ทั้งสองใช้เวลาเกือบ2ชั่วโมงก็มาถึงบ้านของตากับยายแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็พบกับป้าตุ้มซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ต้อย ป้าตุ้มเป็นแม่ม้ายผัวตายไปนานแล้ว ไม่มีลูกสักคน ตอนนี้จึงได้อยู่อาศัยกับตายาย
"อ่าว! ใครมาล่ะน่ะ "
"ฉันต้อยเองพี่ตุ้ม พาเจ้าแตนมาเยี่ยมพ่อกับแม่หน่อยจ้ะ แล้วนี่สบายกันดีไหม"
"ก็สบายดีตามมีตามเกิดแหละ แล้วนึกยังไงถึงมาหากันได้ล่ะ ไม่โผล่หน้ามาเป็นสิบปี "
"ตอนนั้นฉันไม่มีเงิน ผัวก็ตายจากใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันๆก็แทบแย่แล้ว มาตอนนี้ก็ยังดีกว่าไม่มานะพี่ "
"เออๆ แล้วนี่มีไรมาฝากบ้างล่ะ หรือคิดว่าจะมาขอจากพ่อจากแม่ "
แตนได้ยินป้าของเธอเอ่ยเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ชอบใจแต่เธอไม่อยากพูดอะไรมาก จึงได้แต่นั่งเงียบๆ
"ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ ฉันกับลูกเพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ แล้วนี่พ่อกับแม่ล่ะ ไม่อยู่บ้านหรือพี่ "
"อยู่หลังบ้านโน้นแหละ ไปหากันเองแล้วกัน "
หลังจากนั้นต้อยจึงพาแตนเจ้าไปหาพ่อแม่ที่หลังบ้านตามที่พี่สาวได้บอกมา แม้จะรู้สึกอึดอัดใจกับพี่สาวคนนี้มากก็ตามแต่ต้อยก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรมากนัก
" พ่อ แม่ สวัสดีจ้ะ ฉันพาเจ้าแตนมาเยี่ยม " ต้อยยกมือไหว้พ่อกับแม่ แตนก็ทำตามแม่แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะหินออ่นใต้ต้นมะม่วง
"เออๆนังต้อยหรือ เป็นไงมาไงกันล่ะ มากันเหนื่อยๆกินข้าวกันมาแล้วหรือยัง "
"ยังไม่หิวจ้ะ แล้วทำอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย "
" นั่งเล่นนอนเล่นไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ แล้วนี่มากันกี่วันล่ะ "
"ค้างแค่คืนเดียวจ้ะพรุ่งนี้กลับ ฉันกับลูกต้องกลับไปทำของขายอีก นี่หมูแดดเดียวจ้ะ ฉันกับลูกทำขายพอได้มีเงินใช้บ้าง ส่วนนี่เสื้อคอกระเช้าของแม่ ตัวนี้เสื้อของพ่อจ้ะ ฉันแวะซื้อมาตอนขึ้นรถ "
"เออขอบใจๆ ทีหน้าทีหลังไม่ต้องซื้ออะไรมานะมันเปลืองเงิน แล้วนี่หลานเรียนจบหรือยัง "
"ยังจ้ะยาย แตนอยู่ม.ต้นเองจ้ะ "
ต้อยกับแตนนั่งคุยถามไถ่กับตายายอยู่นานจนรู้สึกหิวจึงเข้าครัวมาทำกับข้าวกินด้วยกัน ยายนีจึงพาเข้าครัวโดยมีแตนช่วยเป็นลูกมือ ส่วนตาทศนั้นนั่งสานตระกร้าอยู่ใต้ต้นมะม่วงเช่นเดิม
ตกเย็นอากาศค่อยข้างดีไม่ร้อนมากนัก แตนนอนหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน ส่วนต้อยนั้นยังคงพูดคุยอยู่กับพ่อแม่ของตนเองจนดึก แม้ว่าจะได้รับคำพูดกระแนะกระแหนจากพี่สาวเป็นบางครั้งเธอก็ไม่สนใจมากนัก ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ตื่นนอนแล้วจะพาแตนกลับบ้านไปทำหมูฝอยขายต่อ เผื่อจะได้มีเงินสร้างบ้านเอาไว้ให้แตนอยู่ หากวันหนึ่งที่ตนเองไม่ได้อยู่กับลูกแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก โดยที่เธอนั้นไม่รู้เลยว่าเพราะอาหารที่นำจากเกมส์ฟาร์มที่กินทุกวันนั้นทำให้ร่างกายของเธอกลับมาแข็งแรงมากกว่าเดิม โรคร้ายก็หายไป โดยที่หมอเองก็ไม่สามารถบอกได้
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านของตนเองแล้ว แตนก็เตรียมเนื้อหมูมากถึง200กิโลกรัมเอาไว้รอแม่ต้อย โดยแบ่งทำหมูแดดเดียว100กิโลกรัมเท่าเดิม ส่วนที่เหลือนั้นเธอจะทำหมูฝอยเป็นเมนูใหม่ออกขาย เริ่มจากนำหมูมาหั่นเป็นชิ้นๆแล้วนำไปต้มให้สุกจากนั้นรอให้เย็นแล้วนำมาฉีกทิ้งไว้ ก่อนจะนำน้ำตาลปี๊บ เกลือ และเครื่องปรุงรสอื่นๆมาตั้งไฟเคี่ยวเอาไว้จนได้ที่แล้วจึงนำหมูที่ฉีกเอาไว้มาผัดให้ซอสซึมเข้าเนื้อหมู ก่อนจะทิ้งไว้นำไปใส่กระด้งแผ่เอาไว้ไม่ให้เป็นก้อน จนเย็นจึงจะแบ่งใส่ถุงเตรียมเอาไว้ขายในวันต่อไป ทั้งยังแบ่งใส่ถุงเอาไว้กินเองอีกด้วย
"แม่ลองชิมหมูฝอยดูสิจ้ะ "
"อืม ใช้ได้ รสชาติออกหวานนิดๆเค็มกำลังดี กินกับข้าวสวยร้อนๆแม่ว่าอร่อยใช้ได้เลย "
"หมูฝอยที่จะขายแตนแบ่งเป็นถุงให้แม่แล้วนะจ้ะ มีสองขนาดแม่ขายถุงละ30 กับ 50 นะจ้ะ แต่ถ้าหากใครสนใจถุงใหญ่ก็มีนะจ้ะแต่ราคาสูงหน่อย 120บาทจ้ะ "
"อืมแม่เจ้าใจแล้ว เดี๋ยวแล่หมูพวกนี้เสร็จแม่จะเอาหมูฝอยไปขาย "
หลังจากที่แล่เนื้อหมูเสร็จแล้วก็ทิ้งเอาไว้ให้แตนทำการหมักหมูแล้วนำไปตากแดด ส่วนตนเองนั้นหิ้วหมูฝอยไปขายในหมู่บ้านแล้ว
ตกบ่ายต้อยก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้งแฉ่งมาแต่ไกล คาดว่าหมูฝอยที่เอาไปขายนั้นคงขายดีอย่างแน่นอน
" เป็นไงบ้างจ้ะแม่ "
"ก็หมดน่ะสิลูกเอ้ย ฮ่าๆๆ ดูสิ เงินเต็มกระเป๋าอีกแล้วเนี่ย จริงสิแม่ว่าจะเอาเงินไปฝากที่ธนาคารสักหน่อย เก็บไว้ที่บ้านไม่ดีหรอกขโมยขโจรมันเยอะ "
"จ้ะแม่ อ่อแม่ซื้อน้ำตาลปิ๊บมาด้วยนะจ้ะเอาแบบยกกระสอบมาเลยก็ได้จ้ะ ยังไงเราก็ต้องใช้ทุกวันอยู่แล้ว "
"ได้ๆเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ซื้อมาให้ "
"เย็นนี้ทำอะไรกินข้าวกันดีล่ะแตน แม่อยากกินส้มตำไก่ย่างนะ "
"ได้จ้ะ งั้นแตนเอาไก่ออกมาให้นะจ้ะแม่ แล้วก็จะหมักย่างไว้เลย "
หลังจากผ่านมื้อเย็นที่สุดแสนจะอร่อยไปแล้ว ทั้งสองแม่ลูกต่างเข้านอน เพราะในตอนเช้าจะต้องนำผักเตรียมเอาไว้รอพี่สานที่จะมารับผักในตอนเช้ามืด