ตอนที่ 5 ไม่อยากสักนิด
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผมโป๊ะแตกไป ชีวิตวันหยุดที่ควรสงบสุขของผมก็เปลี่ยนไป
จากที่ผมเคยคิดว่าผมกับไอ้ไฟจะใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ก็กลายว่าไอ้ไฟมันชอบมายุ่งกับผมมากขึ้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ยุ่งแค่ทางคำพูด ไม่ใช่แค่การชอบมาถามไถ่ว่าจะไปไหน ทำอะไร แต่มันเริ่มรุกรานชีวิตผมทางการกระทำมากขึ้นด้วย
เดี๋ยวนี้เวลาผมหยิบของ มันจะชอบเสนอหน้ามาช่วย เวลาผมนั่งเล่นเกม มันก็จะชอบมานั่งใกล้ ๆ เวลาผมกินข้าว มันก็จะมานั่งกินด้วย แถมยังชอบทำหน้าตาทะเล้นใส่ ทำให้ผมยิ่งมีน้ำโหกับมันมากยิ่งขึ้น
แล้วนอกจากมันจะรบกวนผมทางการกระทำแล้ว อีกอย่างคือมันชอบรบกวนผมทางสายตาด้วย
“แม่ง”
พูดยังไม่ทันจบ ไอ้ไฟมันก็มารบกวนผมอีกแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเช้า ๆ ของวันอาทิตย์ ผมกำลังนั่งชิลอยู่ที่โซฟา ระหว่างนั้นไอ้ไฟมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ปัญหาคือมันดันไม่แต่งตัวในห้องน้ำให้เรียบร้อยเหมือนปกติ แต่ดันออกมาด้วยผ้าขนหนูพันส่วนล่างมาเท่านั้น
แล้วผมมันก็ดันเป็นพวกแพ้ซิกซ์แพ็ก พอเห็นแวบ ๆ ก็อดใจให้หันไปมองไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำตัวโจ่งแจ้งหรอกนะ เวลามันมองมาผมก็หันหน้าหนีตลอด
“แอบมองเหรอ” อะไรวะ ไม่เนียนเหรอ
“หลงตัวเองฉิบหาย”
“หึ”
ไอ้ไฟยิ้มชอบใจ ก่อนจะปลดผ้าขนหนูที่พันช่วงล่างออก แล้วเดินโทง ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า จนอะไรต่อมิอะไรที่แสนใหญ่โตของมันได้ออกมาท่องโลกกว้าง แล้วเสนอหน้าให้ผมเห็น
“ไอ้ทุเรศ ทำไมไม่แต่งตัวข้างในวะ”
“นี่ก็แต่งในห้องแล้วนะ”
“มึงควรแต่งในห้องน้ำ ไม่ใช่แค่ในห้องนอน เห็นไหมว่ากูนั่งอยู่”
“เห็น แต่ไม่อาย มึงเห็นหมดแล้วนี่ จับก็จับมาแล้ว ไม่ใช่แค่จับด้วย ดูดยังเคย”
“ไอ้เหี้ยไฟ”
ผมไม่รู้จะด่าอะไรมันต่อ จึงเดินกระฟัดกระเฟียดหนีออกจากห้องไป
อันที่จริงผมก็ไม่ได้อายที่ต้องเห็นจู๋มันหรอกนะ แต่ประเด็นคือการเห็นจู๋มันแบบนั้น มันยิ่งทำให้ผมคิดไม่ดีไง ของมันเคย ๆ ดูดมาก่อน แล้วมันดันเป็นแบบที่ชอบอีก จะมาเดินแกว่งไปแกว่งมาโชว์แบบนั้น เคยนึกถึงจิตใจคนดูบ้างไหมวะ
ผมหนีจากที่ที่มันรบกวนจิตใจลงมานั่งรอผ้าที่เครื่องซักผ้าแทน ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะขึ้นห้อง แต่พอขึ้นมา ก็พบว่าสภาพไอ้ไฟมันก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเลย มันยังถอดเสื้ออยู่ ส่วนข้างล่างมันก็ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวบาง ๆ ที่ยกขานิดเดียวก็เห็นไปถึงไหนต่อไป
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าวะ”
“ร้อน”
“เปิดแอร์ดิ”
“อยากโชว์”
“สัส”
พอมันพูดมาแบบนั้นผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยได้แต่กัดฟันเดินไปที่ระเบียงเพื่อตากผ้าแก้เซ็ง
สองวันมานี้ผมโดนไอ้ไฟมันแกล้งอ่อย อ่า ผมต้องใช้คำนี้แหละ มันแกล้งอ่อยผมเยอะมาก ทั้งชอบมาแก้ผ้าโชว์ แล้วผมก็ดันชอบหุ่นมัน ชอบเอาตัวมาใกล้ ๆ แล้วผมก็ดันชอบกลิ่นมัน แถมเดี๋ยวนี้ยังมาชอบพูดจาทะลึ่ง ๆ ใส่ แต่แทนที่ผมจะโกรธ ผมดันเขินนิด ๆ ปนชอบอีกไง
มองไปทางไหนผมก็แพ้มันทุกทาง
ผมกำลังตากผ้าไป ด่าไอ้ไฟในใจไป ส่วนมันก็ทำเหมือนกับอยู่ในใจผม เหมือนได้ยินว่าผมด่า เพราะยังไม่ทันจะด่าจบ มันก็มายืนชิดอยู่ด้านหลังผม ตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะเอาอะไรมาตาก พอผมจะเบี่ยงตัวหลบ มันก็จับเอวของผมไว้
“ให้กูช่วยตากปะ”
“ไม่ต้อง”
“กูช่วยดีกว่า”
ไอ้ไฟเอื้อมมือมาช่วยผมตากผ้า แต่ตากของมันไม่ใช่การมายืนข้าง ๆ ผมแล้วช่วยผมตากดี ๆ แต่มันมายืนซ้อนหลังผม จนอกแน่น ๆ ของมันแนบชิดกับแผ่นหลังผม มือหนาข้างนึงก็มาวางบนเอวผม ส่วนอีกข้างก็ทำเหมือนจะช่วยจับ ๆ ไม้แขวนเสื้อ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะจับเท่าไรนักหรอก
“มึงช่วยแบบนี้มันยิ่งเกะกะ” ผมบอกเสียงเหวี่ยงแล้วจับมือข้างที่จับไม้แขวนเสื้อของผมออก ไอ้ไฟมันเลยเอามือข้างนั้นไปวางที่เอวผมอีก
“แบบนี้คงไม่เกะกะแล้วเนอะ”
“มันก็เกะกะอยู่ดี...เอ่อ”
ผมทนความรำคาญไม่ไหว พลิกตัวกลับไปหมายจะบ่นที่ไอ้ไฟมันทำตัวน่ารำคาญ แต่กลายเป็นว่าพอหันหน้าเข้าหา ก็ยิ่งทำให้หน้าของมันเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมมากยิ่งขึ้น แล้วไอ้ไฟมันก็เป็นคนที่ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งหล่อซะเหลือเกิน
มันหล่อจนใจผมมันเต้นรัวไปหมดแล้วเนี่ย
“มึงขยับออกไปหน่อยดิ”
“ไม่ขยับ”
พูดจบมือหนาก็ดึงเอวผมเข้าไปประชิดตัว ร่างกายเราทั้งสองคนทาบทับกันจนแทบรวมเป็นหนึ่งเดียว นี่มันเป็นความใกล้ชิดระดับที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูเลย
“ตั้งแต่ไอ้เจมส์สั่งให้กลุ่มมึงเกลียดกลุ่มกู กูก็ไม่ได้เห็นหน้ามึงชัด ๆ แบบนี้มานานแล้วนะ”
“แล้วมึงยุ่งอะไรกับหน้า...”
“มึงยังดูเหมือนวันแรกที่เข้า ม.หนึ่งเลยนะ”
“…”
“ตอนนั้นหน้าเหมือนหมาน้อยยังไง ตอนนี้ก็หน้าเหมือนหมาน้อยอย่างนั้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“ไอ้เชี่ยไฟ”
ผลัก
ผมผลักร่างใหญ่ ๆ ของมันออก แล้วเดินหนีขึ้นเตียงด้วยความโมโห ดูความกวนตีนของมันแล้วกัน ผมละคิดผิดจริง ๆ ที่คิดว่ามันดูนิ่ง สงบ และน่าจะพออยู่ร่วมห้องได้ที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่ความจริงมันนี่แหละ ไอ้ขี้กวนตีนตัวพ่อ
“ไม่ตากแล้วเหรอผ้า”
“ไม่”
“เดี๋ยวมันอับนะ”
“ช่างแม่ง”
ผมตัดบทแล้วเอาผ้าห่มมาคุมโปงนอนซะเลย ไม่อยากจะเถียงกับไอ้ไฟแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะมัน
ผมคลุมโปงอยู่อย่างนั้นจนเริ่มร้อน จึงค่อย ๆ โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม พบว่าตอนนี้ไอ้ไฟมันกำลังตากเสื้อผ้าให้ผม ความรู้สึกแรกเลยผมอยากจะลุกขึ้นไปแย่งผ้าจากมือมัน แล้วบอกว่าอย่ามายุ่ง แต่คิดไปคิดมา แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กวนดีนัก ใช้งานมันซะเลย
แต่ถึงผมจะถือว่านี่เป็นการได้ใช้งานไอ้ไฟ ผมก็ยังไม่โล่งใจ กลัวมันทำอะไรแปลก ๆ กับเสื้อผ้าผม ผมเลยนอนมองมันตากผ้าไปด้วย
ตอนแรก ๆ ตาผมก็โฟกัสอยู่ที่มือของไอ้ไฟ แต่สักพัก มันก็เลื่อนมาโฟกัสที่แผ่นหลังของไอ้ไฟแทน ไอ้ไฟมันตัวสูง ไหล่ก็กว้าง แถมร่างกายมันยังเต็มไปด้วยกล้ามให้ดูน่ามองยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้เราก็รู้จักกันมานาน ผมเองก็เคยเห็นมันถอดเสื้อตอนที่เราเตะบอลแข่งกัน แต่ไม่เคยรู้สึกพิศวาสอะไรมันเลย แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ดูเหมือนอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป จากเฉย ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงมองว่ามันดูดีขนาดนี้ก็ไม่รู้
ผมนอนมองร่างกายทรงเสน่ห์ของไอ้ไฟเคลื่อนไหวไปมาอยู่นาน จนตอนนี้รู้สึกร่างกายมันรุ่มร้อนแปลก ๆ ไหนจะบวกกับการที่ช่วงนี้มันชอบมาสัมผัสกับร่างกายของผมบ่อย ไหนจะมีเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น กับเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอีก หลาย ๆ สัมผัสที่ได้รับ หลาย ๆ ภาพที่ผ่านเข้ามาในหัวมันทำให้จิตใจของผมยิ่งว้าวุ่น จนสุดท้ายอะไร ๆ ที่เคยสงบของผม มันก็ไม่ค่อยจะสงบอีกต่อไป
ผมอยากจะด่าตัวเองดัง ๆ ที่ดันมองหุ่นคนที่เกลียดจนมีอารมณ์ขึ้นมาแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา สิ่งที่ผมควรจะจัดการตอนนี้คือไอ้ตรงกลางของผมเนี่ย
ผมเริ่มจะกระดึบ ๆ ไปที่ข้างเตียง แล้วกำลังจะลงจากเตียงเพื่อวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ไอ้ไฟมันก็หันกลับมาหาผมก่อน
“ตากเสร็จแล้วนะ”
“เออ”
ผมกลับมานอนตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงอีกครั้ง คราวนี้ไอ้ไฟมันกลับเข้าห้องแล้ว ถ้าผมเดินโทง ๆ ไปที่ห้องน้ำ มันต้องเห็นแน่ ๆ ว่าอะไร ๆ ของผมมันตั้งไปหมดแล้ว แล้วมันก็อาจจะเดาออกว่ามันตั้งเพราะอะไร ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันต้องไม่ดีแน่ ๆ ผมจึงพยายามฮึบอยู่เตียง รอจนไอ้ไฟมันทำอะไรต่อมิอะไรของมันเสร็จ แล้วกำลังจะเดินออกจากห้อง
“ไปไหนอะ กลับตอนไหน” ผมถามเพื่อเช็กก่อน จะได้ทำอะไร ๆ ได้สะดวก
“เย็นเลย”
“เออ งั้นฝากล็อกประตูด้วย กูขี้เกียจลุกไปล็อก”
“เออ”
ไอ้ไฟตอบรับ ก่อนจะออกจากห้องไป ทีนี้ก็ถึงเวลาของผมสักที
ผมค่อย ๆ เปิดผ้าห่มออก แล้วถอดกางเกงออกตาม วันนี้ผมจะทำที่เตียงที่แหละ ไม่ไปห้องน้ำแล้ว เพราะเวลาไปห้องน้ำ ผมจะทำแต่ด้านหน้ามากกว่า เพราะมันไม่ค่อยถนัด ไหน ๆ วันนี้อารมณ์ก็กำลังพุ่งแรง แล้วผมก็มีโอกาสแล้ว ผมเลยจะทำในแบบที่ผมชอบบ้าง
ผมหยิบตัวช่วยที่ผมเก็บไว้ในเก๊ะหัวเตียง แล้วล็อกเป็นอย่างดีขึ้นมา มันคือดิลโดคู่ใจของผม ผมมองมันด้วยสายตาเยิ้ม ๆ จินตนาการว่ามันคือของจริงของใครสักคน ก่อนจะแลบลิ้นเลียเบา ๆ
“อื้อ”
ลิ้นร้อนตวัดขึ้นตามความยาวของเจ้าดิลโด เนื้อสัมผัสของมันคล้ายของจริงมาก แต่มันก็ไม่ได้ลื่นเท่าผิวจริง แต่ ณ เวลาแบบนี้ มันก็ถือว่าช่วยผมไว้ได้มาก
ผมดูดเลียเจ้าดิลโดที่รัก ก่อนจะค่อย ๆ ดันนิ้วเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังของตนเอง ผมชอบเป็นฝ่ายรับ เคยรุกมาบ้างครั้งสองครั้ง แต่พบว่าไม่ค่อยเสียวเลย เลยไม่ค่อยเสร็จเลย ต่างกับตอนที่โดนกระตุ้นจากด้านหลัง มันสามารถทำให้ผมเสร็จโดยที่ไม่ได้รูดแก่นกายไปด้วยเลยด้วยซ้ำ
ผมดูดดิลโดไป เล่นกับตัวเองไปสักระยะจนรู้สึกว่าพร้อมแล้ว จึงเปลี่ยนท่าเป็นคลานเข่า โก่งก้นขึ้น แล้วนำดิลโดไปถู ๆ ที่ก้นตัวเอง
ปกติเวลาผมทำแบบนี้ ผมจะจินตนาการว่ามันเป็นของใครสักคน ที่ไม่ได้มีอยู่จริง เพราะผมไม่รู้จะนึกถึงใครเป็นพิเศษ แต่วันนี้สมองผมมันดันมีภาพภาพนึงเข้ามาในหัว เป็นภาพใบหน้าหล่อเหลาแนวลูกครึ่งของไอ้ไฟ กับภาพแก่นกายอันโตของมัน
“อ๊า”
แค่นึกถึงภาพนั้นผมก็ทนไม่ไหว มือบางจับดิลโดกดเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังแบบทีเดียวแทบมิดด้าม ความเสียวแล่นไปทั่วร่างกาย จากภาพในมโนที่เห็นแค่หน้า แค่ส่วนนั้นของไอ้ไฟ กลายเป็นตอนนี้ผมกำลังนึกภาพไอ้ไฟเป็นคนสอดใส่เข้ามาในช่องทางด้านหลังของผมอยู่
มันบ้ามาก แต่ผมหยุดไม่ได้แล้ว
ผมขยับดิลโดที่ช่องทางด้านหลังช้า ๆ ขยับไป มือก็จิกที่นอนไปด้วย ระหว่างนั้นเองผมได้ยินเสียงอะไรก๊อกแก๊กก็ไม่รู้ แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะหันไปมอง ผมยังขยับมือต่อไป
“อ๊ะ อื้อ”
ดิลโดคู่ใจยังคงขยับเข้าออกร่างกายผม ขณะเดียวกันสมองผมก็ยังนึกภาพว่าตัวเองกำลังโดนไอ้ไฟกระแทกกระทั้นเข้ามา ยิ่งภาพในหัวมันรุนแรงขึ้น มือผมก็ยิ่งขยับเร็วขึ้นจนผมกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหว หลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
“อ๊า ไฟ”
ผมขยับมือรัว ๆ ยิ่งกว่าเดิมทันทีที่ปากได้เอ่ยชื่อของไอ้ไฟออกไป ตอนนี้อารมณ์ผมกำลังพุ่งถึงขีดสุด แต่จู่ ๆ ทุกอย่างก็หยุดลงกลางคัน เมื่อมีคนมาหยุดมือผมไว้
“อะไรวะ...เชี่ย” ผมหันไปมองด้านหลังด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะพบว่าคนที่ดึงมือผมออก มันคือคนที่ผมเพิ่งเอ่ยเรียกชื่อไปเมื่อกี้ แต่ก็ยังไม่ทันประมวลผลอะไรได้ ยังไม่ทันหายตกใจด้วยซ้ำ ไอ้ไฟมันก็ใช้มือจับที่ปลายดิลโดของผม แล้วดันมันเข้ามาจนสุด
“อ๊า”
“ทำเองถนัดเหรอ ให้กูช่วยดีกว่า”
“อ๊ะ อ๊า เดี๋ยว”
ไอ้ไฟจับดิลโดอันโตกระแทกเข้ามาในร่างกายผมแบบรัว ๆ มันเร็วยิ่งกว่าที่ผมทำเองเป็นสิบ ๆ เท่า แถมยังลึกมาก ๆ
ผมที่กำลังตกใจในตอนแรกเริ่มสติหายอีกครั้ง ใบหน้าของผมฟุบลงไปกับหมอนแล้วจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น นี่มันเสียวกว่าทุกครั้งที่ผมเคยทำ เสียวจนตอนนี้ผมเริ่มครางไม่เป็นภาษาแล้ว
“อื้อ อ๊ะ อ๊า ไฟ เบาหน่อย”
“ตอดรัว ๆ ขนาดนี้คงเบาไม่ได้แล้วแหละ”
ยิ่งเห็นว่าผมตอดรับดิลโดนั่นได้ดี ไฟมันก็ยิ่งเพิ่มจังหวะมากขึ้นเป็นเท่าตัว ความเสียวที่ได้รับมันมากมายจนผมคุมตัวเองไม่อยู่ ผมแอ่นก้นเข้าหาไอ้ไฟมากขึ้น ขณะที่ปากก็เอ่ยเรียกชื่อของมันไม่หยุด ยิ่งได้ยิน ไฟมันยิ่งทำให้ผมรัวมากขึ้น จนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมด ในขณะที่ปากก็ยังเอ่ยชื่อมันไม่หยุด
“จะเสร็จ อ๊า ไฟ”
ผมทิ้งตัวนอนฟุบลงกับหมอน ขณะที่ก้นยังโก่งอยู่แบบนั้น
ไฟมันค่อย ๆ ดึงดิลโดออกจากก้นของผม แต่ก็ยังไม่วายลูบที่ปากทางสีหวานของผม แล้วก้มลงมากระซิบข้างหูผมว่า
“รูสวยจัง”
“สัส”
แม้เรี่ยวแรงผมจะหมดแล้ว แต่ปากก็ยังพ่นคำด่าออกมาแบบเบา ๆ ได้ ผมได้ยินเสียงไฟมันหัวเราะ ก่อนที่มันจะไปเอาทิชชูมาเช็ดน้ำให้ผม แล้วมานั่งลงบนเตียงผม แต่มันไม่นั่งเฉย มือมันยังจับก้นผม แล้วบีบเล่นเบา ๆ
“ก้นมึงใหญ่นะ”
“อย่ายุ่ง”
“แต่รูเล็กนิดเดียว”
“ไอ้เหี้ย”
“แบบนี้ถ้าใส่ของกูจะเข้าหมดไหมวะ”
“ไอ้...”
แทนที่ผมจะด่าออกมา ผมกลับจิกหมอนแน่นแล้วเผลอขมิบช่องทางด้านหลังเบา ๆ เพราะคำพูดเมื่อกี้มันทำให้ร่างกายของผมเสียววูบไปหมด แล้วจากท่าที่เป็นอยู่ ผมเดาว่าไอ้ไฟมันก็น่าจะเห็น ตอนที่ช่องทางด้านหลังของผมขมิบด้วย
“เมื่อกี้เรียกชื่อกูลั่นเลยนะ มีอารมณ์เพราะกูเหรอ”
“…” ผมไม่ตอบ แต่ก็ไม่ยอมขยับก้นหนี ยังปล่อยให้ไอ้ไฟบีบอยู่อย่างนั้น
“ถ้าอยากทำไมไม่บอก กูทำให้มากกว่าเมื่อกี้ก็ได้นะ”
ไฟมันค่อย ๆ ดันนิ้วเข้าไปในช่องทางสีหวานของผม ทำเอาร่างกายผมมันร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่าเราไม่ชอบกัน ตอนนี้ผมจะผลักมันนอนลงกับเตียง แล้วขึ้นให้มันซะเดี๋ยวนี้ แต่ศักดิ์ศรีมันก็ค้ำคอ ถึงจะมาขนาดนี้แล้วก็เถอะ
“ตั้ง” นิ้วใหญ่ ๆ ของไอ้ไฟ ขยับเข้าออกช่องทางด้านหลังของผม ก่อนที่มันจะขยับตัวมาทาบทับผม จนปากของมันอยู่ชิดกับหูของผม
“…”
“ขอเอาได้ปะ”
“ดะ....” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก คำถามนั้นทำเอาสมองผมมันแบลงก์ ทันทีที่ได้ยิน จิตสำนึกของผมก็สั่งให้ผมตอบตกลงไปทันที ก่อนสติอันน้อยนิดของผมจะสั่งการให้ทำสิ่งที่ควรทำ ซึ่งมันก็คือการบอกปฏิเสธออกไป
“ไม่ได้”
“ตั้ง”
“กูไม่ให้เอา กูไม่ได้อยากโดนมึงเอา”
“…”
“ไม่อยากสักนิด อึก”
----------------------------------------------------------------
น้องพยายามใจแข็งสุดๆแล้ว น้องไหวแค่นี้จริงๆ ฮืออออ
#908ห้องแห่งความลับ