ตอนที่ 3 ข้อแลกเปลี่ยน
ตั้งแต่คืนนั้นที่ผมเผลอทำอะไรบ้า ๆ ไป นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว ผมเริ่มทำตัวปกติได้มากขึ้น ไม่ได้นั่งระแวงทุกครั้งที่ไอ้ไฟมองมาด้วยสายตาสงสัยแล้ว แต่ถึงผมจะทำตัวปกติยังไง เหตุการณ์มันก็ไม่ได้กลับมาเป็นปกติขนาดนั้น ซึ่งคนที่ทำให้ระหว่างเรามันไม่ปกติก็คือไอ้ไฟนี่แหละ
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรของมัน มันจะชอบมายุ่งกับเรื่องของผม เช่นเวลาผมจะออกไปไหนมันก็จะถาม บางทีก็อาสาจะไปส่งแต่ผมไม่เคยให้ไป บางทีผมนั่งเล่นอยู่ในห้อง มันก็จะชอบทำเป็นถามโน่นนั่นนี่ แล้วยังซื้อขนมมาฝากผมอีก
“เป็นอะไรวะ หน้าตาดูเครียด”
ดูเอาแล้วกัน ยังพูดไม่ทันขาดคำมันก็มายุ่งอีกแล้ว
“ไม่ต้องยุ่ง” ผมตอบปัด ๆ เหมือนทุกครั้ง แล้วหันกลับมาโฟกัสที่ปัญหาชีวิตอันใหญ่หลวงของตนเองตอนนี้แทน
ตอนนี้ผมกำลังเครียดกับเรื่องเรียนของผมอยู่ ผมเป็นคนที่มีการเรียนอยู่ในระดับดี ตอนมัธยมผมก็ได้เกรดสี่เกือบทุกวิชา ยกเว้นอยู่วิชาเดียวที่เป็นจุดบอดในชีวิตผม ก็คือ วิชาภาษาอังกฤษ ผมเคยเกือบได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์ในหลาย ๆ เทอม แต่ก็ต้องมาตกม้าตายเพราะภาษาอังกฤษเนี่ยแหละ และตอนนี้ภาษาอังกฤษมันก็ตามมาหลอกหลอนผมในชีวิตมหา’ ลัยด้วย
เทอมนี้ผมต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อวิชาการ วิชานี้จะเน้นการเขียนซะเยอะ มีงานเก็บคะแนนที่ต้องเขียนเป็นเรียงความภาษาอังกฤษถึงหกชิ้นด้วยกัน ซึ่งที่ผมกำลังเจออยู่มันคือชิ้นแรก แต่แค่ชิ้นแรกผมก็จะตายแล้ว
งานดังกล่าวคือผมต้องเขียนเรียงความภาษาอังกฤษเรื่องสภาพสังคมไทย แล้วต้องส่งให้อาจารย์ด้วยดราฟต์หนึ่งรอบ อาจารย์ก็จะเขียนแก้มาให้ แล้วก็ต้องแก้เป็นฉบับจริงส่งในวันรุ่งขึ้น มาถึงขั้นตอนนี้ สำหรับคนอื่นมันก็คงง่าย เพราะแค่แก้จากที่อาจารย์เขียนเมนต์ให้ แต่ของผมเนี่ยสิ โดนอาจารย์คอมเมนต์มาว่าให้เรียบเรียงใหม่หมด เพราะแปลมาจากกูเกิลทรานสเลตทั้งแผง ปกติตอนมัธยมผมใช้วิธีนี้แล้วรอด แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้ว
ผมนั่งเครียดว่าควรทำยังไงต่อดี วิชาภาษาอังกฤษของผมมันย่ำแย่เกินไป ปกติยังพอรอดมาได้เพราะมีไอ้กร กับไอ้กิตช่วย แต่พอมาเรียนที่นี่มีแค่ไอ้ฟิวที่อยู่คนละคณะ กับไอ้เจมส์ที่น่าจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเครียดอยู่ หูผมมันก็เผลอไปได้ยินไอ้ไฟมันคุยกับพ่อชาวอเมริกันของมันเป็นภาษาอังกฤษ หรือรอบนี้ผมควรจะใช้รูมเมตลูกครึ่งของผมให้เป็นประโยชน์นะ
แต่นั่นมันก็คนที่ผมเกลียดนะ เอาไงดี
“มองทำไมวะ กูคุยกับพ่อเสียงดังเหรอ”
“เปล่า คือ...”
ผมชั่งใจว่าควรขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ชอบขี้หน้าแบบไอ้ไฟรึเปล่า แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวของผมตอนนี้แล้ว
“ว่า?”
“มึงช่วยดูเรียงความภาษาอังกฤษให้กูหน่อยได้ปะ จะให้กูทำอะไรก็...”
“เอามาดิ”
ผมยังพูดไม่ทันจบ ไอ้ไฟก็ตอบตกลงแบบง่าย ๆ จนผมยังงง ตอนแรกผมคิดว่ามันจะยากกว่านี้ คิดว่ามันอาจจะด่าว่าผมโง่ หรือปฏิเสธที่จะช่วยผมด้วยซ้ำ แต่มันกลับตอบตกลงแบบง่าย ๆ
“มึงช่วยจริงใช่ปะ”
“เออ แต่อาจจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยนะ”
“ได้ ขอแค่งานกูเสร็จในคืนนี้พอ”
ผมตอบรับไปแบบไม่ต้องคิด เรามันเป็นคนเกลียดกัน ข้อแลกเปลี่ยนของมันก็คงไม่พ้นใช้งานผม ให้ผมเป็นเบ๊ หรืออาจจะให้ผมทำเรื่องน่าอาย ซึ่งบอกเลยว่าผมยอมทำ ขอแค่การบ้านของผมเสร็จก็พอ
สรุปว่าเมื่อคืนไอ้ไฟมันก็ช่วยผมทำงานจริง ๆ มันช่วยแปลจากภาษาไทยที่ผมร่างเป็นภาษาอังกฤษให้ แถมยังสอนว่าทำไมตรงนี้ต้องแปลแบบนี้ แล้วก็ยังจดคำศัพท์พร้อมคำแปลให้ผม แถมยังบอกอีกว่าวิชานี้มาให้มันช่วยทั้งเทอมก็ได้ ซึ่งตอนนั้นผมก็ตอบตกลงทันที เพราะอยากมีโมเมนต์ได้เกรดวิชาภาษาอังกฤษดี ๆ บ้าง
แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งไอ้ไฟมันทำดีก็ยิ่งน่าสงสัย ว่ามันต้องการอะไรแลกเปลี่ยนกันแน่
ผมเลิกเรียนเวลาบ่ายสองนิด ๆ จากนั้นก็มีไปทำการบ้านกับเพื่อนต่อนิดหน่อย แล้วกินข้าวเย็นกันก่อนจะกลับมาที่หอ แล้วพบว่าวันนี้ไอ้ไฟมันยังอยู่ที่หอ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกผมก็คิดว่ามันอาจจะกลับบ้านไปแล้วเพราะนี่เป็นเย็นวันศุกร์
“เป็นไง งานผ่านไหม”
นี่เป็นคำแรกที่ไอ้ไฟมันทักผมทันทีที่ผมเข้าห้องมา อย่างที่บอกว่าเดี๋ยวนี้มันชอบมายุ่งวุ่นวายกับผมมากขึ้น แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ตอบมันว่าเสือกเหมือนทุกครั้ง เพราะครั้งนี้มันช่วยงานผม
“เออ ขอบใจ” ผมกล่าวขอบคุณแล้วกำลังจะเดินไปอาบน้ำ แต่ไอ้ไฟมันก็เรียกผมไว้ก่อน
“ตั้ง”
“ไร”
“แล้วของตอบแทนกูอะ”
ไอ้ไฟมันรีบทวงของตอบแทน ผมคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่ามันต้องทำดีหวังอะไรสักอย่าง แต่เอาเถอะ แลกกับการที่มันช่วยให้ผมรอดในวิชาภาษาอังกฤษเพื่อวิชาการอะไรนี่ไปได้ผมก็พอใจแล้ว
“แล้วมึงจะเอาอะไร”
“เดี๋ยวมึงอาบน้ำเสร็จแล้วกูบอก”
“เออ”
ผมใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าไอ้ไฟมันนั่งรออยู่บนเตียง แล้วมองมาทางผม ผมเองก็ทำเป็นไม่สนใจ กะจะเดินไปแต่งตัวก่อนค่อยมาคุยกัน แต่ยังไม่ทันเดิน ไอ้ไฟมันก็เรียกผมไว้ก่อน
“ไม่ต้องใส่หรอก มานี่ก่อน”
“ไรมึง”
ผมเปลี่ยนเส้นทางจากตู้เสื้อผ้ามาเป็นเตียงของไอ้ไฟแทน หน้าตาผมตอนนี้เอาเรื่องมาก ๆ ผมทำตาเขียวแล้วมองมันประมาณว่ามึงมีไรก็พูดมา ก่อนกูจะหมดความอดทน ไอ้ไฟมันเห็นแบบนั้นเลยยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับขาใหญ่ ๆ ทั้งสองข้างนั่นออกจากกัน แล้วเลื่อนสายตาไปมองที่ส่วนล่างของตนเอง สลับกับใบหน้าของผม
“ทำให้หน่อยดิ”
“ทำอะไร”
ผมตอบกลับแบบอึ้ง ๆ จริง ๆ ดูจากการที่มันกางขาออกนิด ๆ แล้วมองแบบนั้นก็พอจะเดาออกว่ามันหมายถึงอะไร แต่นี่ผมไง คนที่มันเกลียด มันจะมาบอกให้ผมทำอะไรอย่างนั้นให้น่ะเหรอ ไม่น่าจะใช่หรอก บางทีมันอาจจะสื่อสารผิด หรือไม่มันก็แกล้งผมนั่นแหละ
“ดูดให้หน่อย”
“ดูดเชี่ยไร ไม่ตลก เอาดี ๆ จะให้กูทำอะไร”
“ดูดให้กูไง กูพูดไม่ชัดตรงไหน คนไทยรึเปล่าเนี่ย”
“ไอ้ไฟ อย่ามากวนกูนะ” ผมเริ่มโวยวาย แต่ยิ่งผมโวยวายไฟมันยิ่งยิ้ม แบบนี้ก็ชัดเลยว่ามันต้องแกล้งผมแน่ ๆ
“ไม่ได้กวน กูพูดจริง จะผิดคำพูดรึไง”
“มึงบ้ารึไงจะให้กูมาดูดให้เนี่ย มันไม่เกินไปเหรอ”
ผมลนลานมากกว่าเดิมเมื่อไอ้ไฟมันย้ำว่าพูดจริง ภาพในวันนั้นลอยกลับเข้ามาในหัว แค่นั้นมันก็หลอกหลอนผมมากพอแล้ว ทุกวันนี้ผมยังช่วยตัวเองแล้วนึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่เลย จะให้ผมมาทำให้มันเนี่ยนะ ผมไม่ทำแน่ ๆ
“แล้วมึงจะผิดคำพูดกับกูเหรอ กูต้องช่วยมึงทำการบ้านอิ๊งทั้งเทอมเลยนะ เผลอ ๆ ตอนสอบกูก็อาจจะได้ติวให้มึงด้วย”
“มึงอย่ามาทวงบุญคุณนะ”
“ก็แล้วแต่นะ ไม่ทำก็ไม่ทำ”
ไอ้ไฟมันมาไม้ใหม่ ทำเป็นตัดพ้อแล้วหันไปทางอื่นเหมือนจะไม่สนใจผมแล้ว เห็นแบบนั้นผมก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย จึงดึงแขนมันไว้
“งั้นแค่มือได้ปะ กูใช้ปากไม่เป็นหรอก” ไม่เป็นก็แย่แล้ว วันนั้นยังทำให้มึงอยู่เลย
“ก็ได้ แค่มือก็ได้”
พอตกลงกันได้ ไอ้ไฟก็ถอดกางเกงออกทันที
ผมยืนมองไอ้ไฟอยู่สักพัก ไม่เข้าใจตัวเองว่าพาตัวเองมาถึงเหตุการณ์แบบนี้อีกได้ไง แต่ปากมันก็ลั่นรับปากไปแล้ว สุดท้ายผมเลยต้องจำยอม
ผมขยับขึ้นไปนั่งคร่อมที่ต้นขาของไอ้ไฟ มือบางเอื้อมไปจับของมันทั้งที่ยังทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่เต็มใจ แต่ยิ่งผมทำหน้าบึ้ง ไอ้ไฟมันก็ยิ่งดูชอบใจ
“ยิ้มอะไรนักหนา รำคาญ”
“หึ”
มันไม่ตอบ แต่ยังยิ้มต่อไป ผมเลยไม่สนใจใบหน้าหล่อเหลานั่น แล้วเลื่อนสายตาลงไปที่ส่วนล่างมันแทน ไอ้ไฟที่ขนาดไม่น้อยของมันเด้งแข็งสู้มือง่าย ๆ แค่จับเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“รูดดิ” ไฟมันเร่งเมื่อเห็นผมเอาแต่จับ ๆ ผมจึงจิปากใส่มันทีนึง ก่อนจะจับลงไปเต็มมือแล้วเริ่มรูดขึ้นลงเบา ๆ
“กูไม่เต็มใจทำหรอกนะ”
ผมพูดย้ำทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ถาม ก็ไม่รู้ว่าย้ำกับมันหรือย้ำตัวเองกันแน่ เพราะเพียงแค่เริ่มรูด มือของผมมันก็ขยับเองโดยอัตโนมัติ ราวกับมันเป็นของเล่นชิ้นโปรด ที่เพียงได้เริ่มเล่น ก็ยากที่จะหยุดมือ
ผมหลบสายตากรุ้มกริ่มของไอ้ไฟ แล้วมองไปที่ส่วนล่างของมันแทน ของไอ้ไฟยังใหญ่เหมือนวันนั้นที่ได้สัมผัส สี รูปทรง ทุกอย่างยังดูดี ยิ่งไม่เมาแบบนี้ยิ่งเห็นได้ชัด ผมจัดการชักรูดเล่นมันตามที่ใจต้องการ จนบางครั้งก็เผลอทำหน้าเคลิ้มไปกับมัน แต่ก็ดึงสติกลับมาทำหน้ามุ่ยได้อยู่
ผมขยับรูดของไอ้ไฟขึ้นลงอย่างสนุกมือ ไอ้ไฟเองมันก็ดูชอบ เพราะมันก็แอ่นตัวหาผม แล้วมองมือผมด้วยสายตาเปี่ยมสุข
“ฟินละสิมึง ทำเองไม่มีปัญญาได้แบบนี้สินะ”
“ก็ไม่นะ กูว่าไม่เท่าไร เผลอ ๆ อาจจะไม่เสร็จ”
“ปากดี เดี๋ยวกูจะทำให้มึงครางลั่นเลย”
ผมกัดฟันกรอดอย่างไม่ยอมแพ้ทันทีที่ไอ้ไฟมันท้าทายเสร็จ มือบางปล่อยจากส่วนนั้นของมัน แล้วเปลี่ยนมาจับขามันอ้าออกแทน ไอ้ไฟยังไม่ทันถามว่าผมจะทำอะไร ผมก็ก้มลงใช้ปากครอบส่วนนั้นของมันไว้ก่อน
“อ่อก” ผมจับต้นขาแกร่งเป็นหลักยึด แล้วขยับปากขึ้นลงทันทีที่ของไอ้ไฟมันเข้ามาอยู่ในปาก ความใหญ่โตกับความยาวนั่นทำให้ของมันเข้ามาในปากผมลึกจนเกือบถึงคอ น้ำตาผมไหลคลอโดยอัตโนมัติ แต่ผมไม่สนใจจะเช็ดออก ผมยิ่งขยับลงลึกแล้วดูดของไอ้ไฟทันที
“อ่อก อ่อก”
“อื้ม”
เป็นครั้งแรกที่ไอ้ไฟมันหลุดครางออกมา ตอนนี้หน้าตามันดูอึ้ง ๆ กับสิ่งที่ผมทำ แต่ก็ไม่ผลักผมออก แถมยังแอ่นเอวเข้าหาผมด้วย
“อ่อก อ่อก”
เมื่อไอ้ไฟมันสู้มา มีเหรอคนอย่างผมจะยอม ผมใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อกล้ามของมันแล้วลูบซิกซ์แพ็กเรียงสวยนั่น ขณะที่ปากก็ดูดกลืนส่วนใหญ่โตตรงหน้าด้วยความหลงใหล ดวงตาช้อนมองเหมือนท้าทาย แต่แทนที่ไอ้ไฟมันจะมองมาแบบท้าทายกลับ มันดันยิ่งซี้ดปากมากกว่าเดิม
“ซี้ด มึงแม่ง”
“อ่อก อ่อก” ผมอยากจะเถียงว่าอะไรของมึง แต่ปากผมมันไม่ว่าง ผมเลยตอบโต้ได้แค่การขยับปากเร็วขึ้นแล้วดูดคลึงส่วนหัวมากขึ้น มือที่เล่นกับซิกซ์แพ็กแน่น ๆ นั้นจนพอใจเลื่อนลงมาเล่นที่ส่วนโคนและพวงไข่ของไอ้ไฟแทน นั่นยิ่งทำให้มันยิ่งซี้ดปากหนักกว่าเดิม
“ตั้ง”
ไอ้ไฟมันเรียกชื่อผม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมไม่ตอบ ผมยังขยับมากเหมือนเดิม และอาจจะมากกว่าเดิม จนสุดท้ายไอ้ไฟมันก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง มือที่วางอยู่บนเตียงขยับมาจับที่ท้ายทอยผม ก่อนมันจะเด้งเอวสวนคืนมา จนแก่นกายของมันแทงลึกเข้าไปในคอผม
ความดุดันของไอ้ไฟทำเอาน้ำตาผมยิ่งคลอ น้ำลายไหลตามมุมปากนิด ๆ แต่ผมไม่สนใจเช็ด ผมมองภาพไอ้ไฟกำลังทำหน้าเหมือนทนไม่ไหวแล้วเด้งเอวใส่ด้วยดวงตาที่มันน่าจะเยิ้มมาก ๆ เพราะผมชอบจริง ๆ ชอบเวลาคู่นอนทนไม่ไหวแล้วกดหัวผมใส่แบบนี้ โยกเอวสวนคืนแบบนี้
แล้วไอ้ไฟมันก็ดันหล่อ และดูดุดันกว่าทุกคนที่ผมเคยผ่านมาด้วยสิ
“กูแตกใส่ปากได้ไหมวะ”
“อ่อก อ่อก”
ผมไม่ตอบเป็นคำพูด แต่ตอบกลับด้วยการเอาหน้าเข้าหามันมากกว่าเดิม แล้วจิกขามันแน่น ไม่ยอมปล่อยออกแม้มันใกล้จะเสร็จแล้ว
พอเห็นแบบนั้น ไฟมันเลยยิ่งเร่งจังหวะมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่มันจะทนไม่ไหว กระตุกกายรัว ๆ แล้วปลดปล่อยทุกหยดหยาดของมันเข้ามาในปากของผม
“แค่ก” ผมรับของมันเข้ามาแล้วกลืนลงคอทันที ก่อนจะเห็นว่าไฟมันมองแบบอึ้ง ๆ เลยทำเป็นผะอืดผะอมแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วก
ผมแกล้งอ้วกไปแล้วเอามือทึ้งหัวตัวเองไป เอาอีกแล้ว ปล่อยตัวปล่อยใจจนมันเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมยืนด่าตัวเองในใจอยู่นาน กว่าจะใจกล้าเดินออกมาสู้หน้าไอ้ไฟ ผมคิดว่าไฟมันจะตกใจด่าผม หรือไม่ก็อาจจะล้อเลียนผม แต่พอออกมา สิ่งแรกที่มันพูดกับผมก็คือ
“เป็นมึงจริง ๆ ด้วย”
---------------------------------------------------------------------------------
พยายามห้ามลูกแล้ว แต่ห้ามไม่อยู่ ลูกยังเด็ก เห็นอะไรก็ชอบหยิบเข้าปาดมั่วไปหมด เฮ้อออ
#908ห้องแห่งความลับ