มิใช่แท่งหยก

1942 คำ
“ข้าไม่ควรข้องเกี่ยวกับนางตั้งแต่แรก สตรีโฉมงามแต่อับจนปัญญาเช่นนั้น และยังมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว ทั้งที่พื้นเพเป็นเพียงลูกพ่อค้าที่สร้างตัวขึ้นจากการขูดรีดผู้อื่น” หยางอี้คังนึกแค้นใจ เขากับซูกุ้ยฟางมีเรื่องบาดหมางกันเมื่อสิบปีก่อน เรื่องซึ่งเขายังไม่อาจให้อภัยคนในตระกูลซูได้ ด้วยมันสร้างความอับอายให้เขา “แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับคุณหนูซูนะขอรับ ชีวิตนางน่าสงสาร และใจก็ไม่ต้องการตกเป็นของเล่นแก่ผู้อื่น เท่าที่ทราบ เจ้าบ้านซูยกนางให้กับคุณชายเอี้ยเติ้งฉวนแห่งเรือนตะวันแดงที่อยู่ทางทิศตะวันออกติดแม่น้ำแดงเพื่อเป็นการชดใช้หนี้พนันที่เจ้าบ้านซูติดค้างไว้มากโข แต่ฝ่ายนั้นหาได้นิยมสตรี เขาต้องการซูมู่เหยา ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณหนูกุ้ยฟาง แต่มู่เหยาเป็นคนขี้ขลาดและเจ้าสำราญ แถมไหวพริบเป็นเลิศ จึงไหวตัวทัน รีบไปขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงเก้าซึ่งเป็นคนรัก สุดท้ายคนที่ถูกส่งตัวมาให้แก่คุณชายเอี้ยจึงเป็นคุณหนูกุ้ยฟางผู้โชคร้าย และเท่าที่บ่าวทราบ เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้คุณชายเอี้ยอย่างหนัก จึงตั้งใจขายคุณหนูซูกุ้ยฟางในตลาดในราคาที่ถูกแสนถูกเทียบเท่ากับบ๊ะจ่างหนึ่งลูก เพื่อหวังให้ตระกูลซูขายหน้า และมันก็สำเร็จเป็นอย่างดี” อาเปี่ยวมีหูตากว้างไกล อดีตเป็นถึงทหารองครักษ์เสื้อแพร อีกทั้งมีความเก่งรอบรู้เรื่องต่างๆ ผิดแต่พักหลังสุขภาพกายไม่สู้ดี จึงถูกส่งตัวให้มารับใช้หยางอี้คัง ด้วยเขาเป็นลูกของอนุน้องชายบิดาชายหนุ่ม “และข้าคือผู้โชคร้าย ที่ต้องเสียเงินน้อยนิดและเสียเวลา แล้วยังต้องมาดูแลผู้หญิงที่สติไม่สมประกอบ ซ้ำร้ายยังดูบ้าตัณหา” ที่เขากล่าวเช่นนั้น เพราะหยางอี้คังคาดคะเนว่าหลังจากศีรษะนางได้รับการกระทบกระเทือนหนัก ความคิดความอ่านจึงเปลี่ยนไป จากเด็กหญิงที่เคยกล่าวหาว่าเขาเป็นขโมย กลับกลายเป็นสาวงามสมองฝ่อที่คิดทำตัวเยี่ยงหมูและเอาแต่นุ่งชุดวิวาห์สีแดง ปากก็ร่ำร้องให้ผู้ชายอุ้มขึ้นเตียง!! อาเปี่ยวมองหน้าคนเป็นนาย ก่อนอ้อมแอ้มตอบว่า “ข้าเกรงว่าสวรรค์เท่านั้นจึงจะล่วงรู้เรื่องนี้ แต่อย่างไรเสียคุณหนูกุ้ยฟางก็งามเหนือผู้ใด นางคงสร้างความพึงพอใจให้ท่านแม่ทัพได้บ้าง” ได้ยินเช่นนั้น มือยาวและแข็งแกร่งก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด และสั่งให้อาเปี่ยวเร่งเติมอย่างไว “ยามนี้ ข้าเป็นห่วงลั่วลั่วเหลือเกิน ป่านนี้นางจะไปซุกซนอยู่ที่ใด” “ข้าก็ประหลาดใจยิ่งนัก และม้าเร็วของเราสืบได้ว่าแม่นางลั่วลั่วได้ออกจากเรือนหลายชั่วยามแล้ว แต่เหตุใดยังเดินทางมาไม่ถึงจุดนัดพบก็มิอาจทราบได้” แม่ทัพหนุ่มรูปงามตบโต๊ะไปหนึ่งที และกล่าวขึ้น “เฮ้อ ข้าคิดว่าผู้ที่ขัดขวางเรื่องนี้คงไม่พ้นเกาจื้อเฉิง เพื่อนรักของข้าเป็นแน่” เมื่อกล่าวจบก็วางจอกสุราลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนสั่งให้อาเปียวนำป้านสุรามาส่งให้ จากนั้นก็กรอกมันเข้าปาก หวังให้เมามายเพื่อลืมเรื่องที่ทำให้จิตใจหนักอึ้ง ซูกุ้ยฟางหลับๆ ตื่นๆ อยู่เกือบสองวันเต็มๆ ในห้องนอนของหยางอี้คัง นางได้รับการดูแลอย่างดีจากฝูและบ่าวรับใช้อีกสองคน ซึ่งล้วนเป็นคำสั่งของหยางอี้คัง ช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ซูกุ้ยฟางต้องคอยหลบหน้าบุรุษรูปงาม ด้วยเขาดื่มหนักจนน่ากลัว และยังจู้จี้ขี้บ่นไปเสียทุกเรื่อง แม้แต่การแต่งตัวของหญิงสาว “ผู้หญิงสกุลซูนิยมนุ่งห่มชุดเจ้าสาวตลอดเวลารึอย่างไร แล้วไฉนมันถึงเป็นสีแดงดั่งโลหิตเช่นนี้” ริมฝีปากอวบอิ่มพยายามขยับโต้ตอบ แต่สมองของนางเหมือนยังไม่เข้าที่เข้าทาง และดูเหมือนจะขาวโพลนไปเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะยามที่บุรุษเจ้าของเรือนทำสุ้มเสียงเข้มใส่ๆ พร้อมแสดงอาการเกรี้ยวกราดเกินจริง “ผู้น้อยหาได้มีอาภรณ์อื่น และเรือนของท่านมีแต่ผ้าดิบสีดำทึมทึบเนื้อหยาบชวนให้ระคายผิว ไม่ก็สีขาวซีดๆ ราวผ้าห่อศพ!” “นี่เจ้ากำลังกล่าวว่าข้าไร้รสนิยมเยี่ยงนั้นหรือ” “โอ้ มิได้ ผู้น้อยมิกล้า” ซูกุ้ยฟางปฏิเสธเสียงตื่น “ฮ่าๆๆ ใครเชื่อเจ้าคงแปลก สตรีตระกูลซูร้ายกาจและอำมหิตเพียงใด ข้าคนนี้ย่อมรู้ดีแก่ใจ” หญิงสาวฉงนหนัก หยางอี้คังทำราวกับรู้จักนางมาตั้งแต่ชาติปางก่อน และท่าทางเขาดูรังเกียจนาง แต่พอตกดึกกลับปีนขึ้นเตียงแถมยังพยายามขยับเข้ามาใกล้ๆ การกระทำแสนพิลึกพิลั่นนี้สร้างความพิศวงแก่ซูกุ้ยฟางยิ่งนัก “เอาละ เข้านอนได้หรือยัง ข้าง่วงเต็มทน พรุ่งนี้เช้ามีธุระต้องเข้าเมืองเพื่อเจรจางานสำคัญ” “เจ้าค่ะ ชะ เชิญท่านแม่ทัพ” หญิงสาวบอก และค้อมตัวเดินไปตรวจสอบความเรียบร้อยของเตียงนอนหลังใหญ่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่ ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตา หลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!! คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง! “เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!” นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เหตุใดคืนนี้กายแกร่งของเขาถึงได้ขยับมาชิดกัน แถมยังสร้างความหวิวไหวเป็นอย่างมากต่อหัวใจสาวด้วยการนอนกึ่งเปลือยกาย! ครั้นนางเคลื่อนมือเรียวสวยเพื่อเปลี่ยนทิศทาง ก็พบว่าแก่นกายของหยางอี้คังอ่อนตัวและมันอยู่ในฝัก มิใช่ดุ้นแข็งขันที่นางเคยเห็นในคลิปโป๊แนวจัดหนักจัดเต็ม! ความรู้สึกดังกล่าวยากเกินบรรยายเป็นคำพูด หญิงสาวผู้เคยพบเห็นฉากมหัศจรรย์มาบ้างจากสื่อต่างๆ ในโลกเก่า ซึ่งยามนี้นางได้จับของจริง ทั้งที่เมื่อก่อนได้แต่จินตนาการถึง กระนั้นสิ่งนี้มันควรดุดันแข็งขันและผงาดล้ำท้าทายมือเรียวสวย แล้วเหตุใดความรู้สึกที่ได้รับกลับนุ่มนิ่มชวนให้รู้สึกเสียดายโดยแท้ กระนั้นนางต้องรีบดึงสติตนเองกลับ ด้วยมาอยู่ในร่างคุณหนูตกยากนามว่า ซูกุ้ยฟาง! ที่ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือจากชายผู้นี้ และเขากลายเป็นเจ้าชีวิตนาง ดังนั้นจะทำตัวเยี่ยงหญิงคณิกาได้อย่างไร ทว่าทั้งที่เตือนตัวเองอย่างนั้น มือนางยังซุกซนไม่หยุด “โอ้ ข้าคือกุ้ยฟาง คุณหนูผู้อาภัพที่ถูกชายใจโฉดปากร้าย โยนเศษเงินซื้อมาเพื่อบำเรอกาม!” นางรำพึงรำพันปิ่มจะขาดใจ แต่ทั้งสิ้นล้วนแสร้งทำ อึดใจต่อมา ชายหนุ่มพลิกมาทาบร่างเพรียวสมส่วน จมูกโด่งๆ ซุกไซ้ซอกคอระหงของนาง ก่อนที่หน้าอกกว้างจะเบียดชิดร่างหอมที่มีผิวกายนวลเนียน และอีกฝ่ายเบียดราวกับต้องการให้ร่างกายของทั้งคู่เป็นเนื้อเดียวกัน ซูกุ้ยฟางนอนตัวแข็งทื่อ นางไม่รู้ว่าเขาละเมอหรือไม่ ทว่าในโลกโบราณนี้ ชายหญิงหากยังไม่ตบแต่งเป็นสามีภรรยาย่อมไม่ควรจะใกล้ชิดกัน “ทะ ท่านแม่ทัพ” นางว่าและค่อยๆ ถอยตัวออกห่างเขา “อื้อ...มาให้ข้าจูบเสียดีๆ” หยางอี้คังเอ่ยเสียงทุ้ม ทั้งที่หลับตาพริ้ม จากนั้นจึงพลิกร่างหนามาทับซูกุ้ยฟาง “ไม่...ทะ ท่านทำเช่นนี้นับว่าไม่สมควร ผู้น้อยอึดอัด” ซูกุ้ยฟางเอ่ยพร้อมลุ้นอย่างหนักว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด กระทั่งริมฝีปากสีสดของอีกฝ่ายจวนประกบลงมาที่ริมฝีปากนาง ดวงตาเรียวคมพลันลืมตาตื่น! หยางอี้คังตกใจเล็กน้อย แต่เขารีบแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าด้วยการโยนความผิดให้สตรีโฉมงาม “เหลวไหล! สตรีไร้ยางอาย เจ้ากำลังจะทำอะไรข้า” ซูกุ้ยฟางอึ้งจัด ทั้งที่เมื่อครู่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าชายหนุ่มตั้งใจจูบนาง “ก็ท่าน...” “ข้า ข้าทำอะไรฮึ” “เปล่าเจ้าค่ะ” นางโกรธจัด หากพยายามเล่นบทหญิงสาวสมองฝ่อ ด้วยรู้ว่าผู้ชายมักนิยมชมชอบสตรีที่มีกิริยาอ่อนหวานและไม่ประสีประสาเรื่องบนเตียง แน่ละ ไม่ว่ายุคสมัยใดผู้ชายก็ชอบสตรีเรียบร้อยเช่นนี้ “ก็ใช่น่ะซี ข้าเป็นชายชาตรี คิดหรือว่าจะล่วงเกินเจ้า อย่าได้ปั้นแต่งเรื่องชวนให้ขายหน้าเลยแม่นางซู!” “แน่ละเจ้าค่ะ ท่านเป็นชายอกสามศอกจริงๆ” นางว่าพลางมองไปยังเสื้อผ้าของหยางอี้คัง เขาไม่ได้สวมกางเกง มีแต่เสื้อคลุมที่สวมเอาไว้หลวมๆ และมันแบะกว้างเผยให้เห็นร่างกายทุกส่วนชัดเจน ซึ่งคราแรกนางอยากเบือนหน้าไปทางอื่น หากสายตากลับจับจ้องไปยังเรือนกายและหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงสวย ก่อนหยุดที่แท่งหยกของเขาที่นอนนิ่งอยู่ในฝัก มันงดงามมาก มากเสียจนซูกุ้ยฟางเผลอกลืนน้ำลายลงคอ! “เหตุใดถึงไร้ยางอาย กล้ามองชายอื่นที่ไม่ใช่สามีเช่นนี้” “ถึงยังไม่ได้เป็น แต่ท่านแม่ทัพก็นอนร่วมเตียงกับผู้น้อยแล้ว” นางโพล่งออกไป เรื่องนี้เป็นความจริงที่ทุกคนรู้ “นั่นเป็นเพราะข้าทำตามหนังสือซื้อขาย หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าโยนออกไปนอกห้องเสีย คนจะได้ป่าวประกาศว่าสตรีสกุลซูสวยแต่รูป หากไร้เสน่ห์ชวนให้ข้าอยากอุ่นเตียง” ซูกุ้ยฟางโกรธจนแทบอยากฉีกเนื้อชายหนุ่มเป็นชิ้นๆ นางกับหยางอี้คังนอนร่วมเตียงมาสามคืน และเขาดูเหมือนจงใจกลั่นแกล้งนาง ราวกับอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นหญิงบำเรอของเขา เพื่อไม่ให้คนในเมืองไคหนานติดใจที่เขาซื้อนางมา แต่หญิงสาวก็เป็นเพียงเมียหลอกๆ เท่านั้น ในความจริงนางยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง และไม่ใช่สาเหตุอื่นใด ด้วยเรื่องนี้มันประจักษ์แก่สายตาซูกุ้ยฟาง แม่ทัพเตียงหักผู้นี้ แท้จริงแล้วดาบยักษ์ของเขาอ่อนปวกเปียกไร้น้ำยา!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม