วังวนของแสงสี ชีวิตที่คลุกคลีอยู่กับราคะ ได้ฝากรอยราคีเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ เงินทองทุกบาททุกสตางค์ที่นอร่าห์หาได้ ล้วนมาจากความใคร่กระหายของผู้ชายในบาร์เหล้า
โซเฟียรู้สึกตกใจกับคำว่า ‘นางระบำ’ แม้พอจะรู้ว่ามันเป็นอาชีพที่ต้อยต่ำและสังคมดูแคลน ทว่าเธอก็ไม่ได้แสดงออกด้วยสายตาหยามเหยียดเหมือนคนอื่นๆที่มองนอร่าห์ว่าเป็นผู้หญิงเต้นกินรำกิน
เค้าโครงความงามของนอร่าห์ยังช่วยยืนยันในสิ่งที่หล่อนกล่าวมาทั้งหมด โดยมิต้องกังขา ยืนยันได้จากทรวดทรงองเอวที่ยังสะโอดสะอง ทรวงอกของหล่อนอวบใหญ่ สะโพกพายรับกับเอวคอด ท่อนขาเรียวที่ซ่อนไว้ใต้กระโปรงยาว ทำให้นอร่าห์ดูงามสง่า
โซเฟียไม่แปลกใจ หากเรือนร่างนั้นจะเคยสะกดสายตาผู้ชายทั้งเมืองมาแล้ว ไม่แปลกใจที่ครั้งหนึ่งในอดีต นอร่าห์เคยมีชีวิตอันรุ่งโรจน์มาจากบาร์เปลือย
“ฉันรู้ว่ามันไม่น่าภาคภูมิใจเลยสักนิด ในอาชีพที่ฉันเคยผ่านมา แต่ก็แปลก…ที่อดนึกถึงมันไม่ได้”
นอร่าห์คว้าเหล้ารัมมารินลงแก้วอีกครั้ง
ที่จริงแล้วความฝันสูงสุดของนอร่าห์คือนักเต้นรำ เธออยากเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียง ทว่าด้วยความจริงกับความฝันที่มักจะสวนทางกัน ก็ทำให้ความฝันของนอร่าห์มาจบลงที่ ‘นางระบำเปลือย’
“ไม่รังเกียจฉันใช่ไหม”
นอร่าห์ถาม น้ำเสียงแผ่วพร่าระมัดระวังในคำถาม กลัวว่าโซเฟียจะรังเกียจ หลังจากได้รับรู้เรื่องราวอันน่าสะอิดสะเอียนของชีวิตหล่อน
“ไม่เลยนอร่าห์” โซเฟียวางแก้วเหล้าแล้วเอื้อมมือไปกุมหลังมืออุ่นของนอร่าห์ พร้อมกับบีบเบาๆ จ้องมองดวงตาพร่าพรายไปด้วยหยาดน้ำตาของนอร่าห์
จากนั้นนอร่าห์ก็วางแก้วสุราที่ถืออยู่ในมืออีกข้าง ก้าวไปที่ท้ายเตียง ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออกทีละชิ้นๆจนร่างเปลือยเปล่า
โซเฟียตกใจกับการกระทำของหล่อน หากก็มองเรือนร่างนั้นด้วยสายตาชื่นชม ไม่คิดว่าผิวพรรณที่ถูกอำพรางเอาไว้ด้วยเสื้อผ้าอันซีดเก่านั้นจะงดงามไปทั้งสรรพางค์ แสดงให้เห็นว่าความอับจนข้นแค้นแสนสาหัสของชีวิต ก็ไม่อาจลบเลือนรัศมีความงามของนางระบำผู้เคยรุ่งโรจน์เมื่อครั้งอดีตลงได้
โซเฟียมองดูนอร่าห์ค่อยๆสวมชุดนางระบำช้าๆ ทุกท่าทีล้วนสะกดสายตา ราวกับว่าเหล้ารัมหลายแก้วได้เรียกวิญญาณผีนางระบำให้กลับมาสิงสู่ร่างของหล่อนอีกครั้ง
“ผู้หญิงส่วนใหญ่มองฉันด้วยสายตาขยะแขยง…ในขณะที่สามีของพวกหล่อน กลับมองฉันด้วยสายตาชื่นชมและปรารถนาในร่างกายของฉัน ทุกคืนหลังเต้นรำ มีผู้ชายมากมาย เสนอเงินให้ฉันเพื่อขอร่วมหลับนอน”
น้ำเสียงของนอร่าห์เจือความเย้ยหยันอดีตของตัวเองเอาไว้ ราวกับกำลังจะบอกเป็นนัยถึงสาเหตุที่หล่อนไม่ค่อยออกไปพบปะสังสรรค์ ไม่คบค้าสมาคม ค่อยๆแยกตัวออกมาจากโลกใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำถากถางนินทาและสายตาดูหมิ่นดูแคลนจากผู้หญิงด้วยกัน
“ขอบใจเธอมากโซเฟีย เธอเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน” นอร่าห์หันมามองโซเฟีย หล่อนคิดว่านอกจากพวกผู้ชาย ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ชมระบำของหล่อนต่อหน้าต่อตา ในระยะใกล้ชนิดขนาดเอื้อมมือออกไปจับต้องได้
“ฉันจะแสดงให้เธอดู”
กล่าวจบนอร่าห์ก็ก้าวขึ้นไปขนโต๊ะเตี้ยๆที่ตั้งอยู่ท้ายเตียง โยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ในใจ ถ่ายทอดทวงท่าที่ชีวิตของหล่อนจดจำได้ไม่มีวันลืม
มือข้างหนึ่งคว้าไปที่เสาเตียงที่มีมุ้งผูกรวบเอาไว้อีกด้าน ร่างรัดรึงย่อยวบลงเล็กน้อย แล้วสะบัดเรือนผมยาวสยายไปที่ด้านหลังอย่างเย้ายวน จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นสางผม ชูขึ้นไปขัดกันที่ด้านหลังของศีรษะ ค่อยๆเบียดคลึงแผ่นหลังกับลำเสา ใช้ง่ามก้นรูดลงมาตลอดลำของความยาว ย่อลงมาอยู่ในท่านั่งเป็นรูปตัวเอ็ม หน้าขาแบะกว้าง เย้ายวน จากนั้นก็ก้งโค้ง เข่าตึง บั้นท้ายชี้โด่งจนเส้นผมยาวสยายตกลงมากองกรอมอยู่ที่พื้น
“สวยมากนอร่าห์”
โซเฟียตะลึง รำพึงออกมาลอยๆด้วยความลืมตัว มองดูมือทั้งสองข้างของนอร่าห์ยันอยู่ที่เข่า เบียดคลึงง่ามก้นกลมกลึงกับท่อนเสา จากนั้นก็ตวัดใบหน้าขึ้นจากก้ม โปรยสายตาหวาน หว่านเสน่ห์ในดวงตา แจกรอยยิ้มยั่วไปรอบๆ ขบเม้มริมฝีปากเย้ายวนของตัวเองไปมา ก่อนจะลงคลานสี่ขาคล้ายนางแมวยั่วสวาท สะโพกยกโหย่งไปตามจังหวะคลาน สั่นส่ายบั้นท้ายเหมือนท้าทายให้ใครสักคนขึ้นมาคร่อมขี่ จากนั้นจึงค่อยๆคลานราบไปกับพื้น เต้าทรวงขยับยกขึ้นมาในบางจังหวะ ร่อนล่อมือของพวกผู้ชายที่แย่งกันเอื้อมเอาธนบัตรเสียบยัดลงกลางร่องอกเบียดอัด เพียงเพื่อแลกสัมผัสเต้าทรวงเนียนนุ่มด้วยมือสากระคาย คลึงคลำมันอย่างหื่นกระหาย แบงค์ใหญ่ก็ได้ขยำ แบงค์เล็กหน่อยก็ได้เพียงแค่สัมผัสผาดๆ
แม้โซเฟียจะเป็นผู้หญิง ทว่าเมื่อได้เห็นนอร่าห์กำลังวาดลีลาเย้ายวนต่อหน้า เธอไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพวกผู้ชายจึงได้พากันไปยัดเยียดเบียดอัดรวมกันอยู่ในบาร์แคบๆที่อึนอับ อบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าเคล้าควันบุหรี่ทุกค่ำคืน
เสี้ยวอึดใจจากนั้น นอร่าห์ก็หยุด
โซเฟียได้ยินเสียงหอบหายใจเบาๆ ทรวงอกอวบสะท้อนขึ้นลงไปตามจังหวะเข้าออกของลมหายใจ นอร่าห์เอื้อมมือไปรินเหล้าลงแก้วช้าๆ จากนั้นจึงช้อนใบหน้าขึ้นถามเพื่อความแน่ใจ ในเรื่องที่หล่อนกำลังจะเล่าต่อไป
“ไม่รังเกียจแม้กระทั่ง…”
“กระทั่งอะไรหรือนอร่าห์?” การที่นอร่าห์กล่าวไม่จบประโยค ยิ่งทำให้โซเฟียอยากรู้
“เธอไม่รังเกียจ แม้รู้ว่าฉันเคยเป็นโสเภณียังงั้นหรือ?” นอร่าห์เบะริมฝีปากเหมือนจะร้องไห้
หล่อนไม่ควรขุดคุ้ยอดีตที่กร่อนกินใจมานาน อดีตที่เป็นเหมือนรอยด่างในดวงใจ ไม่อาจลบล้างได้ด้วยวันเวลา อดีตที่หล่อนพยายามกลบฝังมันมาตลอดชีวิต
จากนั้นนอร่าห์ก็แน่นิ่ง น้ำตาคลอ ในวินาทีที่รอฟังคำตอบจากปากของโซเฟีย ราวจะหยุดหายใจ
“ไม่เลยนอร่าห์…ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องไปรังเกียจเธอ” โซเฟียตอบออกมาอย่างคนที่หัวใจไม่คับแคบต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นอร่าห์ผวาเข้ากอดเธอ โซเฟียลูบหลังให้กำลังใจ
ในอดีตที่ผ่านมา นอร่าห์เคยเป็นนางระบำชื่อดังอยู่ที่ไนต์คลับและบาร์เหล้าหลายแห่ง ผู้ชายน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักนอร่าห์ หล่อนเติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน เริ่มทำงานด้วยการเป็นสาวเสิร์ฟในบาร์เหล้าของปีเตอร์ มีชีวิตคลุกคลีอยู่กับกลิ่นเหล้า เคล้าควันบุหรี่มาหลายปี ก่อนตัดสินใจขึ้นไปตากไฟแสงสีบนเวทีโชว์
สาเหตุที่นอร่าห์ตัดสินใจเป็นนางระบำ เพราะรายได้จากการโชว์ในแต่ละคืน มากกว่าเงินเดือนที่ได้จากการเสิร์ฟเหล้าทั้งเดือนเลยก็ว่าได้
ในตอนนั้นนอร่าห์ไม่ได้คิดไกลไปถึงอนาคต คิดเพียงว่ารายได้นั้นคุ้มค่า แม้ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว ต้องตกเป็นอาหารตาให้กับบรรดานักดื่มทั้งหลายก็เถอะ
จากนั้นก็เหมือนเป็นเคราะห์กรรมของชีวิต เมื่อโชคชะตาชักพาให้นอร่าห์ได้เจอกับอองตวน นักกีตาร์รูปหล่อชาวฝรั่งเศสที่เล่นดนตรีอยู่ในบาร์ใกล้ๆกัน ไม่นานนอร่าห์ก็ตกหลุมรักอองตวนจนหมดใจ ทุ่มเทให้กับความรักครั้งแรกจนหมดตัว
ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ อองตวนก็อาจจะรักหล่อนจริง ทว่าด้วยอาชีพของนอร่าห์ที่ต้องคลุกคลีกับผู้ชายมากหน้าหลายตา สุดท้ายก็เกิดการหึงหวง อองตวนไม่ใช่ผู้ชายใจกว้างพอที่จะทนดูชายอื่นมาสัมผัสลูบไล้ภรรยาของตนได้ จากนั้นความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจก็ตามมา หลังจากมีข่าวลือว่าเมื่อลับหลังอองตวน นอร่าห์แอบขายตัวให้กับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งที่มาแกะขอบเวทีเป็นขาประจำ ดูระบำเปลือยทุกค่ำคืน
เมื่ออองตวนไม่ใจกว้างพอจะยอมรับในอาชีพของหล่อนได้ จากนั้นไม่นาน เขาก็ตีจากหล่อนไปในที่สุด หลังจากปอกลอกจนนอร่าห์สิ้นเนื้อประดาตัว ทิ้งให้หล่อนประชดชีวิตด้วยเหล้ายา สุดท้ายก็ติดงอมแงมจนแทบไม่เป็น