หลังจากกินข้าวกินยาแล้ว แตนก็เข้าไปเล่นเกมส์เกือบชั่วโมงก็ออกมาแล้วเพราะเธอยังปวดหัวไม่หาย คาดว่าคงเพราะอากาศเปลี่ยนเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวก็หนาว แตนนอนหลับไปพักใหญ่ก็ตื่นขึ้นมาพอดีกับที่แม่ต้อยกลับมาถึงบ้าน โดยมีพี่พุดจีบซึ่งเป็นลูกสาวของลุงผู้ใหญ่ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งแม่ที่บ้าน
"อ่าวเป็นอะไรล่ะแตน ไม่สบายหรือไง หน้าตาซีดเซียวเชียว "
"จ้ะแม่ แตนปวดหัว แต่กินยาแล้วก็ได้นอนพักสักตื่นแล้วจ้ะ แล้วนี่แม่ได้อะไรมาบ้าง "
"ก็ปลาช้อน2-3ตัว ที่เหลือก็ปลานิลตัวเล็กๆแม่จะต้มยำปลาช่อนให้กิน ส่วนปลาตัวเล็กๆก็ขอดเกร็ดผ่าใส่หมักเกลือตากแดดเอาไว้ทอดกิน กินแต่หมูแต่ไก่ เบื่อจะตายแล้ว "
" ตามใจแม่จ้ะ แตนไปอ่านหนังสือสักหน่อยดีกว่าอาทิตย์หน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว "
"ยังไม่ต้องรีบอ่านก็ได้นอนพักซะให้หายดีก่อน นอนไปเถอะ แม่จะไปทำต้มยำให้ซดร้อนๆเผื่อจะดีขึ้น "
หลังจากนั้นแตนก็นอนหลับไปอีกพักใหญ่รู้สึกตัวตื่นตอนที่แม่ต้อยกำลังใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดตามหต้าและตามตัวของเธอด้วยความเป็นห่วง
"แตนรักแม่นะจ้ะ " เอ่ยจบก็ขยับตัวไปนอนบนตักของแม่ต้อย นอนเงียบๆให้แม่ต้อยจัดการเช็ดตามเนื้อตามตัวจนรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว
" แตนดีขึ้นยังลูก หิวไหม ต้มยำเสร็จแล้วนะ จะกินข้าวเลยหรือเปล่าเผื่อจะได้กินยา "
"จ้ะแม่กินเลยก็ได้จ้ะ แล้วแม่จะกินข้าวด้วยไหม "
"กินสิ นั่งอยู่นี่แหละเดี๋ยวแม่ไปยกกับข้าวออกมาเอง "
ต้อยเดินเข้าไปในครัวในใจก็ยังคงพะวงเป็นห่วงลูกสาว นานมากแล้วที่แตนไม่เคยป่วยไข้ เธอกลัวว่าลูกสาวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ในช่วงที่แตนนอนหลับไปแล้วหลังจากที่ต้อยทำต้มยำเสร็จก็ออกมานั่งเฝ้าลูกสาวที่นอนหลับอยู่ด้วยความเป็นห่วง
หลังจากกินข้าวจนอิ่มแล้วต้อยก็นำยามาให้ลูกสาวกินก่อนจะให้นอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน ส่วนตนเองนั้นได้บอกให้แตนนำเนื้อวัว และเนื่อหมูออกมาให้ เธอจะจัดการแล่เนื้อเอาไว้หมักในช่วงบ่ายๆ จนกระทั่งตกกลางดึก แตนตัวร้อนและคาดว่าคงไข้ขึ้นต้อยจึงออกไปบ้านลุงผู้ใหญ่ขอให้พาแตนไปส่งโรงพยาบาลในอำเภอ ...
หลังจากที่หมอมาตรวจแล้วก็ได้รู้ว่าแตนเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งไม่มีอะไรหน้าเป็นห่วงแค่นอนพักสัก2-3วันก็จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ต้อยจึงคิดที่จะซื้อรถยนต์เป็นของตนเอง แต่ติดที่ว่าเธอขับรถไม่เป็น แต่เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่ายังไงก็จะต้องซื้อรถยนต์สักคันแม้ว่าจะเป็นมือสองก็เอา เพราะที่บ้านไม่มีแม้แต่รถมอเตอร์ไซค์สักคัน เกิดลูกสาวป่วยขึ้นมาอีก เธอคงไม่กล้าไปขอให้ใครพามาส่งกลางดึกแบบนี้หาก เพราะในหมู่บ้านนั้นคนที่มีรถยนต์มีอยู่เพียงแค่ไม่ถึง5บ้านด้วยซ้ำ และทุกคนต่างก็ต้องใช้รถส่วนตัวของตนเองคงไม่ว่างที่จะพาเธอสองแม่ลูกมาส่งได้หรอก
ต้อยจึงขอคำปรึกษาจากลุงผู้ใหญ่ที่พาเธอกับลูกมาส่งที่โรงพยาบาล ให้ช่วยหาดูรถยนต์ให้สักคัน ส่วนเรื่องการสอนนั้นให้เป็นหน้าที่ของพุดจีบ เพราะรายนั้นขับรถยนต์เป็นตั้งแต่อายุไม่ถึง15 ปีแล้ว ตอนนี้ต้อยก็เพียงแค่จัดการเรื่องเงินให้พร้อมเท่านั้นเอง
"จริงสิพ่อ พี่วดีเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ชาติเห็นบอกว่าจะขายรถคันเก่านะ พ่อลองพาต้อยไปดูไหม "
" งั้นเราไปถามเจ้าต้อยกันก่อนดีกว่า "
ลุงผู้ใหญ่กับพุดจีบมาถึงโรงพยาบาลในช่วงสายเพื่อมาถามไถ่ต้อยเรื่องรถยนต์และเยี่ยมไข้แตนด้วย
" เป็นยังไงบ้างล่ะต้อย หมอบอกหรือยังว่าเจ้าแตนป่วยเป็นอะไร "
" บอกแล้วจ้ะลุงผู้ใหญ่ เจ้าแตนเป็นไข้หวัดใหญ่พักไม่กี่วันก็หายแล้วจ้ะขอบคุณมากจ้ะที่มาเยี่ยมเจ้าแตนมัน แล้วก็ต้องขอบคุณลุงมากที่เมื่อคืนนี้พาฉันกับลูกมาส่ง "
"ไม่เป็นไรคนกันเองทั้งนั้น ว่าแต่เรื่องรถเองแน่ใจไหมวะว่าจะซื้อ พุดจีบมันบอกว่าญาติเจ้าชาติจะขายอยู่นะ เองสนใจจะไปดูหรือเปล่าล่ะ "
"จริงหรือจ้ะ ฉันสนใจจ้ะ แต่ว่าฉันไม่รู้จะฝากเจ้าแตนกับใครไว้ดีกลัวมันตื่นมาแล้วไม่เจอใคร "
"ไม่ต้องห่วงหรอกต้อย ฉันมีเพื่อนอยู่ที่นี่ เดี๋ยวไปฝากให้เขามาดูเจ้าแตนได้ "
"งั้นฝากด้วยนะพุดจีบ "
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ออกมาจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปยังบ้านของชาติซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของพุดจีบ ว่าที่ลูกเขยผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง
" สวัสดีค่ะ พ่อผู้ใหญ่ เป็นไงมาไงกันคะเนี่ย "
"สวัสดีจ้ะพี่วดี พอดีพี่ชาติบอกฉันว่าพี่อยากขายรถก็เลยพาเพื่อนมาดูจ้ะ "
"อ๋อใช่ พี่ว่าจะขายไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่จอดไว้ก็เกะกะเปล่าๆ " เอ่ยจบวดีก็เดินพาทั้งสามคนไปยังบ้านอีกหลังซึ่งอยู่ติดกัน
"รถคันนี้ซื้อมาไม่ค่อยได้ใช้หรอก ส่วนมากแล้วจะใช้อีกคัน ถ้าสนใจพี่ขายให้ไม่แพง หนึ่งแสนถ้วนเลย รถใหม่มากหาไม่ได้แล้วนะราคานี้ เห็นว่าเป็นพุดจีบหรอกนะพี่ถึงขายให้ราคานี้ ยังไงเราก็คนกันเองอยู่แล้ว อีกไม่นานก็ต้องมาเป็นสะใภ้ที่บ้านนี้อยู่ละ "
ต้อยที่ยืนฟังอยู่ก็ตัดสินใจที่จะซื้อเพราะรถยนต์ที่ยังใหม่ขนาดนี้คงหาซื้อไม่ได้ในราคานี้หรอก เธอจึงขอกลับไปเอาเงินที่บ้านแล้วนัดกันไปโอนรถในตอนบ่าย
หลังจากที่จัดการเรื่องโอนรถเสร็จแล้ว ต้อยก็ให้พุดจีบขับรถไปจอดไว้ที่บ้านก่อน เพราะเธอจะทำกับข้าวไว้ไปกินที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าไข้ลูกสาวต่อไป