ตอนที่ 3 ปั่นหัว

1200 คำ
@ โรงพยาบาล เช้าวันต่อมา “ความจริงพี่หมอไม่ต้องลำบากมาส่งชะเอมกับยายก็ได้นะคะ ชะเอมเกรงใจ” “ไม่เป็นไรเลยครับ พี่ดูแลคุณยายมาหลายปี ยังไงพี่ก็ต้องมาส่ง” คิริณ หนุ่มหล่อในชุดกาวน์ ผู้เป็นศัลยแพทย์หัวใจและเป็นแพทย์เจ้าของไข้ยายของชะเอมเอ่ยตอบเธอ “พี่หมอไม่โกรธใช่ไหมคะที่ชะเอมย้ายโรงพยาบาล” ชะเอมเองก็ลำบากใจไม่น้อย เพราะเขาก็ตรวจรักษายายของเธอมาเป็นเวลาหลายปี คิริณเป็นแพทย์ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา เขาเป็นคนสุภาพและดูแลคนไข้ได้ดีเสมือนญาติ เขาเป็นถึงลูกนักการเมืองในท้องถิ่น หากจะไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนที่มีรายได้สูงกว่านี้ก็คงไม่ยาก แต่พอเรียนจบเขาก็เลือกมาทำงานที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจ แต่เธอก็แค่อยากหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับยาย โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งนี้มีเครื่องมือที่ทันสมัย ครบครัน และเชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นโรงพยาบาลเครือข่ายกับโรงพยาบาลต่างประเทศ โอกาสที่ยายของเธอจะได้รับการผ่าตัดมีเปอร์เซ็นที่สูงกว่า หลังจากที่คิริณรู้ว่าชะเอมได้ขอทำเรื่องย้ายผู้เป็นยายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ต่อ ก็อาสาช่วยติดต่อประสานงานและมาส่งคนไข้ประจำด้วยตนเอง “ไม่เลยครับ พี่เข้าใจ” ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มอย่างละมุนให้หญิงสาว ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง คิริณก็ยังทำให้ชะเอมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสองคนรู้จักกันมาเกือบแปดปี นับตั้งแต่ยายตรวจพบปัญหาสุขภาพ เขาเป็นทั้งหมอของยายและเปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง และมักจะแวะเวียนซื้อของฝากเข้าไปเยี่ยมยายที่บ้าน “ให้ยายอยู่ห้องรวมก็ได้นะชะเอม เปลืองเงินเปล่า ๆ ไม่รู้ว่าจะหมดกับค่ารักษาไปอีกเท่าไหร่ ผ่าตัดไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ ยายปลงแล้ว” ผู้เป็นยายที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยยื่นมือที่ไร้เรี่ยวแรงมาจับมือหลานสาว เอ่ยกับเธอด้วยเสียงแผ่วเบาที่ยังพอจับใจความได้ “ไม่เป็นไรจ้ะยาย ยายพักรักษาตัวอยู่ที่นี่เถอะนะจ๊ะ เรื่องค่ารักษาไม่ต้องเป็นห่วง” ชะเอมได้เลือกห้องพิเศษที่มีขนาดเล็กสุด อีกทั้งยังจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลยายในยามที่เธอไม่อยู่ หญิงสาวคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ดูแล้ว ค่ารักษาตัวก่อนผ่าตัดก็ประมาณสามถึงห้าแสน และทางโรงพยาบาลก็ยังบอกว่าจะรีบติดต่อขอรับหัวใจจากโรงพยาบาลในเครือต่างประเทศ เพื่อให้ยายได้รับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด อาจจะได้รับภายในสามเดือนต่อจากนี้ แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะบอกให้เธอลาออกจากงานกลางคืน แต่เธอก็ยังมีงานส่งอาหาร มีงานร้านคาเฟที่สามารถทำได้ในช่วงกลางวัน ไปกินอยู่ในบ้านของเขาก็คงจะมีอาหารให้กินฟรี แต่เธอก็ต้องเสียค่าเช่าบ้านหลังเดิมอยู่เพื่อรอยายกลับมาพักอาศัยเหมือนเดิม ***** @ บ้านท้ายซอย หลังจากยายของเธอกินข้าวกินยาและนอนหลับพักผ่อน ชะเอมจึงขอตัวกลับและให้พยาบาลพิเศษดูแลต่อ “พี่หมอออกเวรมาเหนื่อย ๆ กลับไปพักก่อนเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ไปส่งยายและแวะมาส่งที่บ้าน” คิริณอาสามาส่งเธอ และทันทีที่ชะเอมเอ่ยขอบคุณเขาก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว เพราะเมื่อคืนเข้าเวรดึก พอออกกะเช้ามาก็รีบเข้าไปหาชะเอมกับยายที่กำลังทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล “ตาพี่จะปิดแล้วครับ พี่ขอเข้าไปงีบในบ้านสักสามสิบนาทีได้ไหม” “อืม… ก็ได้ค่ะ แต่นอนพักที่โซฟานะคะ” คิริณมาที่บ้านหลังนี้บ่อยครั้งจนแทบจะเป็นคนในครอบครัวอยู่แล้ว ขืนปล่อยให้กลับไปในสภาพที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน และยังเสียสละเวลาพักผ่อนไปส่งยายที่โรงพยาบาลใหม่ กว่าเขาจะขับรถกลับถึงบ้านก็คงจะเกือบเที่ยง อาจจะเผลอหลับใน ทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางได้ เมื่อทั้งสองคนลงจากรถ คิริณก็เข้าไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาไม้ที่ถูกปูทับด้วยเบาะผ้าตรงชั้นล่างของบ้าน ชะเอมก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีนำหมอนมาให้เขาหนุนนอน และเปิดพัดลมไล่ไอร้อนภายในบ้านให้ “ขอบคุณครับ” ชะเอมเผยรอยยิ้มตอบ อีกฝ่ายก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยก็ปิดเปลือกตาลง เธอจึงขึ้นไปเก็บของบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องนอน เฮ้อ… เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับมือที่หยิบเสื้อผ้าออกจากตู้ มานั่งพับบนเตียงขนาดสามจุดห้าฟุตทีละผืนด้วยความลำบากใจ เธอจะต้องตกเป็นของเล่นของผู้ชายที่ชื่อสกายจริง ๆ หรือ ผู้ที่เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อออกไปทางยุโรป น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาแต่ละคำมันก็มีพลังอันน่ากลัวบางอย่าง บวกกับสายตาดุดันคู่นั้นยิ่งทำให้เธอหวั่นใจ เขาแค่อยากนอนกับเธอ หรือว่าจะซื้อตัวเธอไปฆ่าไปแกงกันแน่ ชะเอมเผลอคิดถึงสกายได้ไม่นาน ก็มีเสียงเรียกเข้าจากเบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้ในโทรศัพท์ มือเล็กไล่มองตัวเลขทั้งสิบตัวก่อนจะกดรับสาย “มีความสุขมากสินะที่ได้ปั่นหัวฉันเล่น” เสียงที่แล่นเข้ามาในสายก็ทำให้เธอเบิกตาโพลง ขนกายลุกชันราวกับเห็นผีที่ล่องลอยอยู่ภายในห้องนอนขนาดเล็ก ไม่น่าไปนึกถึงเขาเลย แค่คิดก็โทรเข้ามาได้จังหวะพอดี “คุณเอาเบอร์ฉันมาได้ยังไง” “คนอย่างฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้ แค่หาเบอร์ผู้หญิงคนเดียวมันจะไปยากอะไร” “...” ชะเอมได้ฟังก็นิ่งเงียบ เขากำลังทำให้เธอกลัวมากขึ้น เมื่อคืนเขาก็ขู่เธอด้วยปืนที่ซ่อนอยู่ตรงเอว ครั้งนี้ก็หาเบอร์เธอมาจากไหนอีก แล้วเธอไปปั่นหัวเขาเล่นอย่างไร “ฉันให้เวลาเธอไปจัดการธุระ ไม่ได้ให้เธอไปร่านผู้ชาย” “มากไปแล้วนะคะ ฉันไปร่านผู้ชายตอนไหน” น้ำเสียงของเธอเริ่มแข็งกระด้างเมื่อโดนอีกฝ่ายดูถูก ทั้งที่เธอก็ไปจัดการเรื่องยาย และก็เพิ่งจะเข้าบ้านมานั่งเก็บของต่อ “อย่าลืมเงื่อนไขล่ะ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น ผ่านไปแค่คืนเดียวเธอก็คิดจะผิดสัญญาแล้วเหรอ” “ไม่ใช่นะคะ เอ๊ะ นี่คุณสะกดรอยตามฉันเหรอ” ทำไมมันฟังดูชอบกล เหมือนว่าเขาจะรู้ทุกความเคลื่อนไหว หรือเห็นว่าเธอกำลังอยู่กับใคร “อย่าให้เห็นอีกว่าเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ไม่อย่างนั้นมันได้เจอดีแน่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม