“ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะครับที่ให้โอกาส”
เข็มทิศเอ่ยกับหญิงสาวสวยหน้าหวานตรงหน้าที่นัดหมายเขาออกมาตกลงรายละเอียดการจ้างข้าวหอมไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้าของเจ้าหล่อน
“บีมก็ต้องขอบคุณคุณเข็มทิศเหมือนกันค่ะ” เอ่ยอย่างนอบน้อม แม้ตัวเองจะเป็นผู้จ้างงานก็ตาม
“เรียกผมฟิวก็ได้ครับคุณบีม”
“ค่ะ คุณฟิว”
“ผมเคยชิมสินค้าแบรนด์ของคุณบีมบ่อยมากครับ ไม่อยากเชื่อว่าวันนี้จะมีโอกาสได้ร่วมงาน”
“ติชมได้นะคะ แบรนด์ของบีมเพิ่งเปิดตัว คนรู้จักยังน้อย ยังต้องโปรโมตอีกเยอะเลยค่ะ”
“ผมว่ากระแสดีมากๆ ต่างหากครับ เดี๋ยวนี้คนชอบอะไรที่เน้นสุขภาพ”
“บีมก็ว่างั้นค่ะ บีมทำเครื่องดื่มตัวนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากให้ทุกคนสุขภาพดีจริงๆ”
“แล้วนอกจากเลม่อนโซดากับอัญชันมะนาว จะมีรสชาติอื่นๆ ออกมาไหมครับ”
“ยังไม่แน่ใจค่ะ ยังไงขอตีตลาดสองตัวนี้ก่อน ถ้ากระแสตอบรับดี บีมว่าน่าจะมีโอกาสเพิ่มไลน์สินค้าให้หลากหลายขึ้น”
“คุณบีมเก่งมากเลยนะครับ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่บริหารธุรกิจได้ขนาดนี้” เข็มทิศชื่นชมจากใจจริง
“ธุรกิจของบีมเป็นธุรกิจเล็กๆ ค่ะ เน้นทำเพราะความสุข ไม่ได้ต้องการผลกำไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้อยากขาดทุนนะคะ” เอ่ยเล่าไปก็หัวเราะไปพลางอย่างคนที่มีความสุขจริงๆ
“แล้วที่บ้านไม่อยากให้ช่วยงานในวงการหรือครับ”
ชายหนุ่มอดเอ่ยถามไม่ได้ ด้วยเขารู้ดีว่าเธอคือทายาทของผู้จัดละครชื่อดัง แต่ไม่ยักจะเอาดีด้านการแสดงหรือการเป็นผู้จัดเหมือนอย่างบิดามารดา เขาเคยเห็นเธอผ่านๆ ตามกองถ่ายที่ข้าวหอมต้องถ่ายงาน แต่ไม่เคยได้พูดคุยกันสักครั้ง กระทั่งเจ้าตัวติดต่อมาเพราะอยากจ้างข้าวหอมเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเครื่องดื่มเลม่อนโซดานี่แหละ
“เขาก็พูดบ่อยอยู่นะคะ แต่บีมดื้อเอง”
“ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก”
“แล้วคุณฟิวล่ะคะ ทำไมถึงมาเป็นผู้จัดการดาราเสียได้” บูรณาอดถามเขากลับไม่ได้ ที่จริงผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้หล่อเหลาดูดีจนสามารถเป็นพระเอกได้เลยด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวกลับยินดีจะเป็นแค่ผู้จัดการดารา ซ้ำดาราในสังกัดก็มีแค่ข้าวหอม นางร้ายดาวรุ่ง เพียงคนเดียวเท่านั้น
บูรณาไม่ได้รู้จักทั้งคู่เป็นการส่วนตัว แต่ก็เคยเจอกันผ่านๆ บ้าง ไม่เคยได้ทักทายหรือทำความรู้จัก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มานั่งคุยกับเขา
“ก็ทำตามความฝันของน้องครับ ข้าวหอมอยากเป็นดารา ที่บ้านก็เป็นห่วง ผมในฐานะพี่เลยต้องตามมาดูแล”
“นี่คุณฟิวกับน้องข้าวหอมเป็นพี่น้องกันหรือคะ ตายจริงบีมไม่ทราบเลยค่ะ”
“พี่น้องคนละพ่อคนละแม่เลยครับ แม่ผมแต่งงานกับพ่อของข้าว เราก็เลยเป็นพี่น้องกัน”
“อ๋อค่ะ” บูรณาอึ้งไปนิดๆ รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทอยู่หน่อยๆ ที่ไปถามอะไรเขาแบบนั้น
“บีมขอโทษนะคะที่ละลาบละล้วงเรื่องครอบครัวของคุณฟิว”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่ได้ละลาบละล้วงอะไรเลย”
เข็มทิศยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างจริงใจ ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้ มันแปลกที่เขากล้าเปิดเผยเรื่องราวครอบครัวต่อคนที่เพิ่งเจอหน้า แต่ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้ผู้หญิงคนนี้ซึ่งเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติทำให้เขาพูดคุยกับเธอได้อย่างสบายใจ
และพลันนั้นความทรงจำในอดีตก็หวนกลับมา สมัยเมื่อเขายังเป็นเด็กชายวัยราวๆ สิบสองขวบ
“ในเมื่อสามีเธอตาย เมียฉันก็ตาย เราก็มาช่วยกันเลี้ยงลูกเถอะ”
นั่นคือถ้อยคำของผู้ชายคนหนึ่งที่อุ้มเด็กหญิงตัวกลมปุ้มปุ้ยอายุราวๆ สามขวบมาหาแม่ของเขา ในวันที่เขาและแม่กำลังยืนส่งแขกที่มาร่วมงานฌาปนกิจศพของคุณยาย
เข็มทิศรู้จักผู้ชายคนนั้นดี มักเรียกอย่างสนิทสนมว่าลุงภัค เขาเป็นเพื่อนสนิทของแม่ เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมต้นจนจบปริญญาตรี สนิทกันมาก พอเรียนจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตนเอง กระทั่งแต่งงานและมีลูก กระนั้นก็ยังคงติดต่อกันสม่ำเสมอ ต่อมาสามีของแม่หรือพ่อของเขาเสียชีวิต ลุงภัคก็ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยม เป็นกำลังใจให้กันมาโดยตลอด และหลังจากนั้นหลายปีภรรยาของลุงภัคก็เสียชีวิต ทิ้งลูกน้อยวัยแบเบาะไว้ให้ดูต่างหน้า แม่เขาก็เฝ้าปลอบโยนและอยู่เคียงข้างลุงภัคในวันที่สูญเสียเช่นเดียวกัน
คงเพราะความผูกพันฉันเพื่อนและความปรารถนาดีอย่างจริงใจที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน หลังจากลุงภัคพูดอย่างนั้น ราวๆ สามเดือนต่อมาคนทั้งคู่ก็จดทะเบียนสมรสและย้ายมาอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยกันดูแลลูกๆ อย่างที่พูดจริงๆ
จากลูกชายคนเดียวของแม่ เข็มทิศเลยกลายเป็นพี่ชายที่มีน้องสาว ซึ่งน้องสาวก็แสนแสบและแสนซน แต่กระนั้นเขาก็รักและเป็นห่วงข้าวหอมมากราวกับเธอเป็นน้องในไส้จริงๆ
และเขาคงจะเหม่อลอยนานไปหน่อยกระมัง คนที่นั่งตรงข้ามเลยเรียกเขาเสียงดังจนภวังค์แตกตื่น
“คุณฟิวคะ!”
“เอ่อ...ครับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ อยู่ๆ คุณก็นิ่งไป บีมเรียกตั้งหลายครั้งแน่ะค่ะ”
ท่าทางของเธอดูเป็นห่วงเป็นใยจนเข็มทิศต้องอมยิ้ม
“ขอโทษทีครับ คิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย ว่าแต่คุณบีมมีอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหมครับเกี่ยวกับเรื่องงาน”
“บีมต่างหากล่ะคะที่ต้องถาม ว่าทางคุณฟิวกับน้องข้าวมีติดขัดหรือไม่สะดวกอะไรหรือเปล่า บอกได้เลยนะคะ”
“ผมสะดวกครับ คิดว่าข้าวหอมก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ่ายโฆษณาสั้นหนึ่งเรื่อง ถ่ายโปสเตอร์เดี่ยว และถ่ายคู่นายแบบที่ทางแบรนด์จัดหามาเองอีกหนึ่งชุด ก็แฟร์ๆ ดีครับ”
“งั้นก็ตามนี้นะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วบีมขอตัวก่อนนะคะ”
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ทั้งคู่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันไป เข็มทิศแวะทำธุระอีกหลายอย่าง ใช้เวลาราวๆ สามชั่วโมงถึงได้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงขับรถกลับบ้านอย่างสบายใจ...