PhraPhai Talk
ณ ห้องสมุด มหาลัยชื่อดังทางภาคเหนือ
"อร๊ายยย วงแบดกาย จะกลับไทยแล้ว โอ๊ยๆ ฉันอยากไปรับ หมอสายลม จังเลย" เสียงอัญ ว่าที่คุณหมอลูกสาวเจ้าของร้านทองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ร้องออกมาแบบไม่เกรงใจใคร และสักพักก็เงียบไปเพราะสายตานักศึกษาหลายสิบชีวิตที่อยู่ในห้องสมุดของมหาลัยที่มองมาทางกลุ่มเรา
"เป็นเอามากนะแก แกจะปลื้มอะไรกับ หมอสายลม นักหนา" เสียงน้ำชา สาวบริหารธุรกิจลูกสาวเจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พูดออกมาแบบเอือมระอากับอาการคลั่งไคล้ศิลปินวงนี้ของเพื่อนตนเอง
"นี่แกไม่รู้อะไร หมอสายลม เป็นดั่งเสมือนตัวแทนของพวกฉันชาวนักศึกษาแพทย์เลยนะย่ะ ที่ทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าการเป็นนักศึกษาแพทย์ไม่ใช่หนอนหนังสือที่อยู่ในรูกระบอกเท่านั้น แต่สามารถทำอะไรได้มากมายที่คนทั่วไปนึกไม่ถึง อย่างเช่นการที่เรียนหมอแล้วยังเป็นศิลปินดังทั่วทั้งเอเชีย" อัญพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจเสมือนประหนึ่งกำลังกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีโลก
"โห พาย แกดูเพื่อน ว่างๆแกช่วยพายัยอัญเดินไปแถวตึกโดม(ตึกคณะจิตแพทย์) บ้างก็ดีนะได้ยินว่ารุ่นพี่ที่คณะต้องการเคสไว้กรณีศึกษาสำหรับเทอมหน้า ยัยอัญน่าจะเข้าข่ายกรณีศึกษาที่ดีได้เลยหละ" น้ำชายังพูดแซวเพื่อนไม่จบ
"ฉันไม่ได้บ้า" อัญตอบแบบเหวี่ยงใส่เพื่อน
ในขณะที่เพื่อนรักทั้งสองถกเถียงกันอยู่นั้น ฉันก็เปิดเว็บไซต์ข่าวดาราไปพลางในระหว่างอ่านหนังสือเพื่อเตรียมความพร้อมของชีวิตนักศึกษาแพทย์ปี 3 ของปีการศึกษาหน้า
เวลาผ่านมา 10 ปีแล้วสินะ ที่แม่จากพวกเราไป และเป็น 10 ปี ที่ฉันและลมไม่ได้เจอกันอีกเลย มีแต่สร้อยนำโชคที่เค้าให้ฉันไว้ ถึงแม้สร้อยนี้จะไม่สามารถทำให้แม่อยู่กับพวกเราจนถึงตอนนี้ได้ แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแม่ พวกเราก็ทำทุกวันให้มีความสุข ขนาดวันที่แม่ไปยังเหมือนนอนหลับตาเลย หลังจากที่แม่ไม่อยู่กับพวกเราแล้วนั้น ครอบครัวพวกเราก็กลับมาใช้ชีวิตที่ภาคเหนือเหมือนเดิม ส่วนฉันก็สอบเข้าคณะแพทย์ที่มหาลัยในภาคเหนือเพราะไม่อยากห่างจากครอบครัว ฉันคอยติดตามข่าวของ ลม เสมอ ไม่ว่าจะออกคอนเสิร์ตหรือออกรายการที่ไหนฉันจะรู้ตลอด เรียกว่าเป็น ติ่ง ของวงนี้ก็ว่าได้ ชีวิตของเค้าเพอร์เฟ็คทุกอย่าง ตั้งแต่เข้าเรียนแพทย์ในมหาลัยชื่อดังที่อายุยังน้อย เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน แถมยังโกอินเตอร์ไปทั่วทั้งเอเชียอีก เป็นคนที่เอื้อมถึงยากมากสำหรับฉัน แค่จะมีโอกาสยืนคุยกันคงยากเลย
"เฮ้ย พวกเรา ฉันได้ตั๋วไป Meet and Greet ของ วงแบดกาย แล้วนะ" เฌอแตม สาวศิลปศาสตร์ ลูกสาวผู้ว่าราชการจังหวัด อยู่ๆพูดขึ้นมาหลังจากที่เพื่อนสองคนเถียงกันจบ ยัยนี่ก็ติ่งไม่แพ้กันกับยัยอัญเลยที่คลั่งวงนี้มาก
"จริงเหรอเฌอ ว้าย แบบนี้ก็เจอหนุ่มๆ วงแบดกาย ตัวเป็นๆ สัมผัสได้ ได้ยินเสียง แค่คิดก็ฟินแล้ว นี่พวกเรา ไปรับพวกเค้าที่สนามบินเลยมั๊ย" ยัยอัญตัวต้นคิดเอ่ยเสนอกับพวกเรา
"โห แต่เราต้องอยู่กรุงเทพฯ ถึง 3 วันเลยนะกว่าที่จะมีงาน Meet and Greet ขึ้นมา" เสียงยัยเฌอแตม พูดทักท้วงเพื่อนขึ้นมา
"ตอนนี้ปิดเทอม แถมพวกเราก็ 20 กันแล้วนะ ออกไปปลดปล่อยก่อนจะไม่มีโอกาสกันเถอะ เปิดเทอมหน้าขึ้นปี 3 ไม่รู้จะมีโอกาสได้เห็นเดือนเห็นตะวันรึป่าวเลย ไปเถอะนะพวกแก ส่วนที่พักไปไม่ต้อง worry ไปพักคอนโดฉันเอง" ยัยอัญเสนอความคิดเห็นและขอร้องทุกคนให้ทำตาม
"เอาไง พาย แกไปด้วยกันมั๊ย ส่วนแก น้ำชา ถึงแกจะไม่ค่อยชอบ วงแบดกาย แต่ฉันก็อยากให้แกไปด้วยนะ ถือว่าไปเที่ยวก่อนเปิดเทอม อีกอย่างพวกเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันทั้งกลุ่มแบบนี้นานแล้วนะ" เฌอแตมถามฉันและน้ำชาขึ้นมา
"พาย ไปขออนุญาตพ่อก่อนนะ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา" ฉันตอบเพื่อนสองคนอย่างมั่นใจ ใช่ ไม่น่าจะมีปัญหา พ่อฉันใจดีและเลี้ยงลูกทุกคนให้รู้จักรับผิดชอบตัวเอง อีกอย่างตั้งแต่แม่เสียไป ฉันจึงถูกเลี้ยงแบบเด็กผู้ชายมากกว่าจะเหมือนเด็กผู้หญิง เวลาไปกับกลุ่มเพื่อนๆ ทุกคนมักจะมองว่าฉันเป็นทอมและเพื่อนฉันอีก 3 คน คือเด็กในสังกัดฉัน เฮ้อ ถึงทำให้เราทั้ง 4 คน ยังนั่งอยู่บนคานชั้นสูงอยู่จนถึงทุกวันนี้
"ฉันต้องไปด้วยสิ ถ้าฉันไม่ไป ใครจะคอยคุมพวกแกไม่ให้แรดจนออกหน้าออกตาหละ" น้ำชาตอบกลับ
"โอเค อีก 3 วัน พวกเราจะไปตะลุยเมืองกรุงกัน 55" เสียงพวกเราหัวเราะลั่นกันอีกครั้งแบบไม่เกรงใจนักศึกษาคนอื่นๆที่อยู่ในห้องสมุดเลย
สามวันต่อมา @สนามบินนานาชาติกรุงเทพฯ
"พวกแก ฉันหายใจไม่ออก รู้สึกใจเต้นแรง เหมือนกำลังเป็นโรคหัวใจ" เสียงยัยอัญพูดขึ้นขณะที่เรากำลังรอ วงแบดกาย ที่สนามบิน ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ที่สนามบิน หลังจากที่พวกเราขออนุญาตพ่อแม่ว่าขอมาปลดปล่อยก่อนจะเปิดภาคเรียนใหม่ พวกท่านก็อนุญาตให้พวกเรามา วันนี้คนเยอะมากเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งมาจากแฟนคลับต่างแห่กันมารับ วงแบดกาย ที่ไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วเอเชียนานถึง 2 เดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้เห็น ลม แบบตัวเป็นๆ ที่ไม่ได้ผ่านหน้าจอทีวี หน้าจอมือถือ หน้าจอโน๊ตบุ๊ค ตอนนี้ฉันกำสร้อยที่เค้ามอบให้ฉันไว้เมื่อเราเจอกันครั้งแรก เมื่อ 10 ปีก่อน แม้การเจอเค้าครั้งนี้ฉันจะมองเห็นเค้าไกลๆ
"อร๊ายยย มาแล้ว พี่ชิน พี่ควินท์ พี่ตุลย์ พี่คิง พี่ลม ขอจับมือหน่อยคร้า" เสียงบรรดาแฟนคลับต่างตะโกนเรียกศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบออกมาเสียงดัง ดังชนิดที่ฉันนึกว่าสนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจะแตกให้ได้
ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นเค้าแล้ว ดูดีและมีออร่ากว่าในจอมากเลย เค้าจับมือทักทายแฟนคลับ และเล่นมุขกับแฟนๆ ในขณะที่ฉันมองเค้าจากมุมไกล
"พวกแกเห็นมั๊ยอะ หมอสายลม ของฉันน่ารักแค่ไหน ทำไงถึงจะเข้าไปใกล้ได้กว่านี้นะ" เสียงยัยอัญบ่นขณะที่ฉันจ้องมอง ลม อยู่
"เห็นแค่นี้ก็ดีแล้วแก ยังไงอีก 3 วัน แกได้สัมผัส หมอสายลม ตัวเป็นๆแน่นอนในงานหนะ อย่าใจร้อนเลย นี่เค้าก็เดินไปกันแระ พวกเรากลับกันเถอะ ไปไหนต่อกันดีพวกเรา" ยัยเฌอแตมเตือนสติเพื่อนไม่ให้ใจร้อนและชวนพวกเรากลับ
"พวกแก พายขอไปห้องน้ำก่อนนะ รู้สึกเคืองๆตา ขอเข้าไปดูในห้องน้ำหน่อย พวกแกไปรอที่ร้านกาแฟก่อนนะ" ฉันบอกทุกคนก่อนจะเดินแยกออกมา
ในระหว่างที่ฉันทำภารกิจในห้องน้ำเสร็จ และเดินออกมา ทำไม โชคชะตา ชอบเล่นตลกกับฉันแบบไม่ตั้งตัวอีกแล้วหละ ตอนนี้ฉันอยู่ต่อหน้า ลม ที่กำลังจะเดินสวนฉันไป
"สวัสดี เรา เจอกัน อีกแล้วนะ" อยู่ๆปากฉันก็ขยับให้พูดประโยคนั้นออกไป ทำให้ฝ่ายตรงข้ามชะงักและตอบคำทักทายฉันออกมาแบบสะเทือนใจนิดๆ
"เธอ เรา เคย เจอกัน ที่ไหน" เค้าพูดออกมาแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง จนกระทั่งมีใครบางคนเรียกเค้า
"น้องลม อยู่นี่เอง ทุกคนรอที่รถแล้วนะจ๊ะ รีบไปกันเถอะ" หลังจากคนที่มาตามเค้าพูดออกมา เค้าก็เดินสวนฉันเดินออกไป แต่มีแวบนึงที่เค้าหันหลังมามองหน้าฉัน
ฉัน คิดถึง เธอ
อยู่ๆคำนี้ก็เข้ามาในหัวฉัน