เรื่อง : ซ้อนกลรัก
ตอนที่ 12 #โครงการใหม่ (75%)
โดย : Kwitch (เขียนเป็นภาษาไทยว่า กวิชญ์ (อ่านว่า กะ-วิช (ออกเสียง “เฉอะ”)))
กันตภัทร์นิ่งอึ้ง เพราะคำตอบซึ่งได้รับนั้นมันเป็นสิ่งอันอยู่เหนือความคาดหมายของเขาเอาเสียมาก ๆ แต่เรื่องที่อยู่เหนือกว่านั้นก็คือ เธอ...คีตา...ชายหนุ่มจะไปพาเธอมาที่นี่ได้อย่างไร ชายหนุ่มยังคงมองไม่เห็นทางว่าเธอจะยอมมากับชายหนุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เธอมาทำโครงการร่วมกับชายหนุ่มด้วยล่ะก็...ความน่าจะเป็นคงจะมีค่าใกล้เคียงกับศูนย์
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คีตาจึงมองหาต้นเสียงของโทรศัพท์มือถือ แล้วมุ่งตรงไปอย่างช้า ๆ เหตุเพราะยังเจ็บแผลที่เท้าอยู่ เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและมองยังหน้าจอ ก็เป็นเบอร์แปลกซึ่งไม่ได้บันทึกไว้... ‘ใครกัน...คนขายประกันรึเปล่า...กำลังอยากจะซื้อพอดีเลย’
‘สวัสดีค่ะ’
‘สวัสดีครับคุณคี…ผมกันต์นะครับ’
หญิงสาวเลิกคิ้ว ‘คุณโทรมาได้ยังไงคะเนี่ย...ไปมีเบอร์ฉันตอนไหน’
‘ก็ไม่เห็นยากนี่ครับ’ อีกฝ่ายเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ
คีตาลอบถอนหายใจเบา ๆ เพราะเหนื่อยหน่ายจะต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่ม
‘ว่าไงคะ...มีธุระอะไร’
‘พรุ่งนี้คุณว่างมั้ยครับ...ผมมีธุระจะคุยด้วย’
‘มะ...’ หญิงสาวกำลังจะตอบว่า “ไม่ว่าง” แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ชายหนุ่มอาจจะมีธุระสำคัญจริง ๆ ก็เป็นได้ อย่างเช่น เรื่องยกเลิกการหมั้น หรืออะไรทำนองนี้ หญิงสาวแอบมีความหวังลึก ๆ อยู่ในใจ
‘ค่ะ’
‘ถ้าอย่างงั้น พรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าไปหาที่บ้านนะครับ’
‘ค่ะ’
จู่ ๆ เงินจำนวนเงินเจ็ดร้อยล้านมันก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในหัวของหญิงสาว ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เลขเจ็ดร้อยล้านวนเวียนอยู่เต็มไปหมด เธอจะไปหาเงินจำนวนนี้มาได้อย่างไรในเวลานี้ นั่นเป็นคำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเอง แม้ว่าธุรกิจของตระกูลในตอนนี้ก็ไม่ได้ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้มีเงินถึงขนาดนั้น เพราะตอนนี้กระแสเงินที่มีอยู่ก็ต้องนำมาหมุนเวียนในธุรกิจ ไม่สามารถดึงออกมาใช้ในกรณีอื่นได้ แล้วอีกอย่าง กระแสเงินที่มีอยู่ก็ยังไม่ถึงเจ็ดร้อยล้านเสียด้วยซ้ำ คิดมาถึงแค่นี้ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดยังหัวใจขึ้นมาในบัดดล ‘โธ่! คีตา...ชีวิตนี้ช่างน้ำเน่ายิ่งกว่าในนิยายเสียอีก ฉันไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้...ถ้ามันจะเป็นอะไรแบบนั้น...ก็ขอให้พระเอกเป็นคนอื่นได้มั้ย...ที่ไม่ใช่อีตากันต์นี่’ หล่อนคิดในใจขำ ๆ
.....
ณ บ้านของคีตา
หญิงสาวยังคงเดินเท้ากะเผลกเพราะแผลเจ้ากรรมมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย และยังคงแสดงฤทธิ์ของมันอยู่ แล้วมุ่งตรงมาหากันตภัทร์ ซึ่งนั่งรออยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
‘สวัสดีค่ะคุณกันต์’ หญิงสาวทักทายเขาตามมารยาท
‘สวัสดีครับ’ ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวเป็นปกติเหมือนกับทุกครั้งที่เคยเป็นมา
ใบหน้าคมก้มต่ำมองไปยังเท้าของหญิงสาว เพราะสังเกตเห็นได้ว่าท่าเดินของเธอยังไม่ปกติดีนัก
‘แผลที่เท้าเป็นยังไงบ้างครับ’ น้ำเสียงอาทรนั้นชวนให้หญิงสาวคิดว่าชายหนุ่มนั้นมีความห่วงใยให้กับเธอ... ‘ห่วงใยเหรอ?!... ตานี่แสดงละครอีกแล้ว’ หญิงสาวต่อว่าชายหนุ่มอยู่ในใจ
ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงไปยังเท้าของเธอ แล้วพิจารณาถึงความเจ็บปวดซึ่งเกิดขึ้น และแน่นอนว่าคำตอบที่พูดออกไปนั้นมันตรงข้ามกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ‘ดีขึ้นมากแล้วค่ะ’
ชายหนุ่มเดินเข้ามาหญิงสาวเพื่อที่จะช่วยพยุงให้ไปนั่งที่โซฟา หญิงสาวพยายามขยับถอยหลังเพื่อไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ แต่ก็ทำไม่ได้เป็นอย่างใจคิด
‘คุณนี่ดื้อจังเลยนะครับ...กลัวผมจะลูบทองออกไปจากตัวคุณเหรอ...ถึงได้หวงตัวนัก’ พูดเสร็จก็ทำหน้าทะเล้น
หญิงสาวมองชายหนุ่มตาขวาง ‘คุณนี่จะบ้าเหรอ...ฉันแค่ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระกับใครต่างหากล่ะ…ปล่อยเลย’ เธอยังคงพยายามสะบัดตัวออกจากวงแขนของชายหนุ่ม แต่ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดไป เมื่อเห็นว่าความพยายามไม่เป็นผล เธอจึงปล่อยให้เขาพยุงตัวเธอต่อไปเพื่อตัดความรำคาญ เมื่อชายหนุ่มพาเธอมานั่งยังโซฟาตัวกลาง หลังจากนั้น เขาก็เดินไปนั่งโซฟาฝั่งด้านซ้ายมือของเธอ
หญิงสาวแสร้งกระแอมหนึ่งครั้ง ก่อนเริ่มบทสนทนา ‘แล้วธุระที่ว่าของคุณคืออะไรคะ’
ชายหนุ่มทำท่าคิดหนัก แล้วถอนหายใจยาว แล้วตัดสินใจพูดออกมา ‘คือคุณเห็นข่าวของเรารึยัง’
หญิงสาวเลิกคิ้ว ‘ข่าวอะไรคะ’
‘ก็ข่าวที่ผมพาคุณไปซื้อแหวน’
‘อ้อ!’ เธอตอบสั้น ๆ ราวกับว่ารู้อยู่แล้วต้องมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เธอเคยคิดไว้
‘ไหน ๆ มันก็เป็นข่าวไปแล้ว...บอสของผมเลยจะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส…โดยจะขอเชิญคุณไปคุยเพื่อร่วมโครงการใหม่กับเรา’ ชายหนุ่มแอบลอบมองปฏิกิริยาของหญิงสาว
หญิงสาวส่ายหน้าในทันทีโดยไม่ฟังต่อให้จบ ‘ไม่ค่ะ’
‘คุณไม่ลองฟังเนื้อหาของโครงการนี้หน่อยเหรอครับ’ ชายหนุ่มส่งสายตาวิงวอนร้องขอ
‘ไม่ค่ะ’ หญิงสาวยังคงยืนยันหนักแน่น แล้วกำลังจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินออกไปจากการสนทนา
‘ค่าตอบแทนหลักล้านเลยนะครับ’ ชายหนุ่มตัดสินใจงัดไม้เด็ดสุดท้ายออกมา โดยเขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่ในความรู้สึกตอนนั้นคือ ลองสักตั้ง พูดออกมาดีกว่าไม่พูด เพราะเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว
หญิงสาวหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำว่าเงินหลักล้านเข้ามาในโสตประสาท จู่ ๆ สัญญาณเสียงซึ่งเธอได้ยิน ก็ได้ถูกแปลงมาเป็นสัญญาณภาพปรากฏเป็นเงินจำนวนเจ็ดร้อยล้านเข้ามาวนเวียนในหัวของเธออีกครั้ง ‘มันก็ไม่ได้แย่นะ ถ้าจะค่อย ๆ สะสมเงินไปเรื่อย ๆ ในระหว่างนี้ก็ถ่วงเวลาไปก่อน รอให้ได้เงินครบเจ็ดร้อยล้านเมื่อไหร่ ฉันก็จะได้เป็นอิสระแล้ว เงินล้านที่ว่านี้ ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย’ เธอรำพึงรำพันอยู่ในใจ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ถ้าเธอจะต้องเจอกับความไม่ถูกใจ หรือฝืนใจทำอะไรที่ไม่ชอบบ้าง แต่มันได้มาซึ่งสิ่งตอบแทนอันสมน้ำสมเนื้อ มันก็ต้องยอมแลก
หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานเชื่อมให้ชายหนุ่ม ‘โครงการนี้สำคัญกับคุณมากเลยเหรอคะ’ เธอพยายามเบี่ยงเบนออกนอกประเด็น เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มจับได้ว่าเธอสนใจเรื่องเงินอยู่...เพราะมันจะทำให้เธอดูเหมือนผู้หญิงหน้าเงิน ซึ่งมันไม่สมกับเป็นเธอเอาเสียเลย
ชายหนุ่มพยักหน้า ‘ครับ’
‘แล้วฉันจะพิจารณาดูนะคะ’ หญิงสาวแอบยิ้มเจ้าเล่ห์