่มกูมั้ง ฟิวมันก็มาบอก เลยเลิก ส่วนรู้ตัวว่าชอบผู้ชาย เพิ่งมารู้ตอน ม.สี่ที่เริ่มเตะบอล เพิ่งรู้ว่าชอบมองกล้ามผู้ชาย มากกว่านมผู้หญิง”
“ไม่น่าล่ะ ชอบมามองกู”
“มึงไม่ต้องโยงตัวเองทุกอย่างก็ได้ไหม หมดคำถามแล้วใช่ไหม กูจะได้นอน”
“ขออีกข้อ”
“ให้ไวเลย” ผมนอนลงแล้วเอาผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเป็นสัญญาณว่าถ้าจบข้อนี้ผมจะชัตดาวน์ตัวเองทันที แต่คำถามที่ได้ยิน ก็ทำเอาผมตื่นอีกครั้ง ตื่นว่าทำไมมันถึงถามผม แล้วก็ตื่นเพราะอยากรู้ของมันกลับเหมือนกัน
“แล้วตอนนี้มึงคุย ๆ กับใครอยู่รึเปล่า”
“ไม่มี แล้วมึงล่ะ”
ผมตอบแบบไม่ต้องคิด แล้วรีบถามกลับ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงไอ้ไฟมันตอบ เลยโผล่หัวออกจากผ้าห่มขึ้นมาดู แล้วก็พบว่าไฟมันกลับเตียงไปแล้ว แถมยังเตรียมตัวนอนแล้วด้วย
“ไอ้ไฟ ตอบกูมาเลย ทีกูยังตอบมึง”
“มึงตอบแลกกับการที่ให้กูยังเอามึงอยู่ไง ถ้ามึงอยากให้กูตอบ ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“มึงโกงแล้วไฟ มึงตอบมาเลย”
“พรุ่งนี้ตื่นเช้า ๆ แล้วไปกินข้าวเช้ากับกู แล้วกูจะตอบ”
ไฟมันยื่นข้อเสนอ เป็นข้อเสนอที่ไม่ได้ยากเย็น กับการแค่ไปกินข้าวเช้า แต่ประเด็นคือตอนเช้าผมต้องไปกินกับพวกเพื่อน ๆ ผม แล้วถ้าใครมาเห็นว่าผมไปกินข้าวกับไอ้ไฟละ งานงอกแน่
“ไม่มีอย่างอื่นเหรอ กูไปกินข้าวกับมึงไม่ได้หรอก”
“งั้นก็อดได้คำตอบไป”
“ไอ้ไฟ!”
“ไว้อยากรู้มาก ๆ เมื่อไรไปกินข้าวกับกู กูจะยอมตอบ ทุกอย่าง”
“แม่ง”
สุดท้ายผมก็ต่อรองอะไรไม่ได้
ไอ้ไฟมันโคตรจะขี้โกงเลย แล้วแบบนี้ผมจะนอนหลับลงไหมเนี่ย ถึงผมจะว่าที่มันมาเผือกเรื่องของผม แต่พอเป็นเรื่องนี้ ผมก็จะอยากจะเผือกเรื่องของมันเหมือนกันนั่นแหละ เฮ้อ
------------------------------------------
เราดีไซน์นายเอกเรื่องนี้ให้เป็นคนแซ่บ ๆ แต่ก็ไม่ได้แซ่บถึงขั้นเป็นนางพญาสวยเริดขนาดนั้น อยากให้น้องมีความเป็นมนุษย์ปกติให้ได้มากที่สุด เป็นคนชอบเซ็กซ์ หวีดผู้ อยากมีมาดแต่ไม่มีเลยสักนิด หวังว่าน้องจะเป็นคนที่จับต้องได้ และมีมุมน่ารักบ้างในสายตาคนอ่านนะคะ
มีคนทักมาว่ากลัวดราม่า fwb กันเยอะเลย ไม่ต้องกลัวนะทุกคน อัญมณีสีน้ำเงินไม่ถนัดดราม่า หรือถ้าจะมีก็กรุบกริบเป็นดราม่าแบบยังยิ้มได้ ไม่ต้องกังวลนะคะ อ่านนิยายเราจอยไปเลยทุกเรื่อง อย่าไปกลัวค่ะ เย่