ประวัติอันรดา #1

1847 คำ
ผู้ช่วยส่วนตัวหนุ่มใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็กลับมาพร้อมกับข้อมูลประวัติย่อของอันรดา และเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ ไม่ว่าเอกสารสมัครงาน เอกสารยืนยันประวัติการทำงาน เอกสารฝึกอบรม ทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวที่ทางราชการออกให้ และบันทึกผลการศึกษา ทันทีที่แฟรงค์ทิ้งภามไว้พร้อมกับเอกสารที่จำเป็นบนโต๊ะ ภามก็เริ่มอ่านข้อมูลของอันรดาอย่างสนใจ “อันรดา ปรเมศเมฆา โสด” เขาอ่านชื่อและสถานภาพการสมรสของเธอ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นชื่อแม่ของเธอในใบสมัครงาน ภามเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหน “ปิ่นทิพย์ ปรเมศเมฆา”ภามใช้มือเคาะโต๊ะไปมาอย่างใช้ความคิด นัยน์ตาของเขาหรี่แคบลงแล้วพึมพำ “ทำไมนามสกุลของเธอคุ้น ๆ จัง” เขาสังเกตเห็นว่าอันรดาไม่กรอกชื่อพ่อของเธอลงไปในนั้นและนั่นทำให้เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง ภามค้นหาทะเบียนบ้านจึงเห็นว่าชื่อบิดาผู้ให้กำเนิด คือ ศักดิ์อนันต์ ปรเมศเมฆา เขาส่งเสียงฮึมฮัมและลูบคางไปมา “ดูคุ้นเคยมาก ใช่คุณศักดิ์อนันต์ เจ้าของสถานีโทรทัศน์หรือเปล่านะ” เขาได้พบกับศักดิ์อนันต์สองครั้งตั้งแต่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และเท่าที่เขารู้คุณศักดิ์อนันต์พูดว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ที่ชื่อ… ภามนึกเสียใจที่เขาไม่สามารถจำชื่อได้ ผู้หญิงซึ่งถูกเรียกว่าเป็นลูกสาวของศักดิ์อนันต์ เขาเคยได้ยินข่าวและเคยเห็นหน้าแต่จำชื่อเธอไม่ได้! “ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง ประเด็นคือเขาเคยพบกับลูกสาวของศักดิ์อนันต์และเธอหน้าตาไม่เหมือนอันรดา เขาวางทะเบียนบ้านลงแล้วสรุปว่า “มีคนมากมายที่นามสกุลนี้ เป็นไปได้ว่าอาจมีศักดิ์อนันต์ ปรเมศเมฆาอีกคน” ความคิดของเขาหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าอันรดา เกิดและโตที่กรุงเทพฯ “บังเอิญอะไรแบบนี้” จากนั้นเขาก็อ่านข้อมูลของลูก ๆ ของอันรดา เห็นได้ชัดว่าอันรดาไม่ได้ลงข้อมูลบิดาของเด็กทั้งสอง ภามไม่เคยสนใจชีวิตคนอื่น แต่เขาไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของอันรดาได้เลย ผู้หญิงคนนี้ดึงดูดความสนใจของเขามานานกว่าหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่พบกันที่เชียงใหม่ เธอน่าสนใจแถมยังทำให้เขาตื่นเต้น และที่สำคัญเธอสวยสะดุดตาเขามาก ภามไม่สามารถชี้ชัดว่ามันคืออะไร แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับอันรดาที่ทำให้เขาทึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงส่งผลต่อความคิดของเขา เมื่อผู้ช่วยส่วนตัวบอกว่าอันรดามีลูก เขาสันนิษฐานทันทีว่าเธอแต่งงานแล้ว กระทั่งรับรู้ข่าวสารใหม่ว่าเธอยังไม่ได้แต่งงาน ภามจึงกระตือรือร้นสนใจในตัวอันรดามากขึ้น หลังจากดูบันทึกการเรียนของอันรดาแล้ว เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างขาดหายไป “หลังจากที่เธอเรียนจบมัธยมปลายที่กรุงเทพแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรเลยเหรอ จากนั้นเธอก็เข้ามาทำงานที่ห้องอาหารในโรงแรมที่เชียงใหม่ แล้วก่อนหน้านั้นเธอทำอะไรอยู่ที่ไหน เธอไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหรอ” เขาคิด ภามเข้าใจว่าเธออาจจะหยุดเรียนตอนเธอตั้งท้อง แต่พอย้อนกลับไปในปีที่ลูกแฝดของเธอเกิด เธอควรจะเรียนที่ไหนสักแห่งบางอย่างทำให้ภามไม่เข้าใจ เขากางเอกสารและถ่ายรูป ก่อนส่งรูปทั้งหมดไปทางอีเมล เขากดหมายเลขของปลายสาย อีกฝ่ายเป็นนักสืบฝีมือดี ทั้งยังมีทีมแฮ็กเกอร์อยู่ในสังกัด เป็นคนที่เขาไว้ใจในการทำงานให้เขามาโดยตลอด คนที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบีแอนด์เจกรูปแต่เก่งพอที่จะทำงานสกปรกให้เขา ในโลกของธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การมีข้อมูลที่ถูกต้องไว้ในมือย่อมเป็นเรื่องจำเป็น ทันทีที่ปลายสายกดรับ ภามก็พูดว่า “ฉันส่งเอกสารไปให้แล้ว ฉันต้องการให้นายตรวจสอบฉันต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบุคคลนี้” “ผมเห็นแล้ว เธอชื่อ อันรดา ปรเมศเมฆา?” “ใช่ประจักษ์ ฉันต้องการข้อมูลอัปเดตภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอมีลูกสองคน ฉันอยากรู้ว่าใครคือพ่อของลูกแฝด คนไร้ความสามารถที่ทอดทิ้งลูกเมียของตัวเอง!” ภามสั่ง “ได้ครับท่าน ผมจะตรวจสอบและแจ้งให้คุณทราบ” ประจักษ์ตอบ “น่าจะง่าย” หลังจากนั้นเขาก็กดตัดสายไป ภามยังคงจับจ้องไปที่กระดาษซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ สิ่งต่อไปที่เขาจะทำคือโทรศัพท์หาครูใหญ่ของโรงเรียนไฮเกรดสคูลแอนด์อะแคเดอมี …… “ฉันต้องการพาลูกมาสมัครเรียนค่ะ” อันรดาพูดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนของโรงเรียนไฮเกรดสคูลแอนด์อะแคเดอมี ฝ่ายนั้นให้เธอกรอกข้อมูลของเด็กทั้งสองก่อนยื่นพร้อมเอกสารประจำตัวอื่น หลังจากยื่นเช็คเพื่อชำระค่าสมัครเรียน เจ้าหน้าที่คนนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ อันรดาสังเกตเห็นว่าผู้หญิงที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ดูตกใจมากเมื่อพูดคุยไปสักสองสามประโยค ก่อนขยับยืนขึ้นเพื่อออกไปคุยห่างจากเคาน์เตอร์หลายเมตร เธอกลับมาและบอกอันรดาว่า “คุณอันรดาคะ พาลูก ๆ ไปได้แล้วค่ะ พวกเขาทั้งสองได้อยู่ห้องเคหนึ่ง ครูผู้ช่วยจะมาพาคุณไปอีกสักครู่นะคะ” พนักงานหญิงแจ้งกับอันรดา “เมื่อคุณส่งน้องทั้งสองแล้ว ครูใหญ่อยากจะคุยกับคุณค่ะ” “อืม... มีเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ” อันรดาถามอย่างสงสัย ด้วยไม่คิดว่าทุกอย่างจะรวดเร็วเช่นนี้ กึ่งกังขาว่าครูใหญ่ต้องการพูดคุยอะไร “ลูก ๆ ของคุณได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเราแล้วค่ะ หลังจากคุยกับครูใหญ่แล้ว เราจะคุยกันเรื่องหนังสือและอุปกรณ์การเรียนอื่น ๆ ที่ลูก ๆ ของคุณต้องใช้ค่ะ” หญิงสาวแจ้ง “ขอบคุณมากค่ะ” อันรดาพูดอย่างดีใจ อันรดาและลูก ๆ ของเธอมาถึงห้องเรียนแล้ว และอยู่ระหว่างการสนทนา เด็กทั้งสองได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีการแนะนำให้รู้จักกับนักเรียนอีกสิบกว่าคนที่อยู่ในห้องเรียน ครั้นเห็นว่าเอลลี่และอชิไม่มีปัญหาอะไรกับเพื่อนใหม่ อันรดาก็เดินกลับไปพบครูใหญ่ตามที่ได้รับแจ้งก่อนหน้า หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องทำงาน ทันทีที่ครูใหญ่เห็นก็ลุกจากเก้าอี้พร้อมเดินเข้ามาหาและยิ้มให้อย่างอบอุ่น อันรดายกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนด้วยความที่ตนเองมีอายุน้อยกว่า ครูใหญ่จึงรับไหว้ ก่อนผายมือไปทางชุดโซฟารับแขก “นั่งก่อนค่ะคุณอันรดา” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งนำน้ำเข้ามาเสิร์ฟ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพินรสา ฉันเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนนี้” หญิงวัยกลางคนหน้าตาดีเกริ่นแนะนำตัว “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ และขอชื่นชมบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองที่ทางโรงเรียนมอบให้ค่ะ และฉันค่อนข้างแปลกใจที่โรงเรียนของคุณมีขั้นตอนการสมัครเรียนที่รวดเร็วมาก” อันรดาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะคุณอันรดา เราจำได้ว่าลูก ๆ ของคุณทำคะแนนสูงสุดระหว่างการประเมินทางออนไลน์ เรารู้ว่าพวกเขามีความพิเศษ อันที่จริงนั่นคือเหตุผลที่เราเชิญคุณมาพูดคุยค่ะ ทางโรงเรียนของเราขอเสนอทุนการศึกษาสำหรับเด็กที่พ่อแม่ทำงานให้กับบีแอนด์เจกรูปหากคุณต้องการให้ลูก ๆ ของคุณลองดู พวกเขาสามารถสอบชิงทุนได้ค่ะ” ครูใหญ่แนะนำ “ว้าวจริงเหรอคะ!” อันรดาอุทาน “นั่นเยี่ยมมากเลยค่ะ ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะทำได้ดีมาก” อันรดามั่นใจในความสามารถที่ไม่ธรรมดาของลูกทั้งสอง อันที่จริงโรงเรียนก่อนหน้านี้ที่ลูกของเธอเรียน ได้แนะนำให้เด็กทั้งสองเรียนข้ามระดับชั้น แต่อันรดาปฏิเสธเพราะไม่ต้องการให้ลูก ๆ พลาดโอกาสที่จะได้เล่นสนุกกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน “ถ้าอย่างนั้นเราจะเตรียมแบบทดสอบไว้ให้เด็ก ๆ ทั้งสองหลังจบคาบเรียนนะคะ” ครูใหญ่บอก จวบจวนผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เด็ก ๆ ทั้งสองถึงได้เริ่มต้นการทดสอบ ครูจัดการประเมินเด็กทั้งสองโดยให้เด็กแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ สามแบบ และมีการสอบข้อเขียนที่ครอบคลุมบทเรียนในกลุ่มอายุ ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็ทำการทดสอบเสร็จสิ้น สองพี่น้องฝาแฝดสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดายโดยเฉพาะอชิเป็นที่ชัดเจนว่าเขาฉลาดมาก ทั้งอชิและเอลลี่ได้รับคำชมจากคุณครูอย่างมาก เอลลี่เป็นเด็กสนุกสนานร่าเริง เธอชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้า จึงใช้เวลากับครูที่รับผิดชอบด้านการประเมินเป็นเวลานานมากกว่าอชิ เป็นเรื่องปกติของอชิที่เขาจะตอบคำถามตรงประเด็น ดังนั้นเขาจึงทำการทดสอบเสร็จก่อน พวกเขาได้รับทุนการศึกษาและอันรดาได้รับเช็คที่เธอเคยให้กับโรงเรียนคืน ทุกกระบวนการมีครูใหญ่พินรสาคอยกำกับดูแล ก่อนที่ครูใหญ่จะบอกลาแยกย้ายกับคุณแม่ยังสาวและสองพี่น้องฝาแฝดอย่างมีไมตรีจิต ครั้นคล้อยหลังคนทั้งสาม พินรสาก็รีบกดโทรศัพท์ต่อสายทันที “แจ้งผมมาได้เลยคุณพินรสา” เสียงทุ้มราบเรียบตอบกลับมา “คุณภามคะ น้อง ๆ สอบผ่าน ตัวจริงสดใสฉลาดมากค่ะ สมกับทุนการศึกษาที่คุณเสนอให้ค่ะ” พินรสารีบแจ้ง “ฉันคืนเช็คให้เธอไปแล้วนะคะ” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อที่อยู่ปลายสายยกยิ้ม “ขอบคุณที่ทำตามที่ผมขอ เราจะยังคงสนับสนุนสถาบันการศึกษาต่อไปในทางที่เราสามารถทำได้ แต่สำหรับตอนนี้โครงการทุนการศึกษาปิดแล้ว เรามีผู้รับผลประโยชน์เพียงพอแล้ว” “อะไรนะคะคุณภาม คุณหมายถึงมีเพียงเอลลี่และอชิ ปรเมศเมฆาเท่านั้นที่ได้รับทุนการศึกษาใช่ไหมคะ” พินรสาถามอย่างสงสัย เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วท่านประธานหรือ ภาม โบฟอร์ด จิรวิวัฒนกุล ได้โทรศัพท์มาเป็นการส่วนตัวเพื่อมอบทุนการศึกษาให้กับลูก ๆ ของพนักงาน มันทำให้ครูใหญ่ปลื้มปีติมาก เพราะจำนวนนักเรียนมากขึ้น นั่นหมายถึงผลกำไรที่จะได้รับก็มากขึ้นด้วยสำหรับโรงเรียน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม